ตอนที่ 393 การวางแผนของพี่สะใภ้รองจ้าว

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

ตอนที่ 393 การวางแผนของพี่สะใภ้รองจ้าว

ตอนที่ 393 การวางแผนของพี่สะใภ้รองจ้าว

ส่วนกั้วเฉียน (เงินแขวน) และกลอนคู่ คุณพ่อจ้าวและลุงจ้าวได้แก้ปัญหาเหล่านั้นแล้ว โคมไฟแขวนและประทัดค่อยทำก่อนวันข้ามปีหนึ่งวันก็เรียบร้อยแล้ว

 

ทุกคนต่างพูดกันว่าเป็นปีที่แสนยุ่ง ทว่าจ้าวเหวินเทากลับไม่ได้รู้สึกยุ่งเลยสักนิด

“ก่อนหน้านี้ตอนที่ทุกคนอยู่ด้วยกันงานที่มีให้ทำไม่ได้มีแค่นี้” จ้าวเหวินเทากล่าว “ตั้งแต่ต้นจนถึงข้ามปีไม่มีวันไหนที่รู้สึกว่าว่างเลย!”

“นี่คุณกำลังคิดถึงช่วงเวลาที่ทุกคนอยู่ด้วยกันสินะคะ?” เย่ฉูฉู่กล่าวเคล้ารอยยิ้ม

“อยู่ด้วยกันมันก็ครึกครื้นดี แต่ก็วุ่นวายเหมือกัน แถมยังเหนื่อยด้วย ช่างเถอะ ใช้ชีวิตกันเองนี่แหละ ผ่อนคลายเป็นอิสระ!” จ้าวเหวินเทาพูดพลางอุ้มลูกชายลอยตัวขึ้นกลางอากาศ “จริงไหมลูก!”

เสี่ยวไป๋หยางยิ้มพลางส่งเสียงเรียก “พ่อ…สูง ๆ!”

“รอปีหน้าเสี่ยวไป๋หยางก็ช่วยพวกเราทำงานได้ครึ่งหนึ่งแล้ว!” จ้าวเหวินเทายกลูกชายขึ้นพลางกล่าว “จริงไหมลูก?”

 

เย่ฉูฉู่ได้ยินก็อยากจะหัวเราะ ปีหน้าเสี่ยวไป๋หยางเพิ่งจะอายุสองขวบ จะแบ่งเบาภาระครึ่งหนึ่งได้อย่างไร สามีของเธอกำลังฝันกลางวันอยู่สินะ

 

พี่สะใภ้รองจ้าวกลับมาถึงบ้าน หล่อนก็นำแครนเบอร์รี่มาให้พี่รองจ้าวดู “ตอนนึ่งหมั่นโถวใส่อันนี้ลงไปด้วยนะ รสชาติเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ อร่อยดี”

แม้ว่าปีนี้จะเหนื่อยกว่าปีก่อน ๆ แต่รายได้ก็ไม่เลวเลย วันข้ามปียังมีชุดใหม่เอี่ยมอ่องให้ใส่ กางเกงและเสื้อคลุมก็ใช้ผ้าใหม่ตัดทั้งหมด พี่สะใภ้รองจ้าวจึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ แม้จะเป็นปีที่วุ่นวายหล่อนก็ยังขยันขันแข็งอย่างมาก

 

เวลานี้เมื่อปีก่อน ๆ โดยพื้นฐานแล้วพี่รองจ้าวจะยุ่งอยู่กับที่โรงเต้าหู้ กว่าจะได้กลับมาก็ตอนค่ำแล้ว พอได้เอนตัวลงบนเตียงก็แทบไม่อยากจะลุกขึ้น เมื่อได้ยินพี่สะใภ้รองจ้าวพูด เขาก็หันมองแครนเบอร์รี่ปราดหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกสนใจอะไร

 

“แพงมากเลยสินะ? คุณจะซื้อมาทำไมเนี่ย นึ่งหมั่นโถวปีก่อน ๆ ก็ไม่ได้ใส่อันนี้ ก็กินกันได้ไม่ใช่เหรอ” น้ำเสียงของพี่รองจ้าวฟังดูอิดโรย

 

“แพงอะไรกันล่ะ ไม่ได้จ่ายเงินด้วยซ้ำ! น้องหกให้มา เขาบอกว่ามีคนให้มาอีกที เลยแบ่งมาให้ฉันกับน้องสะใภ้สามคนละนิดคนละหน่อย บอกให้เอากลับมาลองชิมดู” พี่สะใภ้รองจ้าวใช้กระดาษห่อไว้อย่างดี ค่อยใส่ตอนนึ่งหมั่นโถววันพรุ่งนี้

 

เมื่อได้ยินว่าไม่ได้ใช้เงินพี่รองจ้าวก็ถอนหายใจออกมา ไม่ใช่ว่าเขาขี้งกหรอก การหาเงินไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆ แต่การใช้เงินกลับง่ายดาย

 

“วันมะรืนเจ้าหกจะฆ่าหมูที่ฟาร์มกระต่าย ถึงเวลานั้นคุณก็พาพวกเด็ก ๆ ไปก็แล้วกัน” พี่รองจ้าวพูด

หมูที่เลี้ยงไว้ของพวกเขาถูกขายแล้ว ช่วงข้ามปีชั่งเนื้อได้หลายชั่ง พี่รองจึงบอกให้ภรรยาและลูกไปบรรเทาความอยาก

พี่สะใภ้รองจ้าวชะงัก “ให้พวกเด็ก ๆ ไปเถอะ ฉันไม่ไปดีกว่า ผู้ใหญ่ไปกันหมดคงดูไม่ค่อยดี”

  

“บ้านเจ้าสามก็ไปกันทั้งบ้าน คุณไปอีกคนมันจะทำไมกันเชียว?” พี่รองจ้าวพูด “แม่ก็พูดไว้แล้ว ถึงเวลานั้นใส่ผักแห้งให้เยอะ ๆ หน่อย จะได้แบ่งซาจูฉ่ายให้พวกเราด้วย”

พี่สะใภ้รองจ้าวพยักหน้า “ก็ได้ ถึงเวลานั้นเดี๋ยวฉันไปด้วย”

“คุณก็ไปเร็วหน่อยนะ ไปช่วย ๆ พวกเขาหน่อย”

“เข้าใจแล้ว จริงสิ น้องสะใภ้หกไปรึเปล่า?”

 

“ไม่ได้ไปเพราะต้องเลี้ยงลูก ปีใหม่ทั้งที เป็นหวัดขึ้นมาแล้วแย่เลย”

“ก็จริง ไกลขนาดนี้ ให้พาลูกไปคงไม่สะดวก” พี่สะใภ้รองจ้าวตอบ “แล้วน้องสะใภ้สี่ก็ข้ามปีที่ฟาร์มกระต่ายเลยเหรอ?”

“ไม่ให้ข้ามปีที่นั่นแล้วจะให้ไปข้ามปีที่ไหน นี่ก็นานขนาดนี้แล้ว ถ้าเจ้าสี่ยังไม่กลับมาพวกนั้นก็คงกลับมาที่หมู่บ้านไม่ได้หรอก”

 

“แล้ววันข้ามปี บ้านเก่าของพวกเราจะทำยังไง? ถึงยังไงก็ต้องเอากลอนคู่ไปติดไม่ใช่เหรอ?”

“พ่อเตรียมไว้แล้ว ถึงเวลานั้นเดี๋ยวผมจะพาพวกเถี่ยต้านไปติดเอง”

 

“แล้วน้องสี่ได้บอกรึเปล่าว่าจะกลับมาตอนไหน?”

“ไม่ได้บอก เขาคงต้องหาเงินส่วนที่หายไปกลับมาก่อน ไม่งั้นกลับมาอยู่ที่นี่ยังจะใช้ชีวิตต่อไปได้เหรอ?” พี่รองจ้าวถอนหายใจ “วันข้ามปีใหญ่โตขนาดนี้ ครอบครัวกลับแยกย้ายกันคนละทาง เฮ้อ!”

  

“ที่ออกไปก็เพื่อหาเงินไง อยู่บ้านก็หาเงินไม่ได้อยู่ดี” พี่สะใภ้รองจ้าวไม่เห็นด้วย

 

“ทิ้งครอบครัวหน้าที่การงาน อีกอย่าง จะหาเงินได้สักเท่าไรกันเชียว” พี่รองจ้าวรู้สึกสงสัยอย่างมาก

“ฉันได้ยินแม่ม่ายหม่าพูดว่าน้องชายหล่อนได้เงินมาไม่น้อยเลย แถมบอกว่าปีหน้าก็มีเงินไว้หาภรรยาแล้วด้วย” พี่สะใภ้รองจ้าวพูด “น้องสี่ก็ต้องทำได้เหมือนกัน เขาต้องได้เงินมากกว่าน้องชายของแม่ม่ายหม่าแน่นอน”

  

“คำพูดของแม่ม่ายหม่าเชื่อได้เหรอ? ต่อให้คำพูดของแม่ม่ายหม่าเชื่อถือได้ แต่น้องชายคนนั้นของหล่อนคุณเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าเป็นยังไง พูดจาขี้อวดจะตายไป ใครจะไปรู้ว่าพูดจริงหรือโกหก!”

พี่สะใภ้รองจ้าวมองลูกทั้งสามคนที่กำลังนอนทำการบ้านอยู่บนเตียง พูดว่า “แล้วถ้าหาเงินได้จริง ๆ ล่ะ?”

“งั้นก็ต้องเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว ชีวิตของเจ้าสี่ก็จะได้ดีขึ้น กลับมาจะได้สร้างบ้าน”

เดิมทีพี่สะใภ้รองจ้าวอยากจะพูดว่าบ้านที่พี่สี่จ้าวอาศัยอยู่เป็นของพ่อและแม่ที่ให้พี่สี่จ้าวไว้ อนาคตก็ต้องแบ่งให้พวกเขาที่เป็นพี่น้อง แต่เมื่อมาคิด ๆ ดูแล้วก็ปล่อยไป ให้มาพูดเรื่องนี้ตอนนี้ยังเร็วเกินไป

 

“น้องสามมีธุรกิจทำเต้าหู้แล้ว ตอนนี้น้องสี่ก็มีงานให้ทำแล้ว น้องหกยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย ก็เหลือแค่พวกเราแล้วนะ คุณเองก็ควรจะคิดดูให้ดีสักหน่อยไม่ใช่เหรอ?”

พี่รองจ้าวไม่เข้าใจ “จะให้ผมคิดอะไร?”

พี่สะใภ้รองจ้าวกลอกตา “แล้วคุณว่าควรจะคิดอะไรล่ะ ถึงยังไงก็ทำเต้าหู้ให้น้องสามตลอดทั้งชีวิตไม่ได้อยู่ดีไม่ใช่เหรอ?”

  

“พวกเราก็ยังมีที่ดินทำกินไม่ใช่เหรอ?” พี่รองจ้าวกล่าว “ทำเต้าหู้ให้เจ้าสามก็ทำตอนที่ว่าง ๆ”

 

“น้องสามมีโรงเต้าหู้แล้ว ฉันว่าคงไม่มีเวลาว่างแล้วแหละ ถ้าเขาจ้างคนมาทำงานโดยเฉพาะ ยังจะมีงานให้พวกเราอีกเหรอ?” พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าว

“คุณไปฟังมาจากใคร น้องสะใภ้สามพูดเหรอ?”

“เปล่า ฉันคิดแบบนี้เอง” พี่สะใภ้รองจ้าวตอบ “ตั้งแต่พวกเราปลูกพืชทำสวนจนถึงช่วงเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วง ก็แทบไม่มีเวลาไปทำงานที่โรงเต้าหู้แล้ว จะมีเวลาก็แค่ฤดูหนาวเท่านั้น น้องสามเปิดโรงเต้าหู้แล้ว เขาก็คงไม่ได้เปิดแค่ฤดูหนาวหรอก ถ้าเป็นแบบนั้น เขาจะไปเปิดโรงเต้าหู้ที่ฟาร์มกระต่ายทำไมล่ะ ถ้าเป็นเหมือนเมื่อก่อนทำที่บ้านก็ได้ น้องสามต้องจ้างคนมาทำงานประจำแน่นอน ถึงเวลานั้นยังจะแบ่งเงินหนึ่งเฟินมาให้เราอีกเหรอ?”

พี่รองจ้าวคิดว่าที่พี่สะใภ้รองจ้าวพูดก็มีเหตุผล “งั้นพวกเราปลูกพืชทำสวนก็พอ”

 

“ฤดูหนาวนานขนาดนี้จะให้รออยู่เฉย ๆ เหรอ?” พี่สะใภ้รองจ้าวไม่พอใจ “คนอื่นหาเงินกันหมด แต่พวกเรากลับไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง ฉันรับไม่ได้หรอก”

“ก็ยังมีกระต่ายอยู่ไม่ใช่เหรอ?”

 

“กระต่ายนั่นฉันเลี้ยงคนเดียวได้” พี่สะใภ้รองจ้าวตอบ “คุณต้องไปหางานทำสิ”

พี่รองจ้าวได้ยินก็เหนื่อยแล้ว “คุณจะให้ผมไปทำอะไร?”

  

“ถ้าฉันรู้ฉันจะมาพูดกับคุณทำไม!” พี่สะใภ้รองจ้าวพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “น้องหกบอกว่าทำไร่ทำสวนไม่ได้ทำให้รวยขึ้น คนเราต้องคิดทำอย่างอื่นด้วย พวกเราจะเอาแต่นั่งมองเฉย ๆ แบบนี้ไม่ได้ คุณยังมีลูกชายอีกสองคนนะ!”

พี่รองจ้าวหันไปมองลูกชายทั้งสองคน ลูกชายทั้งสองกัดหัวดินสอกำลังคิดอะไรบางอย่าง เขาจึงดึงสายตากลับมาพลางกล่าวว่า “พวกเราสี่พี่น้อง พ่อกับแม่ก็ไม่เห็นต้องทำอะไรเลย แต่ก็ยังเลี้ยงพวกเรามาจนโตได้ คุณมีลูกชายแค่สองคนจะกลัวอะไร?”

พี่สะใภ้รองจ้าวมองพี่รองจ้าวอย่างไม่พอใจ “พวกคุณสี่คนเติบโตมาอย่างไร คุณก็น่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจ หรือคุณอยากให้ลูกชายของคุณเป็นเหมือนคุณ?”

“เป็นเหมือนผมแล้วทำไม ผมเองก็โตมาได้ขนาดนี้แล้ว” พี่รองจ้าวตอบ “พวกเราก็ไม่ได้มีใครครองโสดสักหน่อย ตอนนี้ต่างก็มีครอบครัวมีงานทำกันแล้ว มีทั้งลูกชายลูกสาว มีแต่คุณนั่นแหละที่กลุ้มใจไปเปล่า ๆ!”

พี่สะใภ้รองจ้าวโมโหแล้ว “ฉันกลุ้มใจไปเปล่า ๆ งั้นเหรอ? ตอนนั้นจะมาเทียบกับตอนนี้ได้เหรอ? พวกเขายังเด็ก รอให้พวกเขาโตก่อนเถอะ มีอะไรบ้างที่คุณรู้? เรียนหนังสือก็ต้องใช้เงิน อ่านหนังสือไม่ออกก็ต้องหาเมีย ต้องสร้างบ้าน ของพวกนั้นก็ใช้เงินทั้งนั้น ตอนที่คุณมาสู่ขอฉันใช้ข้าวฟ่างสองกระสอบ คุณคิดว่าตอนที่ลูกชายของคุณไปสู่ขอเมียก็ใช้ข้าวฟ่างสองกระสอบเหมือนกันเหรอ?”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ว่าไปแล้วพี่สะใภ้รองก็คิดการณ์ไกลอยู่เหมือนกันนะ เพียงแต่พี่รองเห็นว่ายังไม่ใช่เรื่องต้องเร่งรีบอะไร คุยกันดี ๆ แล้วกัน อย่าบ้านแตกรับปีใหม่ล่ะ

ไหหม่า(海馬)