พี่ไห่กับพี่ห่าวเป็นคนที่มีชื่อเสียงในเจียงเป่ย
โดยทั่วไปแล้ว เสือสองตัวนั้นไม่สามารถอาศัยอยู่ในถ้ำเดียวกันได้
แต่พี่ไห่กับพี่ห่าวนั้นแตกต่างกันออกไป พวกเขาเป็นพี่น้องและเป็นหุ้นส่วนที่ดีต่อกัน
ซึ่งอันที่จริงมันก็ถูกต้องแล้วที่พวกเขาทำแบบนี้…
เพราะเนื่องจากคู่แข่งในตลาดของเจียงเป่ยนั้นเยอะมากเกินไป
ทำให้พวกเขารู้ว่าไม่สามารถเป็นใหญ่ได้แน่ถ้าทำเพียงคนเดียว
ดังนั้น พวกเขาทั้งสองจึงตัดสินใจจับมือทำงานร่วมกัน คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ผลักดันกันและก็รับผลประโยชน์ที่มากขึ้นด้วยกัน
วันนั้น……
ตอนที่เขากำลังคุยเรื่องต่างๆกับพี่ห่าวอยู่
จู่ๆก็มีคนของพี่ห่าวโทรเข้ามาและบอกว่ากำลังโดนหาเรื่องอยู่ที่แผงขายบาร์บีคิว
สิ่งนี้ทำให้พี่ห่าวรู้สึกโกรธอย่างมาก และมันก็ทำให้เขาตัดสินใจพาพรรคพวกไปที่นั่นทันที
เพราะการที่ใครกล้าเข้ามาหาเรื่องในอาณาเขตของเขา ก็ไม่ต่างอะไรจากการเหยียดหยาม คนเหล้านั้นจะต้องถูกบดขยี้ทุกคน
ซึ่งพี่ไห่ก็คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรผิดปกติ ดังนั้นแล้ว เขาจึงได้ตามไปด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม พี่ไห่ก็ไม่คาดคิดว่าคนของพี่ห่าวจะกล้าพอที่จะทำจมูกของผู้ว่าเจียงเป่ยหัก
ซึ่งในตอนแรก พี่ไห่ก็ยังไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร
แต่ไม่นานหลังจากนั้น พี่ไห่ พี่ห่าว และคนอื่นๆถูกล้อมรอบไปด้วยกลุ่มตำรวจกลุ่มใหญ่ ซึ่งก็ไม่มีใครกล้าที่จะขัดขืนเลย ทำให้พวกเขาทั้งหมดถูกรวบตัวไปในที่สุด
อย่างไรก็ตาม เป็นเพราะพี่ไห่นั้นไม่ได้ทำอะไรผิด
เขาจึงได้รับการปล่อยตัว
แต่พี่ห่าวและพรรคพวกของเขานั้นไม่ใช่
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น เขาไม่มีทางลืมเด็ดขาด
และเขาก็จำได้ชัดเจนว่าผู้ว่าของเมืองเจียงเป่ยรวมถึงหัวหน้าหน่วยสืบสวนเจียงเป่ยและคนอื่น ๆ ต่างก็ให้ความเคารพต่อชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆอย่างมาก
ซึ่งเขาก็จึงจดจำรูปร่างของชายหนุ่มคนนั้นได้อย่างชัดเจน
และพี่ไห่ก็รู้ทันทีว่าชายหนุ่มคนนั้นเป็นคนที่ไม่ควรเข้าไปมีเรื่องด้วย
อย่างไรก็ตาม……
พี่ไห่ก็ไม่คาดคิดว่าจะได้เจอกันกับเขาอีกครั้งในวันนี้ – หลินฟาน!
แถมคนของฉันก็ยังไปมีเรื่องกับเขาอีก!
เขาคือคนที่แม้แต่หัวหน้าหน่วยสืบสวนและผู้ว่าเจียงเป่ยยังต้องปฏิบัติตัวด้วยความเคารพ!
ซวยแน่งานนี้!
เมื่อพี่ไห่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เหงื่อของเขาก็ค่อยๆไหลออกมาจากหน้าผาก
และขาของเขาก็เริ่มมีอาการสั่นอย่างเห็นได้ชัด
จากนั้น เซียวเฉียนที่ยืนอยู่ข้างๆเขาก็ตะโกนขึ้นมาว่า “พี่ไห่ สั่งสอนมันให้เข็ดเลยพี่…”
ซึ่งทันทีที่เธออ้าปากและตะโกนออกมา ความโกรธในหัวใจของพี่ไห่ก็ระเบิดออกมาราวกับภูเขาไฟทันที
ทำไมเขาถึงต้องมาซวยแบบนี้ด้วย
ทั้งหมดเป็นเพราะเซียวเฉียน!
มันคือความผิดของยัยนี่!
ไอ้เวร!
ไอ้ตัวชิบหาย!
“เพรี้ย!”
พี่ไห่ตบหน้าของเซียวเฉียนด้วยหลังมืออย่างรุนแรง
ซึ่งในไม่ช้า รอยฝ่ามือก็ค่อยๆแดงและบวมขึ้นให้เห็นบนใบหน้าของเซียวเฉียนทีละนิด
เธอถึงกับตกตะลึงทันที เพราะเธอไม่คิดว่าพี่ไห่จะตบเธอแบบนี้
ทันทีหลังจากนั้น พี่ไห่ก็เลิกสนใจเธอ เขาก้มตัวลงพร้อมกับพูดด้วยความเคารพอย่างยิ่ง “คุณหลิน สวัสดีครับ”
“อ้าว? รู้จักฉันด้วยหรอ?” หลินฟานพูด
พี่ไห่พยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ผมเคยเห็นคุณที่แผงขายบาร์บีคิว…”
อันที่จริง ต่อให้เขาไม่พูดหลินฟานก็สามารถจำได้
เพราะหลินฟานมีความสามารถในการสแกน
มันง่ายมากสำหรับเขาที่จะจำ
หลินฟานถาม “ผู้หญิงคนนี้เป็นเพื่อนของคุณหรือเปล่า ถ้าใช่ คุณก็ต้องช่วยเธอออกเงิน”
พี่ไห่ตกใจและรีบพูดว่า “ไม่ ไม่ใช่ครับ ผมไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลยทั้งนั้น!”
“ยัยนั่นกล้าหาเรื่องคุณ… ผมจะสั่งสอนเธอให้เข็ดหลาบเอง! คุณจะต้องพึงพอใจอย่างแน่นอน”
จากนั้น เซียวเฉียนที่ยังคงเอามือปิดหน้าของเธอไว้ก่อนจะพูด “นี่มันบ้าอะไรกัน ฉันจะตะโกนเรียกคนมาช่วย”
พี่ไห่จ้องเขม็ง “เธอกล้าไหมล่ะ!”
เซียวเฉียนก้มศีรษะลงด้วยความตกใจ
ซึ่งถึงแม้ว่าเซียวเฉียนในตอนนี้จะน่าสงสารอย่างมาก
แต่หลินฟานก็ไม่ได้ใจอ่อนและปล่อยเธอไป
พอถูกรังแกก็ทำตัวน่าสงสาร
หลินฟานพูดอย่างเฉยเมย: “ในเมื่อไม่มีใครช่วยเธอได้ เธอก็แค่ทำตามที่ฉันพูดและให้เงินชดเชยเพื่อนของฉันซะ!”
เมื่อเห็นว่าเซียวเฉียนไม่ได้พูดหรือให้เงินชดเชย พี่ไห่ก็ตะหวาดออกไป”ยัยนี่! รีบทำตามที่นายหลินพูดสิ!”
“โอเค ก็ได้…”
เซียวเฉียนตัวสั่นด้วยความตกใจ เธอค่อยๆหยิบโทรศัพท์ของเธอออกมา
และถึงแม้ว่าเงินจะเป็นสิ่งสำคัญ
แต่ถ้าหากทำให้พี่ไห่โกรธแล้วล่ะก็ ผลที่ตามมามันจะแย่อย่างมาก
จากนั้น หลินฟานก็หันไปหาซูหนิงและพูดว่า “ซูหนิง เธอบอกเลขบัญชีของเธอมาหน่อยสิ”
“นี่……ฉันไม่อยากได้หรอก” ซูหนิงจิงกระซิบ
หลินฟานไม่สนใจอะไร เขาหยิบโทรศัพท์ของซูหนิงและเปิดเข้าแอปบัญชีทันที
“ตื้ด!”
“ตื้ด!”
“ตื้ด!”
…………
เซียวเฉียนแบ่งการโอนเงินของแต่ละธนาคาร ซึ่งเงินที่เธอโอนไปก็คือเงินที่เธอเก็บสะสมมาหลายปี และเธอก็แทบจะไม่เหลือเงินเลยหลังจากที่โอนไป 1.38 ล้านหยวน
เมื่อเห็นข้อความจากธนาคาร…
หลินฟานก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจและกล่าวว่า “ดีมาก งั้นพวกนายก็ไปได้แล้วล่ะ”
เมื่อเห็นความโกรธของหลินฟานลดลง ก้อนหินก้อนใหญ่ทีกดทับอยู่ในใจของพี่ไห่ก็พังทลายลง
เขาพูดประจบประแจงซ้ำแล้วซ้ำเล่า: “ได้ครับ คุณหลิน ขอโทษที่ทำให้คุณหลินต้องเสียเวลานะครับ…”
จากนั้น เขาก็พาเซียวเฉียนและพรรคพวกทั้งหมดออกไปทันที เขาไม่กล้าที่จะอยู่ที่นี่ต่อไปแม้แต่วินาทีเดียว
เพราะถ้าหากหลินฟานหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น?
ซึ่งผู้คนที่ยืนดูเหตุการณ์จากระยะไกลก็แยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว
หลินฟานคืนโทรศัพท์ให้ซูหนิงและถามว่า “เธอมายืนแจกใบปลิวที่นี่ทำไม?”
ซูหนิงจิงพูดเสียงเบา “คุณหลิน… วันนี้คุณบอกไม่ใช่หรอว่าจะไม่กลับมาที่วิลล่า ฉัน… ก็เลยออกมาทำงานพาร์ทไทม์… แต่… ถ้าไม่ได้ คราวหน้าฉันก็จะไม่มาอีก”
หลินฟานพูด “ฉันไม่ได้ว่าอะไร เพราะตอนนั้นฉันบอกเองว่าให้เธอทำความสะอาด แล้วก็ทำอาหารตอนที่ฉันอยู่ที่วิลล่าเท่านั้น”
“ก็แค่… อยากรู้ว่าจะมาแจกใบปลิวให้เหนื่อยไปทำไม แถมเงินเดือนก็ไม่ได้เยอะอะไรเลย”
“หรือว่า เธอใช้เงินเดือนล่วงหน้าไปหมดแล้วงั้นหรอ?”
ถ้าเป็นเมื่อก่อน ซูหนิงก็จะก้มหน้าและไม่พูดอะไรเลย
แต่ในเวลานี้ เธอไม่อยากหลบซ่อนต่อหลินฟานอีกต่อไปแล้ว
นี่คือความไว้วางใจของเธอ
“คุณย่าไม่สบาย ฉันเลยเอาเงินทั้งหมดไปใช้แล้ว…” ซูหนิงจิงพูด
หลินฟานพยักหน้าพร้อมกับพูด “เรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เอง”
จากนั้น ซูหนิงก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วค่อยพูด “เงินจำนวนนี้…ฉันจะโอนให้คุณ…”
เห็นได้ชัดว่าเธอหมายถึงเงิน 1.38 ล้านหยวนที่เธอเพิ่งได้รับมา
หลินฟานพูด “คุณคิดว่าผมขาดเงินหรือไง? นอกจากนี้ เงินนี้ก็เป็นความเสียหายทางร่างกายและความเสียหายทางจิตใจที่ผู้หญิงคนนั้นได้ชดใช้ให้กับคุณ เก็บไว้ให้ตัวเองเถอะ”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดว่า “ใบปลิวของคุณหมดแล้วหนิ งั้น… ไปกินข้าวกันเถอะ”
หลังจากสิ้นสุดเสียง หลินฟานก็ไม่ได้รอคำตอบของซูหนิงแต่อย่างใด เขาดึงเธอไปในที่ทางรถปากานี เฟิงเสินจอดอยู่โดยทันที
ซึ่งเดิมที หลินฟานก็วางแผนที่จะไปชุมชนยี่เกอเพื่อรับประทานอาหารเย็นและพักผ่อนในวันนี้ แต่หลังจากที่พบเจอเหตุการณ์นี้เข้า เขาก็เปลี่ยนใจ
ซูหนิงจิงรู้สึกว่ามือของหลินฟานอบอุ่นอย่างมาก มันทำให้หัวใจของเธอเต้นเร็วไม่เป็นจังหว่ะ