ซวนหยวนจื่อกวงและจูเทียนเก้อปะทะการโจมตีกันอย่างดุเดือด ทั้งสองคนยังออมแรงเอาไว้ หนึ่งคนใช้เพียงมือเดียวในการต่อสู้ ส่วนอีกหนึ่งคนยังไม่ได้เรียกใช้งานทหารซากศพ แต่แน่นอนว่าฝ่ายที่ได้เปรียบอยู่ก็คือซวนหยวนจื่อกวงเพราะพลังต่อสู้ส่วนใหญ่ของศิษย์นิกายพันศพนั้นจะขึ้นอยู่กับทหารซากศพ
อย่างที่คิด หลังจากแลกเปลี่ยนกระบวนท่าไปอีกสิบกว่าท่า จูเทียนเก้อก็ถูกต้อนให้เรียกทหารซากศพออกมา
ห้าศพ!
ขีดจำกัดที่จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานสามารถควบคุมได้คือหกศพ ซึ่งจูเทียนเก้อสามารถควบคุมได้ถึงห้าศพ ยิ่งเข้าใกล้ขีดจำกัดมากเท่าไหร่ผลประโยชน์ที่ได้รับก็มาเพิ่มมากขึ้น
ทหารซากศพห้าตัวย่อมแข็งแกร่งกว่าสี่ตัว แถมพลังต่อสู้ที่เพิ่มขึ้นมายังไม่ใช่น้อยๆด้วย
ซวนหยวนจื่อกวงไม่กล้าที่จะประมาท มือที่พาดหลังเอาไว้ของเขาเริ่มขยับเพื่อต่อกรกับจูเทียนเก้อและทหารซากศพทั้งห้า ในตอนนี้ยังไม่อาจบอกได้ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ เพราะรุ่นเยาว์ทั้งสองคนต่างแสดงพลังที่น่าสะพรึงกลัวออกมาด้วยกันทั้งคู่
“รุ่นเก่าไม่อาจเทียบได้!”
“รุ่นเยาว์ในยุคสมัยนี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก!”
“แน่นอน ยิ่งศาสตร์แห่งวรยุทธเจริญด้าวหน้า รุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์ก็จะยิ่งปรากฏตัวออกมา ถ้าหากไม่ใช่รุ่นเยาว์แห่งยุคบรรพกาลแรกเริ่มก็ย่อมไม่อาจเทียบกับรุ่นเยาว์ในยุคสมัยนี้ได้”
ผู้คนมากมายในเมืองอุทานออกมา พวกเขาตกตะลึงในพลังต่อสู้ของซวนหยวนจื่อกวงและจูเทียนเก้อ
“แต่รุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์เช่นนี้คงจะหายากสินะ?”
“เรื่องนี้ไม่แน่นอน ในภูมิภาคกลางแห่งนี้มีพยัคฆ์ซ่อนมังกรหมอบอยู่ไม่น้อย”
“แต่ถึงอย่างนั้นอัจฉริยะเช่นนี้ก็ไม่น่าจะมีเกินสิบคน”
ชายชราที่ดูทรงภูมิผู้หนึ่งกล่าวอธิบาย ผู้คนที่ฟังต่างก็พยักหน้ายอมรับ
หลิงฮันเอียงหูฟังและอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ “ฮูหนิว ลงไปแสดงให้ทุกคนได้เห็นหน่อย”
“ได้เลย หนิวจะแสดงความแข็งแกร่งให้พวกมันได้เห็นเอง!” ฮูหนิวกระโดดลงไปจากประตูเมืองและยืนท้าวเอว “ใครจะเป็นคนมาสู้กับหนิว?”
ศิษย์ของนิกายพันศพมองหน้ากันและหัวเราะ แค่เด็กตัวเล็กๆอายุเจ็ดหรือแปดขวบ พวกมันสามารถสังหารได้ด้วยนิ้วเดียวอยู่แล้ว แต่หากจะให้ลงมือกับเด็กสาวเช่นนี้คงจะเป็นอะไรที่น่าอับอายมาก
พวกมันทุกคนเมินเฉยต่อฮูหนิวโดยสิ้นเชิง
ไป๋หยวนมีสีหน้าตกตะลึงเพราะมันไม่สามารถมองเห็นระดับพลังบ่มเพาะของฮูหนิว
ถ้าจะบอกว่าเด็กสาวคนนี้เป็นเพียงเด็กธรรมดาที่ไม่บ่มเพาะพลังแล้วนางจะกระโดดลงมาจากกำแพงเมืองที่สูงขนาดนั้นได้อย่างไร? แม้เหล่ารุ่นเยาว์จะไม่ใส่ใจ แต่มันไม่ใช่! มันเคยผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่ารุ่นเยาว์เหล่านี้ ความระมัดระวังตัวและไม่ประมาทคือสิ่งที่ทำให้มันมีชีวิตรอดมาถึงทุกวันนี้และกลายเป็นจอมยุทธระดับสวรรค์
มันครุ่นคิดอยู่ขณะก่อนจะพูด “เปียนฮ่าว ไปสู้กับนาง”
“อาวุโสไป๋ ข้างั้นรึ?” ไป๋หยวนรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม ทำไมมันจะต้องไปสู้ด้วย? อีกฝ่ายเป้นแค่เด็กสาวแท้ๆ แค่ลงมือเล็กๆน้อยๆกับนางก็ทำให้มันรู้สึกอับอายแล้ว
“อย่าประมาท” ไป๋หยวนกล่าว
แม้จะไม่พอใจแต่ไป๋หยวนก็ยอมเชื่อฟังคำพูดของอาวุโสไป๋ ดูเหมือนว่าในสายตาของอาวุโสไป๋เด็กสาวคนนี้จะไม่ธรรมดา ไป๋หยวนเก็บความไม่พอใจเอาไว้ในใจและเดินออกมา “เด็กน้อย เจ้าต้องการเล่นกับข้า?”
“ไม่ใช่เล่น แต่เป็นการต่อสู้!” ฮูหนิวกอดอกเล็กๆของนาง คำพูดที่นางกล่าวออกไปทำให้ผู้คนมากมายในเมืองหัวเราะ เด็กสาวคนนี้ช่างน่ารักยิ่งนัก
“ฮ่าๆๆๆ!” ซือทู่ย่าวและศิษย์คนอื่นของนิกายพันศพหัวเราะให้กับใบหน้าอันบูดบึ้งของเปียนฮ่าว
“ข้าจะสู้กับเจ้าเพียงมือเดียว” เปียนฮ่าวพูด
“งั้นข้าก็ไม่เกรงใจ” ฮูหนิวตอบกลับโดยเลียนแบบมาจากหลิงฮัน
เปียนฮ่าวกำลังจะพยักหน้า แต่อยู่ดีๆร่างเล็กร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าของมันอย่างรวดเร็ว ‘ปัง’ ใบหน้าของมันแสดงออกถึงความเจ็บปวดและทรุดลงไปนั่งอยู่กับพื้น
ทุกคนจ้องมองไปฮูหนิวด้วยความตกตะลึง เด็กสาวที่น่ารักราวกับเทพธิดาคนนี้กลับมีความเร็วและพลังโจมตีที่น่าพรึงกลัวจนทำให้เปียนฮ่าวทรุดลงไปนั่งกับพื้น
เด็กสาวคนนี้ไม่ใช่เทพธิดาน้อยแต่เป็นปีศาจน้อย!
“ฮี่!” ฮูหนิวแยกเขี้ยวยิ้มแย้มและพูด “เป็นอะไรไป เจ้าป่วยรึไง?”
เปียนฮ่าวรู้สึกอับอายจนอยากจะขุดหลุมฝันตัวเอง ตอนแรกเขาคิดว่าคำเตือนของไป๋หยวนเป็นเพียงคำพูดไร้สาระ แต่เด็กสาวคนนี้กลับดุร้ายเกินคาดแถมยังมีพลังต่อสู้ที่วัดด้วยตรรกะทั่วไปไม่ได้ด้วย เปียนฮ่าวคำรามและกระโดดเข้าใส่ฮูหนิวพร้อมกับทหารซากศพทั้งสี่
“โอ้ ไม่ใช่เจ้าบอกว่าจะสู้กับหนิวมือเดียวรึไง?” ฮูหนิวเคลื่อนไหวอย่างลึกล้ำ ภายใต้การล้อมของทหารซากศพทั้งสี่ ท่าทีของนางก็ยังสงบนิ่งราวกับกำลังเดินเล่น มือเล็กๆของนางตะครุบเข้าใส่ทหารซากศพ
ทหารซากศพที่ร่างกายทนทานแล้วอย่างไร? เมื่อตอนที่ฮูหนิวยังมีพลังระดับแก่นแท้จิตวิญญาณ กรงเล็บของนางมีพลังโจมตีเทียบเท่ากับจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานสองดาว แต่นางนี้นางบรรลุระดับบุปผาผลิบานแล้ว การโจมตีของนางจึงทรงพลังมากขึ้นไปอีก
‘ปัง’ เมื่อเสียงปะทะดังขึ้น ร่างของทหารซากศพทั้งสี่ก็ถูกฮูหนิวฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆอย่างง่ายดาย
‘พรวด!’
ทุกคนสำลักออกมา เด็กสาวคนนี้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว แม้แต่คำว่าสัตว์ประหลาดก็ยังไม่เพียงพอที่จะใช้เรียกนาง นี่นางอ่อนแอหรือแข็งแกร่งกว่าซวนหยวนจื่อกวงกันแน่?
“ในรายชื่ออัจฉริยะรุ่นเยาว์ของภูมิภาคกลาง คงต้องเพิ่มรายชื่อเข้าไปใหม่เสียแล้ว” ชายชราที่ดูทรงภูมิเอ่ยขึ้นมา
“เดี๋ยวสิ ไม่ใช่เจ้าบอกว่าว่าอัจฉริยะไร้ที่เปรียบแห่งภูมิภาคกลางมีแค่สิบคนรึไง?”
“……” ชายชราท่าทางทรงภูมิพูดไม่ออก ใบหน้าของเขากลายเป็นสีแดงทันที เมื่อครู่เขาเพิ่งบอกไปว่าอัจฉริยะอย่างซวนหยวนจื่อกวงและจูเทียนเก้อนั้น ในภูมิภาคกลางคงมีไม่เกินสิบคน แต่ตอนนี้ดันมีเด็กสาวที่แข็งแกร่งจนเรียกได้ว่าฝืนสวรรค์ปรากฏตัวออกมาเสียได้
หลังจากทหารซากศพทั้งสี่ถูกฮูหนิวกำจัดอย่างง่ายดาย เปียนฮ่าวก็ต้องขอยอมแพ้อย่างไม่มีทางเลือก
ฮูหนิวหัวเราะและพูด “มีใครอีกไหม? หนิวต้องการสู้ซักสิบคน!”
ศิษย์ของนิกายพันศพตกอยู่ในความเงียบสงัด ถึงแม้เปียนฮ่าวจะแข็งแกร่งอยู่ในอันดับแปดหรือเก้าในหมู่ศิษย์ทั้งสิบคน แต่ท่าทางของฮูหนิวนั้นยังดูผ่อนคลายเป็นอย่ามาก ดังนั้นถ้าหากต้องการจะกำราบเด็กสาวคนนี้ มีแต่ต้องให้จูเทียนเก้อลงมือเท่านั้น
แต่ปัญหาก็คือตอนนี้จูเทียนเก้อกำลังปะทะกับซวนหยวนจื่อกวงอยู่
ไป๋หยวนพูด “ถ้าเจ้าต้องการสู้สิบคน งั้นก็สู้ให้ชนะรวดเก้าคนก่อน หากถึงคนที่สิบ เมื่อศิษย์ที่สามสู้จบเขาจะมาเป็นคู่ต่อสู้ให้เจ้าเอง”
“หึ จะให้หนิวรองั้นรึ? งั้นหนิวไม่สู้แล้ว!” ฮูหนิวกระทืบเท้าและเดินกลับไป
บนฝั่งประตูเมือง สายตาทุกคู่จ้องมองไปยังฮูหนิวด้วยความตะลึง ผู้อาวุโสเฒ่าบางคนถึงขนาดต้องการรับฮูหนิวไปเป็นลูกศิษย์ ขนาดอายุแค่นี้ยังแข็งแกร่งขนาดนี้ ถ้าหากนางโตขึ้น นางจะน่ากลัวขนาดไหน?
ในอนาคตอันใกล้ ตำแหน่งจอมยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกต้องมีนางเป็นหนึ่งในนั้น