ชูฮันที่ชะล้างความสกปรกบนตัวออกจนหมดแล้ว ตอนนี้เขาอยู่ในห้องโถงเล็กรายล้อมไปด้วยผู้หญิงมากมายที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน พวกคุกเข่าอยู่หน้าชูฮันและพยายามยั่วยวนเขา

 

“ท่านพลเอกชูฮันช่างเป็นคนที่มีความสามารถ ท่านอายุน้อยกว่าผมแต่กลับได้เป็นถึงพลเอกแล้ว แถมยังเป็นอันดับที่หนึ่งของรายชื่อทั้งสามระยะอีก มันน่าทึ่งมาก ผมไม่สามารถเทียบท่านได้ติดเลย แม้แต่สิบอันดับแรกของรายชื่อในระยะ 5 ก็ยังไม่ความหมายอะไร” หลูอี๋ทำสีหน้าเจียมเนื้อเจียมตัว พูดจาประจบประแจง

 

มึงคิดว่ามึงเก่งแล้วเหรอไอ้ชูฮัน กูเก่งกว่ามึงเยอะ!

 

แน่นอนว่าชูฮันฟังนัยน์ที่ซ่อนอยู่ออก แต่เขาจงใจเมินเฉย “แน่นอนว่าคุณสามารถเทียบฉันได้?”

 

หลูอี๋กลืนความโกรธและความต้องการแหกปากใส่ท่าทางไร้ยางอายของชูฮันลงคอไปและเปลี่ยนหัวข้อพูดคุย “ครับท่านพลเอก ตอนนี้มันก็มืดมากแล้ว เราพักผ่อนกันก่อนจะดีกว่า ท่านต้องการเริ่มทานมื้อค่ำเวลาไหนครับ?”

 

ชูฮันมาถึงที่นี่หลายชั่วโมงแล้ว ได้กินดื่มบนผืนดินของหลูอี๋ พูดคุยเล่นเป็นเวลานาน แค่นี้มันก็เกือบจะทำร้ายหลูอี๋ได้แล้ว

 

“ใกล้แล้ว” ชูฮันไม่แม้แต่จะเปิดเปลือกตา “ไปแจ้งฉันและทหารของฉันด้วยเมื่อพร้อม ปล่อยให้พวกเขาได้ผ่อนคลายก่อนสักครู่ก่อน”

 

คำว่าผู้ใต้บังคับบัญชาทำให้หลูอี๋แทบกระอักเลือดอยู่ในอก มันต้องการจะเล่นอะไรอีก?

 

หลูอี๋พยายามอดกลั้นอารมณ์ที่โหมกระหน่ำในใจไว้และพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ผมจะทำตามครับท่าน”

 

มองไปที่ความโกรธของหลูอี๋ที่ซ่อนไม่มิด ชูฮันก็ยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ อยากจะเล่นกับเขาใช่มั้ย? ได้ งั้นก็เอาตัวให้รอดแล้วกัน!

 

ภายห้องโถงอีกห้องหนึ่งภายในบ้านพักขนาดใหญ่ซึ่งจัดเตรียมไว้โดยค่ายเจียนอี๋สำหรับทหารทั้ง 300 คนของกองทัพเขี้ยวหมาป่า แม้มันจะมีหนึ่งพลโทและพลตรีอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน 300 คน หากหลูอี๋ก็จัดให้ทุกคนอยู่รวมกัน เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการลดเกียรติ แต่ทั้งพลโทเฉินช่าวเย่และพลตรีหลิวยู่ติงเป็นคนไม่สนใจกับรายละเอียดเล็กน้อยแบบนี้

 

เพราะถึงแม้มันจะระดับชั้นของตำแหน่ง แต่สำหรับภายในทีมของชูฮันแล้วทุกคนคือเท่าเทียมกัน ทุกคนต้องเข้าร่วมในการฝึกและมันไม่มียศถาบรรดาศักดิ์ในการฝึกฝน

 

รวมถึงทีมก่อนหน้าที่เดินทางมาจากซางจิงพร้อมกับชูฮันเช่นกัน ซึ่งตอนนี้เหลือเพียงแค่หลี่บี๋เฟิงและอีกไม่กี่สิบคน แม้พวกเขาจะได้ตำแหน่งมาจากเดือนแรกของการปรับโครงสร้างทีมก่อนทุกครั้งแต่เมื่อครั้งก่อนที่โดนชูฮันลงโทษและถอดตำแหน่งออกส่งผลให้ทั้ง 300 เริ่มต้นจากศูนย์เหมือนกันหมด ทั้งยศและพละกำลัง ชูฮันใช้ความเป็นธรรมที่ทุกคนยอมรับคือการมอบยศให้จากจำนวนซอมบี้ที่แต่ละคนฆ่า ตอนนี้ยศที่สูงที่สุดที่มีในกองทัพคือสิบเอก ทั้งๆที่ทุกคนพยายามกันมากมายแต่ชูฮันก็ยังไม่มอบตำแหน่งร้อยตรีให้ใครง่ายๆ

 

เหตุผลของชูฮันนั้นง่ายมาก ตอนนี้มันเข้าสู่เดือนที่สามของการฝึกแล้ว แต่การฝึกฝนนั้นยังไม่จบลง ทหารทุกคนทำได้แค่เพียงผลลัพธ์ดีๆของการฝึกเท่านั้น แต่ในสงครามจริง ใครจะอ่อนแอและพ่ายแพ้นั้นไม่อาจรู้ได้เลย ความแข็งแกร่งที่แท้จริงจะแสดงให้เห็นต่อเมื่ออยู่บนสนามรบเท่านั้น และถ้ายังไม่จบการฝึกฝนอย่าได้คิดเรื่องอำนาจ

 

ดังนั้นขณะนี้ภายในห้องโถงใหญ่ กลุ่มทหารจึงอยู่รวมกันอย่างไม่รู้สึกถึงความผิดปกติอะไร พวกเขาต่าวคุ้นชินกับโหมดการฝึกอบรมระยะยาวแบบนี้ มันมีเพียงแค่ผู้บังคับบัญชาคนเดียวของกองทัพเขี้ยวหมาป่าเท่านั้น นั่นก็คือพลเอกชูฮัน ส่วนคนอื่นๆก็เป็นแค่ทหารทั่วไปเท่านั้นในสายตาพวกเขา

 

ในตอนนี้ ภายด้านนอกของห้องโถงที่ซึ่งมีกองทัพเขี้ยวหมาป่าอยู่ กลุ่มของเหล่าสมาชิกดั้งเดิมที่ช่วยกันก่อตั้งค่ายเจียนอี๋กำลังมีสีหน้ายุ่งเหยิง พวกเขามาที่นี้อย่างไม่เต็มใจ พวกเขามาตามคำสั่งของผู้นำสูงสุดของค่ายเจียนอี๋…หลูอี๋

 

เดิมทีแล้ว พวกเขาน่าจะสามารถใช้เรื่องแบบนี้ปั่นหัวให้พวกมันแตกคอกันได้ นี่มันไม่ใช่การดูหมิ่นกันหรือไง? การให้ระดับพลโทและพลตรีมาอยู่รวมกันทหารธรรมดามันต้องสร้างความไม่พอใจกับพรรคพวกกันเองขึ้นอย่างแน่นอน และพวกเขาจะใช้จุดอ่อนตรงนี้มาโจมตีชูฮัน

 

เพราะงั้นพลตรีหยางหลินที่มีตำแหน่งทางทหารไม่น้อยและยังเป็นมือขวาของหลูอี๋ เขาเป็นหนึ่งในคนที่มีรูปร่างกำยำและแข็งแกร่งของค่าย ในตอนนี้เขาอยู่กับกลุ่มเจ้าหน้าที่ระดับสูงของค่ายที่กำลังปรึกษาและวางแผนกันอยู่

 

แน่นอนว่าหลูอี๋ที่ได้รับการเรียกร้องจากชูฮันแค้นจัด หลูอี๋ต้องการสั่งสอน 300 คนนี่ โดยเฉพาะเฉินช่าวเย่และหลิวยู่ติงจะเป็นกับดักสุดท้ายของพวกเขา

 

“แค่ก! แค่ก!” พลตรีหนุ่มหยางหลินกระแอมลำคอให้โล่ง ปรับสีหน้าให้ดูร้ายน้อยลง จากนั้นก็เงื้อมมือขึ้นและเคาะประตู

 

ก๊อก! ก๊อก!

พลตรีหยางหลินชักมือกลับมา ส่วนกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังของพลตรีก็รอคอยอย่างเงียบสงบ สีหน้าไม่มีการแสดงออกใดๆ

 

พั้วะ!

ประตูเปิดออก

 

คนที่เป็นคนเปิดประตูคือสมาชิกที่พึ่งเข้าร่วมใหม่สุดของกองทัพเขี้ยวหมาป่า และเมื่อได้เห็นกลุ่มคนปรากฏขึ้นต่อหน้า คนที่เปิดประตูก็ถอยหลังไปสองก้าวจากนั้นก็หมุนตัวกลับไปหาทุกคนอย่างต้องการถามความเห็น

 

นี่คือระดับพลตรี มันไม่ใช่ในกรณีที่เขาสามารถจัดการเองได้ตามใจคิด ทุกคนในกองทัพเขี้ยวหมาป่าเข้าใจดี ถึงยังไงพวกเขาก็ยังจำเป็นต้องรักษามารยาทบางอย่างเอาไว้ เพื่อไม่ให้ใครพูดได้ว่ากองทัพเขี้ยวหมาป่านั้นป่าเถื่อนและไร้กฏระเบียบ

 

หยางหลินและคนอื่นๆสบายตัวขึ้นเล็กน้อย พวกเขามองไปที่คนที่พวกเขาพอจะพูดคุยด้วยได้มากที่สุดอย่างพลตรีหลิวยู่ติงแทนที่จะเป็นสมาชิกใหม่ของทีมที่เป็นคนเปิดประตูซึ่งมียศไม่ถึงแม้แต่สิบโทด้วยซ้ำ

 

การเพิ่มขึ้นของมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ในโลกาวินาศทำให้เกิดชนชั้นและความแตกต่างของแต่ละคนอย่างชัดเจน ประกอบกับการแบ่งยศตำแห่งในค่ายหลักๆ มันยิ่งทำให้คนที่แข็งแกร่งยิ่งจองหองและอวดดีขึ้นไปอีก

 

ทว่าจู่ๆหยางหลินและคนอื่นๆก็รู้สึกโหวงเหวงในใจขึ้นมา พลันมีอาการแน่นในอกตามมาเหมือนกับร่างกายถูกจับมัด พวกเขามองไปที่ภาพตรงหน้าอย่างหวาดกลัว

 

พื้นที่ข้างในของบ้านพักนั้นไม่เล็กเลย ในตอนแรกเริ่มหลูอี๋สร้างที่นี่ขึ้นเพื่อเป็นโกดังเก็บของโดยเฉพาะ ทว่าพวกเขายังไม่มีเวลาได้นำทรัพยากรมาจัดเก็บ และตอนนี้ชูฮันก็มาที่นี่อย่างกระทันหัน ทหารทั้ง 300 คนจึงถูกจับมายัดรวมอยู่กันที่นี่ชั่วคราวโดยหลูอี๋

 

ที่ทำให้หยางหลินตกใจกว่าคือทุกๆคนรวมตัวกันอยู่ใจกลางของที่พักและใช้ลังไม้มาต่อกันเป็นโต๊ะยาว หลายคนนั่งล้อมโต๊ะไม้ สีหน้าคิ้วขมวด ดูเหมือนกำลังคิดเรื่องสำคัญบางอย่างอยู่…

 

นอกจากนั้นแล้ว ความเงียบสงบภายในที่พักก็น่ากลัวเหลือเกิน! อึก! ลำคอของหยางหลินส่งเสียงที่เกิดจากทั้งมีสติและไม่มีสติ เขากัดปากขณะมองไปที่ภาพด้านหน้าด้วยสายตาที่ยากจะเข้าใจ

 

คนพวกนี้กำลังทำอะไร?!