บทที่ 1502 – เหลียนหลิงเฟิงผู้สืบทอดแห่งเทพสงครามจิ้งจอกเงิน

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1502 – เหลียนหลิงเฟิงผู้สืบทอดแห่งเทพสงครามจิ้งจอกเงิน

ชิงสุ่ยดูมั่นใจอย่างยิ่งในตอนนี้ แม้แต่เหลียนหลิงเฟิงเองก็ต้องตรวจสอบชิงสุ่ยใหม่

ในตอนนี้ผู้คนโดยรอบต่างก็ตกตะลึงและความเงียบปกคลุมไปทั่วที่แห่งนี้ทันที ผู้คนที่นี่เตรียมพร้อมจะหนีอยู่เสมอเพราะหากหอคอยจักรพรรดิพังทะลายลงมาจริงๆพวกเขาอาจจะไม่มีทางหนีได้เลย

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเขาถึงสามารถต่อกรกับตระกูลสือได้ ข้าไม่รู้จริงๆว่าเจ้าไม่สนใจเรื่องนี้หรือว่าเจ้าต้องการอะไร เจ้าจงออกมาสู้กับข้าไม่อย่างนั้นข้าก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าหอคอยจักรพรรดิจะคงอยู่ดังเดิมเช่นนี้” เหลียนหลิงเฟิงกล่าวกล่าวขึ้น

แต่ในตอนนี้ซีฉีชาเเดินเข้ามาและยืนอยู่ข้างๆของชิงสุ่ย นางกล่าวพร้อมกับมองไปยังเหลียนหลิงเฟิงว่า “เจ้าออกไปก่อนได้หรือไม่ ข้าเคยบอกไปหลายครั้งแล้วว่าข้าไม่ได้ชื่นชอบเจ้า”

“ทำไมกัน ข้าไม่ดีพองั้นหรือ? เหตุใดจึงไม่ให้โอกาสข้าบ้าง? บอกข้ามาว่าข้านั้นยังขาดสิ่งใดไป ข้าพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเจ้า” เหลียนหลิงเฟิงเมื่ออยู่ตรงหน้าซีฉีชาก็เป็นเหมือนกับลูกแกะตัวหนึ่ง

“เรื่องของความรู้สึกนั้นไม่อาจบังคับกันได้ แม้เราจะอยู่ด้วยกันไปก็ไม่มีความสุขหรอก” ซีฉีชาส่ายศีรษะของนางและกล่าวขึ้นอย่างเฉยชา

“เจ้ามีคนที่เจ้าชื่นชอบหรือไม่ โปรดบอกข้ามาว่าใคร เช่นนั้นข้าจะสามารถตายตาหลับได้” เหลียนหลิงเฟิงกล่าวพร้อมกับมองไปที่ชิงสุ่ย

“ข้าแค่ไม่ชอบคนแบบเจ้า ข้าจะพูดอีกครั้ง ว่าข้าไม่ชอบเจ้า และถ้าหากเจ้ายังตามตื้อข้าเช่นนี้บางที่เราอาจไม่ได้เป็นแม้แต่สหายกัน” น้ำเสียงของซีฉีชาปฏิเสธชายผู้นี้อย่างไร้เยื่อใย

“เจ้าชอบนางหรือไม่?” เหลียนหลิงเฟิงชี้ไปที่ชิงสุ่ย

ชิงสุ่ยรู้สึกได้ว่าหากตนเองเข้าไปขวางความรักของเขาในครั้งนี้คงจะเป็นเรื่องที่โง่มาก นี่มันคำถามที่ไร้เดียงสาอะไรแบบนี้? ทำไมเขาถึงไม่ถามแบบนี้กับซีฉีชา?

ซีฉีชามองไปที่สายตาที่เย็นชาของเหลียนหลิงเฟิงโดยไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆและจากนั้นก็หันหน้ามาช้าๆ นางไม่ได้พูดอะไรกับเขาเพียงแต่เดินจากไป

ในตอนนี้หัวใจของเหลียนหลิงเฟิงรู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง เขาจ้องมองไปที่ชิงสุ่ยทันที “เจ้าเป็นคนที่พานางไปจากข้า ข้าจะสังหารเจ้าซะ”

ชิงสุ่ยยังคงรู้สึกสับสน หัวใจของลูกชายคนโตของเมืองหลินห่ายไม่อาจรับเรื่องเช่นนี้ได้? หรือเรื่องนี้สำคัญต่อเขามากที่สุด?

ชิงสุ่ยรู้สึกได้ว่าคงเป็นอย่างหลังมากกว่า สำหรับเหลียนหลิงเฟิงนี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดและแม้ว่าเขาจะไม่ได้ดูบ้าคลั่งแต่เขาก็ดูชัดเจนกับเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง

ความจริงแล้วผู้คนมากมายในเมืองหลินห่ายต่างก็รู้ดีว่าเหลียนหลิงเฟิงนั้นก็ชื่นชอบซีฉีชาและเขาก็คิดมาเสมอว่าเขาเป็นเพียงคนเดียวที่เหมาะสมกับนาง เหลียนหลิงเฟิงนั้นย่อมแข็งแกร่งอย่างแน่นอนในฐานะลูกชายคนโตของเจ้าเมืองหลินห่าย

ชิงสุ่ยมองไปที่เหลียนหลิงเฟิงที่กำลังพุ่งเข้ามาและเห็นว่าการโจมตีของศัตรูนั้นไม่ได้ซับซ้อนมากนัก ลูกชายคนโตของหลินห่ายอาจจะเพียงเลือดขึ้นหน้าในตอนนี้

ดูเหมือนว่าลูกชายคนแรกของเมืองหลินห่ายจะคิดเพียงน้อยนิดเพื่อที่จะสังหารชิงสุ่ยในตอนนี้ เพราะเขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้หลิงเฟิงต้องบ้าคลั่งในตอนนี้

ถ้าหากว่าเขาพ่ายแพ้ชิงสุ่ยก็คงเพราะความคิดและพลังของเขาจะต้องถดถอยลงไปเพราะชิงสุ่ย แต่หากชิงสุ่ยถูกสังหารโดยชายที่บ้าคลั่งผู้นี้แล้วชื่อที่ดีของเขาในด้านารแพทย์คงจะได้รับผลกระทบไปด้วย

ไม่ว่ายังเหลียนหลิงเฟิงก็ได้ประโยชน์ในเรื่องนี้

ชิงสุ่ยหลบเลี่ยงและไม่ตอบโต้แต่อย่างใด  ทักษะย่างก้าว 9เทวานั้นทรงพลังอย่างยิ่ง ไม่ต้องพูดถึงพลังอื่นๆของเขาเลย

“ดูเหมือนท่านจะไม่ใช่เพียงชื่นชอบหญิงสาวผู้นี้ ท่านดูคลั่งไคล้หญิงสาวผู้นี้มากกว่า?” ชิงสุ่ยไม่ได้โจมตีกลับไปเพียงแต่พูดให้เขาไขว้เขวเท่านั้น

เหลียนหลิงเฟิงไม่ได้ตอบอะไรออกมาแต่พลังของเขาดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆในตอนนี้ ตอนนี้ชิงสุ่ยเคลื่อนที่ไปตามตำแหน่งเทวาทั้ง 9 และตราบใดที่ตำแหน่งเทวาทั้ง 9 ยังไม่ถูกทำลายลงอาคารแห่งนี้ก็จะไม่เป็นอะไร

นี่ยังเป็นเหตุผลที่ทำไมชิงสุ่ยถึงกล้าให้มีการต่อสู้กันขึ้นที่นี่ ชิงสุ่ยไม่อยากให้อะไรก็ตามที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับหอคอยจักรพรรดิ

เหลียนหลิงเฟิงรู้สึกราวกับว่าเขาเป็นหนูที่กำลังวิ่งอยู่ในกรง แม้ว่าพลังของเขาจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆแต่แรงกดดันที่เขาได้รับนั้นก็เพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน เขามองไปที่ใบหน้าของชิงสุ่ยที่ยังคงสงบนิ่ง เขารู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้นั้นมีทักษะต่างๆที่ทำให้ผู้คนประหลาดใจได้และใบหน้าที่สงบนิ่งของเขานั้นไม่ใช่การเสแสร้งอย่างแน่นอน เขารู้ได้ทันทีว่าตนเองได้พบกับศัตรูที่แข็งแกร่งในวันนี้ทำให้เลือดในร่างกายนั้นเดือดพล่านขึ้นมาทันที

ชิงสุ่ยค่อยๆผ่าเหลียนหลิงเฟิงไปใกล้ประตูอย่างช้าๆและจากนั้นก็โยนเขาผ่านประตูออกไป จากนั้นเขาก็ตามออกไปและพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า

เหลียนหลิงเฟิงก็ยังคงพัวพันกับชิงสุ่ยดังนั้นพวกเขาทั้ง 2 คนจึงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมๆกัน เพียงแค่การต่อสู้ก็ทำให้พวกเขาพอใจแล้วจึงไม่จำเป็นต้องทำลายหอคอยจักรพรรดิ

“เจ้าทรงพลังอย่างยิ่ง!” เหลียนหลิงเฟิงกล่าวอย่างจริงจังขณะที่มองไปยังชิงสุ่ย

“ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดท่านถึงต้องการประลองกับข้าว หากท่านพ่ายแพ้ท่านคงไม่รู้ว่าจะต้องสูญเสียมากมายเพียงใด หรือท่านอยากจะตายกัน?” ชิงสุ่ยมองไปที่เหลียนหลิงเฟิง

“เจ้าประเมินข้าต่ำเกินไป ข้า เหลียนหลิงเฟิง หากข้าไม่อาจรับการโจมตีของเจ้าได้ ข้าก็ไม่ขอมีชีวิตอยู่อีกต่อไป”

ชิงสุ่ยส่ายศีรษะ “หากท่านพร้อม ข้าก็พร้อมที่จะโจมตี”

เขานำง้าวทองทะลวงศัตรูออกมา!

ดวงตาของเหลียนหลิงเฟิงเบิกกว้าง เขากล่าวออกมาว่า “เจ้าคือผู้สืบทอดของเทพสงครามทองคำงั้นหรือ?”

ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยในตอนนี้ เขาขมวดคิ้วแล้วถามขึ้นว่า “มันสำคัญงั้นหรือ?”

“นั่นเป็นเพราะข้าคือผู้สืบทอดแห่งเทพสงครามจิ้งจอกเงิน” เหลียนหลิงเฟิงยิ้มและมองมาที่เขา

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุใดข้าถึงรู้สึกคุ้นเคยกับท่าน พวกเราไม่ต้องสู้กันดีหรือไม่?” ชิงสุ่ยยิ้ม

“ทำไมเราต้องสู้กัน เทพสงครามทองคำคือผู้นำของเหล่าเทพสงคราม” เหลียนหลิงเฟิงกล่าวขึ้น

“ผู้นำของเหล่าเทพสงคราม…”

“ข้าทราบดีถึงลำดับของเทพสงคราม ข้าคงไม่ต่อสู้เพื่อซีฉีชาอีกต่อไป” เหลียนหลิงเฟิงกล่าวด้วยท่าทีท้อแท้เล็กน้อย

ความพยายามของเหลียนหลิงเฟิงที่มีต่อซีฉีชาในวันนี้ล้มเหลวไปอีกครั้ง ประกอบกับความเชื่อของเขาที่คิดว่าซีฉีชาและชิงสุ่ยนั้นมีความสัมพันธ์พิเศษต่อกัน ดังนั้นแม้หากเขาจะดึงดันต่อสู้อีกต่อไปก็คงเป็นการทำลายความรักของคนอื่นในความคิดของเขา ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเช่นนี้

“ใครบอกท่านกันว่าข้ามีความสัมพันธ์กับนาง?” ชิงสุ่ยกล่าวขึ้น

“เจ้าไม่ได้ชอบซีฉีชางั้นหรือ? ข้าคิดว่านางรักเจ้าอย่างยิ่ง” เหลียนหลิงเฟิงกล่าวขึ้นอย่างขมขื่น

“นี่เป็นเพียงการพบกันครั้งที่ 2 ของเราและครั้งที่แล้วข้าก็ไม่ได้ทำอะไรกับนางมากนักและครั้งนี้ก็ด้วยเช่นกัน หากท่านชอบนางจริงๆจงอย่าทำแบบที่ท่านทำ่อนหน้านี้อีก ผู้หญิงจะคิดว่าท่านเป็นคนที่มีจิตใจคับแคบ” ชิงสุ่ยส่ายศีรษะของเขาและยิ้ม

เหลียนหลิงเฟิงมองไปที่ชิงสุ่ยเป็นเวลานานก่อนที่เขาจะรู้ว่าชิงสุ่ยไม่ได้ล้อเล่น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมชิงสุ่ยถึงไม่ชอบซีฉีชา ทุกๆคนล้วนชื่นชอบนางรวมถึงเขาด้วยเช่นกัน

“ขอบคุณมาก ข้าจะพยายามให้ดีที่สุด” เหลียนหลิงเฟิงกล่าวขึ้นด้วยความตื่นเต้น

“ท่านไม่จำเป็นต้องขอบคุณค่ะ หากคข้าชอบผู้หญิงสักคนนึงข้าคงไม่ปล่อยนางไปแน่นอน นอกจากนี้ทั้งความรักและหญิงสาวนั้นเป็นเรื่องที่ไม่อาจบังคับได้ สิ่งที่ท่านต้องทำคือทำให้คนอื่นๆนั้นชื่นชอบท่าน แล้วท่านจะเข้าใจเอง” ชิงสุ่ยส่ายศีรษะ

“ข้าทราบดี นี่เป็นเพราะข้าเห็นนางสำคัญ เราถือเป็นพี่น้องได้หรือไม่ ข้ายังอยู่ที่นี่ได้หรือไม่? ใช้ค่าจ่ายเงินก็ได้” เหลียนหลิงเฟิงหัวเราะ

“พวกเราไม่ใช่พี่น้องกัน พวกเราเพียงเรียกกันด้วยชื่อเท่านั้น” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ก็ดี เช่นนั้นก็ตามที่เจ้าปราถนาเลย เรื่องที่นี่…” เหลียนหลิงเฟิงดูเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้

“ตามที่ท่านปรารถนาเลย ข้าจะหาห้องว่างให้ท่านเอง” ชิงสุ่ยส่ายศีรษะของเขาและเดินไปพร้อมกับเหลียนหลิงเฟิง พูดคุยกันพร้อมกับหัวเราะ และผู้คนมากมายก็มองดูพวกเขาด้วยความสับสน

สิ่งที่ทำให้รู้สึกหดหู่มากที่สุดคือตระกูลฮัวที่กำลังมองพวกเขาด้วยความยินดีจากระยะไกลๆ หอคอยจักรพรรดิและตระกูลเหลียนเป็นศัตรูที่ไม่อาจจะประนีประนอมกันได้แต่พวกเขาไม่ได้คิดว่าจะจบแบบนี้ พวกเขาไม่คิดว่าทั้งสองคนจะสามารถพูดคุยกันอย่างมีความสุขเช่นนี้ได้ ราวกับเป็นพี่น้องที่สนิทกันมานาน…

ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแม้แต่ซีฉีชาก็ไม่รู้เช่นเดียวกัน นางประหลาดใจเมื่อได้เห็นทั้งสองคน มีเพียงหยิน ต่งที่ดูเหมือนจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ไม่แน่ใจ

ผู้คนจำนวนมากเดินออกจากหอคอยแห่งนี้ไปแต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา

“ชาเอ๋อ ถือว่าแปลกประหลาดหรือไม่?” เหลียนหลิงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ซีฉีชาเห็นได้ชัดว่าไม่มีความสุขขณะที่นางเหลือบมองไปที่ทั้งสองคน นางรู้สึกว่าเหลียนหลิงเฟิงได้เปลี่ยนแปลงไปแต่ก็ไม่รู้ว่าเขาเปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใด

เหลียนหลิงเฟิงได้เปลี่ยนแปลงไปจริงๆที่เป็นเพราะชิงสุ่ยที่อยู่กับเขาและคำพูดไม่กี่คำของชิงสุ่ยก็ทำให้เขาเหมือนได้ตื่นรู้ในทันที เห็นได้ชัดว่าเขาเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันนี่เป็นการเปลี่ยนแปลงถึงระดับจิตวิญญาณของเขา

หัวใจของเหลียนหลิงเฟิงนั้นรู้สึกขอบคุณชิงสุ่ยอย่างยิ่ง เขาก็รู้สึกว่าตัวเองมั่นใจอยู่เมื่ออยู่ต่อหน้าหน้าซีฉีชา

เขานั้นหยิ่งยโสอย่างแท้จริงเพราะเป็นผู้ที่มีทั้งอำนาจและความบ้าคลั่งอยู่ในตัว ความรู้สึกในตอนนี้ของเขาไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะเป็นการไล่ตามซีฉีชาก็ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

‘ความจริงแล้ว ชิงสุ่ยคงเป็นพี่น้องของข้าที่พลัดพรากกันมานานหลายปี ซึ่งข้าเพิ่งได้รู้…’

มุมปากของชิงสุ่ยยกขึ้นแต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา

“คุยเรื่องไร้สาระอะไรกันอยู่” ซีฉีชามองไปที่เหลียนหลิงเฟิงและกล่าวขึ้น

“โอ้ เจ้าบอกว่าเจ้ารู้จักเทพสงครามใช่หรือไม่?” เหลียนหลิงเฟิงถามเบาๆ

“ข้าเคยได้ยินเรื่องของเทพสงครามสมัยโบราณพวกนั้น”

“ชิงสุ่ยและข้าคือผู้ที่ได้รับการสืบทอดของเทพสงคราม เขายังถือเป็นพี่ชายของข้าอีกด้วย” เหลียนหลิงเฟิงกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มและในที่สุดก็มีโอกาสที่จะบอกกับซีฉีชาในเรื่องนี้ ทำไมเขาจะพลาดโอกาสนี้กัน?

ซีฉีชามองไปที่เหลียนหลิงเฟิงก่อนจากนั้นก็หันมามองชิงสุ่ยและหยิน ต่ง นางรู้ว่าที่เขาพูดนั้นเป็นเรื่องจริง ตอนนี้นางรู้แล้วว่าทำไมเหลียนหลิงเฟิงถึงสามารถเป็นลูกชายคนโตของเจ้าเมืองหลินห่าย

สถานะของเหลียนหลิงเฟิงในตอนนี้ถือว่ายอดเยี่ยมอย่างยิ่ง หากจะบอกว่าเขาไม่ใช่ชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบคงจะแปลกประหลาดอย่างยิ่ง ชายผู้นี้ไล่ตามนางมาโดยตลอดและปฏิบัติต่อนางเป็นเป็นเทพธิดาของเขา แต่ความรักนั้นไม่ใช่สิงที่สามารถบังคับกันได้และไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยเหล่านี้เท่านั้น

ความรักนั้นไม่เคยเท่าเทียมกันมาตั้งแต่เริ่มต้นอยู่แล้ว ชายหนุ่มบางคนแม้จะได้คบหากับหญิงสาวที่ต่ำต้อยกว่าตนเองอาจจะได้รับรู้ถึงความรู้สึกของชีวิตคู่และรู้ว่ามันไม่ใช่ชีวิตของเขาเพียงคนเดียวอีกต่อไป มันก็เหมือนกับการได้พบกับคนที่ยากจน ความรักทำให้ทั้ง 2 คนนั้นปรับตัวเข้าหากันและอยู่ในระดับเดียวกันในที่สุด

ชิงสุ่ยเห็นว่าเหลียนหลิงเฟิงและซีฉีชานั้นเหมาะสมกันจริงๆ แต่พรหมลิขิตของทั้งสองคนนั้นจะเป็นไปได้หรือไม่? สำหรับชิงสุ่ย เขายังต้องตามหาอีเย่ เจี้ยนเก้อ และยังต้องไล่ตามถานท่าย หลิงเยียนที่เป็นเหมือนเทพธิดาน้ำแข็ง…..