บทที่ 1568+1569

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1568 รักมากแค่ไหน ก็เกลียดมากแค่นั้น!

กู้ซีจิ่วนึกไม่ถึงว่ากำไลวงนี้จะส่งเสียงประหลาดเช่นนี้ ระลอกเสียงสั่นสะเทือนดังขึ้นภายในหู เบื้องหน้าพลันมืดดำ…

เมื่อความรู้สึกวิงเวียนช่วงนั้นผ่านไป เธอก้มลงมองกำไลบนข้อมือ

กำไลวงนั้นยังอยู่เหมือนเดิม ไม่ถูกทำลาย! แข็งแกร่งยิ่งกว่าเพชรเสียอีก!

เดิมทีเธอระมัดระวังกำไลวงนี้มากเป็นพิเศษ ไม่กล้าโดน ไม่กล้าให้มีรอยขีดข่วน นึกไม่ถึงว่ามันจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ จึงตกตะลึงเล็กน้อย

“ในเมื่อเป็นสิ่งยืนยันว่าสวรรค์ลิขิตวาสนา จะถูกทำลายตามใจชอบได้อย่างไร?” ตี้ฝูอีที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้น “อย่าเสียแรงเปล่าเลย”

เขาก้าวไปจับข้อมือของนางไว้ “จิ้งเคอ ถึงแม้เจ้าไม่มีความทรงจำทั้งหมดก็อย่าดื้อรั้นเช่นนี้เลย การหมั้นหมายของพวกเรานี้ไม่ง่าย…”

นัยน์ตากู้ซีจิ่วฉายแววเกลียดชัง สะบัดมือเขาออกทันใด เสมือนปัดแมลงวันที่สร้างความรำคาญตัวหนึ่ง นิ้วมือของตี้ฝูอีชะงักงันกลางอากาศครู่หนึ่ง จากนั้นจึงค่อยๆ ดึงมันกลับมา

กู้ซีจิ่วยังคงมองกำไลบนข้อมืออยู่ เห็นได้ชัดว่ากำลังครุ่นคิดหาวิธีทำลายของสิ่งนั้น…

สายตาของเขาหมองหม่น กล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดหาวิธีต่างๆ นานา มีแต่พวกเราถอนหมั้นอย่างเป็นทางการหรือว่าข้าตายแล้ว มิเช่นนั้นกำไลวงนี้จะไม่มีทางถอดออกได้ ถึงแม้เจ้าตัดข้อมือข้างหนึ่งของเจ้าออก มันก็จะไปสวมที่ข้อมืออีกข้างหนึ่งใหม่ นอกเสียจากว่าเจ้าจะยอมให้ตัวเองกลายเป็นคนพิการแขนขาดทั้งสองข้าง…”

อา เขาต้องการผูกมัดเธอด้วยกำไลวงนี้หรือ?

ฝันไปเถอะ!

“เช่นนั้นพวกเราถอนหมั้นกันเถิด!” กู้ซีจิ่วแทบไม่ลังเลใจ

เมื่อเห็นความสงบเยือกเย็นบนใบหน้าของตี้ฝูอีถูกทำลายลงในที่สุด หัวใจเธอบีบรัดจนเป็นกลุ่มก้อน ในขณะเดียวกันก็มีความรู้สึกสะใจที่ได้แก้แค้นก่อตัวขึ้น เขาอยากครองคู่กับหลานจิ้งเคอนักใช่ไหม? เธอจะไม่ยอมให้เขาได้สมหวัง!

หลานเหยากวงตกตะลึง อดไม่ได้ที่จะสอดปาก “พี่หญิง ถอนหมั้นไม่ได้นะ…พี่หวงต้องลำบากยากเข็ญเหลือคณาเพื่อฟื้นคืนชีพท่าน เขาจริงใจกับท่านจริงๆ…ท่านอย่าเพิ่งวู่วาม พวกท่านเป็นคู่ที่สวรรค์บรรจงสร้าง ตอนนั้นที่พวกท่านหมั้นหมายกันไม่รู้มีคนริษยามากมายเท่าใด ตอนนั้นพวกท่านต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ทั่วหล้า ไม่ว่าย่างกรายไปที่ใดผู้คนก็เรียกขานว่าคู่สร้างคู่สม…”

คู่ที่สวรรค์บรรจงสร้าง…คู่สร้างคู่สม…

ดีมาก! ดีเหลือเกิน!

กู้ซีจิ่วรู้สึกราวกับหัวใจกำลังหลั่งโลหิต

ในเมื่อเขากับหลานจิ้งเคอเป็นคู่ที่สวรรค์บรรจงสร้าง เหตุใดเขาจึงต้องเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเธอ! ในเมื่อรักเธออย่างไม่เกรงกลัวกฎสวรรค์ แล้วเหตุใดจึงทำให้เธอตกนรกอย่างโหดร้าย!

พริบตาที่เจ็บปวดสุดแสน ในที่สุดเธอก็เข้าใจบางอย่าง

ก่อนหน้านี้ที่เขาไม่ช่วยเธอสลับกลับไปร่างเดิมก็เพราะต้องการยกร่างเธอให้หลานจิ้งเคอ

หลังออกจากเขตหวงห้ามก็ปกปิดความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยากับเธอต่อโลกภายนอก ก็เพราะกลัวว่าหลานจิ้งเคอฟื้นขึ้นมาแล้วจะมีปมในใจ

เขาบ่ายเบี่ยงไม่มาขอแต่งงานที่จวนแม่ทัพ เพราะคนที่เขาต้องการแต่งด้วยอย่างเปิดเผยไม่ใช่เธอกู้ซีจิ่ว แต่เป็นหลานจิ้งเคอ น่าขันที่เธอยังรอคอยให้เขามาขอแต่งงานอย่างโง่งม รอคอยเรื่องประหลาดใจจากเขา!

ความรักทำให้คนตาบอด ข้อสงสัยมากมายค้างคาในใจ ก่อนหน้านี้เธอยังไว้เนื้อเชื่อใจเขาอย่างสุดจิตสุดใจ หาข้ออ้างให้เขาต่างๆ เขาใช้ความอาวรณ์ที่อ่อนโยนและนุ่มนวลบดบังตาทั้งสองข้างของเธอ หลังจากนั้นก็ผลักเธอลงเหวลึกพันจั้งอย่างแผ่วเบา

ตี้ฝูอี ตอนที่ท่านหลอกใช้ข้าเคยรู้สึกใจอ่อนบ้างไหม?

โลหิตในอกของเธอพลุ่งพล่านดั่งน้ำเดือด ทำให้เบื้องหน้าพร่ามัวเป็นช่วงๆ เจ็บปวดหัวใจจริงๆ เจ็บปวดจนเธอแทบอยากจะควักมันออกมา เธอมองตี้ฝูอีอย่างลึกซึ้ง นิ้วมือที่ซ่อนภายในชายเสื้อกระชับแน่นยิ่ง เล็บออกแรงจนขาวซีด โลหิตเปรอะเปื้อนไปทั้งฝ่ามือ…

รักมากแค่ไหน ก็เกลียดมากแค่นั้น!

————————————————————————————-

บทที่ 1569 เธอไม่อยากเห็นมัน!

รักมากแค่ไหน ก็เกลียดมากแค่นั้น สามารถโหดร้ายต่อตัวเองได้มากเท่านั้น! เฉกเช่นยามนี้ เพลิงโทสะพลุ่งพล่านจนแทบจะไหลย้อนผ่านเส้นชีพจรทั้งร่างแล้ว ทว่าเธอยังคงยืนเหยียดตรงอยู่ตรงนั้น ราวกับต้นเหมยที่ยืนต้นทระนงท่ามกลางเหมันต์ เธอถึงขั้นยกยิ้มแวบหนึ่งด้วย “งั้นหรือ? ข้ากับเขาเคยรักกันปานนั้นเชียว?”

หลานเหยากวงคิดจะพยักหน้า ทว่าเมื่อเหลือบมองสีหน้าซีดเซียวของเธอก็ชะงักไป ไม่รู้ว่าควรพยักหน้าหรือว่าส่ายหน้าดีไปชั่วขณะ

“แต่ว่ายามนี้และนับจากนี้ ข้าไม่มีความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับพวกเจ้าแล้ว และไม่ต้องการให้ชีวิตของตนต้องมาพัวพันกับคนแปลกหน้าด้วย! ดังนั้นเรื่องวิวาห์นี้ล้มเลิกไปจะดีกว่า” น้ำเสียงเธอเปลี่ยนเป็นเยียบเย็นขึ้นมาในทันใด ราวกับแฝงไอน้ำแข็งไว้

ตอนนี้เธอไม่อยากเกี่ยวข้องกับพวกเขาเลยสักนิด ที่เป็นไปไม่ได้ยิ่งกว่าคือการสานต่อวาสนารักกับเขาด้วยฐานะของหลานจิ้งเคอ! เขาสามารถเหยียบย่ำหัวใจเธอลงไปในโคลนตมได้ แต่เธอไม่ยอมให้ตัวเองถลำลงไปในโคลนตมอีกครั้งเด็ดขาด

สายตาเธอร่อนลงบนดวงหน้าของตี้ฝูอี สายตานั้นเป็นสายตาที่ใช้มองคนแปลกหน้าอย่างสมบูรณ์ ไม่แฝงอารมณ์ใดๆ ไว้เลย นัยน์ตามืดมิดดำสนิท “ข้าคิดว่าท่านผู้สูงศักดิ์ก็คงไม่อยากแต่งกับสตรีที่ภายหน้าจะไม่รักตนกระมัง? ไยไม่ถอนหมั้นนี้ไปเสียเล่า? ทำให้เราเป็นอิสระต่อกัน”

เธอไม่อยากพัวพันกับเขาเช่นนี้แล้วจริงๆ! เธอเพียงฝืนข่มอารมณ์เอาไว้ตลอด ทำให้ตนดูเหมือนปกติ แต่ก็แค่ดูเหมือนปกติเท่านั้น มีเพียงตัวเธอที่ทราบว่าร่างกายเธอสั่นสะท้านเล็กน้อย สมองวิงเวียนขึ้นมาเป็นพักๆ ถ้าพัวพันกันเช่นนี้ต่อไป เธอต้องกระอักเลือดออกมาอย่าไม่อาจควบคุมได้แน่นอน

ใบหน้าของตี้ฝูอีซีดเผือด แววตาซับซ้อนยากจะคาดเดาได้พาดผ่านนัยน์ตาอย่างรวดเร็วอยู่หลายครา จู่ๆ ก็สะบัดแขนเสื้อพรึ่บ แสงสีรุ้งสายหนึ่งเข้ารัดกู้ซีจิ่วทันที

เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วจนยากจะบรรยายได้ หากเป็นอดีต กู้ซีจิ่วไม่มีทางหลบสายแสงสีรุ้งเส้นนี้ของเขาพ้น

แต่วันนี้คงเป็นเพราะอารมณ์ของเขาก็ไม่มั่นคงเช่นกัน แสงสีรุ้งที่สำแดงออกมาเส้นนี้ไม่คงที่อยู่บ้าง อีกทั้งกู้ซีจิ่วก็ตั้งท่าป้องกันไว้แล้ว หลบหลีกได้อย่างรวดเร็ว…

ผลลัพธ์คือ แสงสีรุ้งสายนั้นไม่โดนกู้ซีจิ่ว กลับคลุมใส่หลานเหยากวงแทน

ด้วยเหตุนี้เบื้องหน้าหลานเหยากวงจึงมืดมิดลงทันที ร่างกายพลันอ่อนยวบ ส่ายโงนเงน ล้มลงบนพื้นเสียงดังตุบ หลับใหลอยู่ตรงนั้น

ตี้ฝูอีตะลึงเล็กน้อย

กู้ซีจิ่วมองหลานเหยากวงที่อยู่บนพื้น ทราบว่าหากตนหลบไม่พ้น ก็คงเป็นเช่นหลานเหยากวงในยามนี้ อดไม่ได้ที่ถอยหลังไปอีก และยิ้มหยัน “ท่านหมายความว่าอย่างไร?”

คิดจะทำให้เธอสลบแล้วลบความทรงอีกครั้ง ทำให้หลานจิ้งเคอที่เขาคะนึงหากลับมางั้นหรือ?

ตี้ฝูอีสูดหายใจคราหนึ่ง เอ่ยว่า “ตอนนี้เจ้ายังไม่ใจเย็นพอ รอเจ้าใจเย็นลงแล้วพวกเราค่อยคุยเรื่องวิวาห์นี้อีกที…อีกสองสามวันข้ามาหาเจ้าอีกครั้ง” พลางหมุนกาย หายไปทันที เขาจากไปอย่างเร่งร้อน ขณะที่หมุนกายเกือบจะชนเข้ากับเสาที่อยู่ด้านหลังแล้ว

แน่นอนว่าลืมคลายอาคมให้หลานเหยากวงด้วย หลานเหยากวงที่น่าสงสารนอนหลับใหลอยู่บนพื้นไร้คนเหลียวแล

ในห้องโถงใหญ่มีเพียงกู้ซีจิ่วที่ยังมีสติอยู่

ภายในห้องโถงยังคงรกเละเทะ กู้ซีจิ่วยืนอยู่ใจกลางห้องโถง จวบจนยามนี้เธอถึงได้รู้สึกว่าสองขาของตนอ่อนยวบยาบ มือก็สั่นระริกอย่างไม่อาจควบคุมได้ สมองเต็มไปด้วยความคิดว่าอยากจะแก้แค้น แต่บัดนี้สมองมึนงงขึ้นมาเป็นพักๆ เธอคิดวิธีแก้แค้นไม่ออกชั่วขณะ…

เธอก้มหน้ามองกำไลคู่บุพเพบนข้อมือ ละสายตาไปอย่างชิงชัง เธอไม่อยากเห็นมัน!

เธอพยายามถอดกำไลวงนี้ออกอีกครั้งตามสัญชาตญาณ ลองใช้สารพัดวิธี แต่กำไลวงนี้เสมือนงอกออกมาจากข้อมือเธอ ไม่ว่าอย่างไรก็ถอดไม่ออก

คงเป็นเพราะมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน เมื่อจะถอดสิ่งนี้ออกข้อมือจึงเจ็บปวดขึ้นมา ปวดจนหน้าผากเธอมีเหงื่อผุดพราย ข้อมือบวมเป่งไปหมด

————————————————————————————-