บทที่ 1572+1573

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1572 ถึงเวลาตัดขาดทุกสิ่งกับเขาแล้ว!

“พี่หญิง?” หลานเหยากวงเรียกเธออีกครั้ง

กู้ซีจิ่วสูดหายใจเบาๆเฮือกหนึ่ง เงยหน้าขึ้นมา “หลานเหยากวง ข้าจะพูดอีกครั้ง ข้าไม่ใช่พี่สาวของเจ้า อย่างน้อยในจิตใต้สำนึกของข้าก็บอกว่าข้าไม่ใช่พี่สาวของเจ้า บางทีชาติก่อนข้าอาจจะใช่หลานจิ้งเคอ แต่ชาตินี้ไม่ใช่ และข้าก็ยอมรับเพียงชาตินี้!”

หากว่ามนุษย์เรามีการกลับชาติมาเกิดจนริงดังว่า เช่นนั้นทุกคนล้วนต้องเวียนว่ายตายเกิดมาไม่รู้กี่ชาติแล้ว! หนี้ในชาติก่อนนับว่าจบสิ้นแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับชาติภพนี้

นับประสาอะไรกับตัวเธอที่ถึงแม้ชาตินี้จะมีความทรงจำของหลานจิ้งเคออยู่บ้าง แต่ความทรงจำนั้นกลับทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ อยู่เสมอ ราวกับเดิมทีไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอเลย แต่ถูกคนอื่นยัดเยียดใส่เข้ามา เรื่องราวของหลานจิ้งเคอที่เธอเห็นก็เหมือนมองจากมุมมองคนนอกที่รับชมภาพยนต์ที่ตัดต่ออย่างสับสนปนเปไม่มีความรู้สึกร่วมหรือความรู้ว่าเป็นตัวเองเลย

เธอไม่ต้องการเป็นหลานจิ้งเคอ แม้ว่าหลานจิ้งเคอจะเป็นประมุขเผ่าเงือกผู้ทรงเกียรติเธอก็ไม่ปรารถนา! เธอเป็นเพียงกู้ซีจิ่ว ไม่ใช่คนอื่น!

หลานเหยากวงนิ่งงัน

เขาสูดหายใจเบาๆ ยิ้มน้อยๆ มองดูเธอ “แต่หลานจิ้งเคอเป็นประมุขเผ่าเงือก ขอเพียงท่านตอบรับเป็นนาง ท่านก็จะเป็นประมุขเผ่าเงือก! ข้าสามารถส่งต่อตำแหน่งประมุขเผ่าเงือกให้ท่านได้ทันที ท่านอาจไม่รู้ว่าฐานะประมุขเผ่าเงือกมีเกียรติมากเพียงใด…เป็นตัวตนอันทรงเกียรติที่สุดในบรรดาชนเผ่าบาดาลทั้งหมด มีศักดิ์เทียบเทียมกับเผ่ามังกร บัญชาการเผ่าบาดาลกึ่งหนึ่ง มีอำนาจกว่าจักรพรรดิคนใดบนแผ่นดิน หากว่าท่านเป็นประมุขเผ่าเงือก เช่นนั้นจะอยู่ใต้คนผู้เดียว อยู่เหนือคนนับหมื่น”

กู้ซีจิ่วมีความทรงจำของหลานจิ้งเคอ ย่อมทราบข้อนี้ดี

เผ่าเงือกเป็นตัวตนที่พิเศษที่สุด เดิมทีเผ่าเงือกไม่ชอบการสู้รบ ขุมกำลังไม่นับว่าแข็งแกร่ง เป็นเพียงเผ่ารักสงบ ถูกเผ่าบาดาลมากมายกลั่นแกล้งรังแก

แต่หลังจากหลานจิ้งเคอปรากฎขึ้น ด้วยการสนับสนุนจากหวงถู เผ่าเงือกจึงแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน ยามที่หลานจิ้งเคอสิ้นชีพ เผ่าเงือกสามารถแยกตัวเป็นเอกราชจากเผ่ามังกรที่เป็นเจ้าสมุทรได้แล้ว กลายเป็นเผ่าบาดาลที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับสอง

และหลายปีมานี้ถึงแม้หลานเหยากวงจะเป็นประมุขเผ่าเงือก แต่ผู้กุมบังเหียนตัวจริงคือหวงถู อาณาเขตของเผ่าเงือกในยามนี้ขยายใหญ่ออกไปเรื่อยๆ ล้ำหน้าเผ่ามังกรไปเรื่อยๆ กลายเป็นเจ้าสมุทรที่แท้จริงของเผ่าในท้องสมุทร

ดังนั้นตำแหน่งประมุขเผ่าเงือกจึงทรงเกียรติยิ่งกว่าจักรพรรดิของแดนมนุษย์มากนัก! หากว่าจักรพรรดิของแดนมนุษย์เข้าร่วมการค้าทางทะเล ตามธรรมเนียมแล้วจะต้องให้เจ้าผู้ครองแคว้นมาเอง ประมุขเผ่าเงือกแค่ส่งขุนนางใหญ่สักคนมาต้อนรับก็นับว่าเป็นการไว้หน้าจักรพรรดิแดนมนุษย์มากพอแล้ว

อำนาจเย้ายวนใจคน ไม่ทราบว่ามีผู้คนมากน้อยเพียงใดที่หมายตาตำแหน่งจักรพรรดิเผ่าเงือกนี้ ต่อให้เป็นภายในเผ่าเงือกเองก็มีผู้มีความสามารถมากมายที่จ้องตาเป็นมันอยู่ หากมิใช่เพราะวิธีการอันสะท้าสะเทือนของหวงถู ด้วยความสามารถของสองพี่น้องสกุลหลานไม่มีทางรักษาตำแหน่งนี้เอาไว้ได้

หลานเหยากวงทราบถึงความสามารถของตนเป็นอย่างดี ว่าไม่มีคุณสมบัติจะเป็นประมุขเผ่าได้ สาเหตุที่เขาสามารถยืนหยัดเอาไว้ได้ก็เป็นเพราะต้องการพิทักษ์ดินแดนนี้แทนพี่หญิงของตน ยามนี้พี่หญิงฟื้นคืนชีพแล้ว เขาย่อมต้องการมอบตำแหน่งนี้กลับคืนไป

ถึงอย่างไรเขาก็เป็นประมุขเผ่า ข่าวคราวบนแผ่นดินมิได้ถูกปินกั้นไว้ เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับกู้ซีจิ่วเขายังคงทราบมากมายนัก และทราบถึงความสามารถของนางอย่างลึกซึ้ง เขาเชื่อว่าหากส่งมอบตำแหน่งประมุขเผ่าให้ จะต้องทำได้ยอดเยี่ยมกว่าตัวเขาแน่นอน!

ยิ่งไปกว่านั้นคือเทพศักดิ์สิทธิ์หวงถูรักใคร่พี่หญิงของเขาอย่างลึกล้ำ ถ้าพี่หญิงนั่งตำแหน่งนี้ดังว่า หวงถูจะต้องช่วยเหลือนางเป็นแน่ เผ่าเงือกจะรุ่งโรจน์เกรียงไกรยิ่งขึ้น

เขาคำนวณไว้ดียิ่งนัก เรื่องที่คาดไม่ถึงเพียงอย่างเดียวคือพี่หญิงที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาไม้ปรารถณาตำแหน่งนี้!

เขายังคิดจะเกลี้ยกล่อมต่อ กู้ซีจิ่วกลับเอ่ยตัดบทเขา “พี่หวงของเจ้าล่ะ?” ถึงเวลาตัดขาดทุกสิ่งกับเขาแล้ว!

“เขามีธุระต่อจึงจากไปแล้ว”

“ติดต่อเขาได้หรือไม่ ข้ามีเรื่องต้องพบเขา”

“นี่…”

“พวกเจ้ามีวิธีพิเศษในการติดต่อกันใช่ไหม? รบกวนติดต่อเขาทีเถิด”

————————————————————————————-

บทที่ 1573 นางต้องการถอนหมั้นกับนายท่านของเขาจริงๆ!

“พวกเจ้ามีวิธีพิเศษในการติดต่อกันใช่ไหม? รบกวนติดต่อเขาทีเถิด” กู้ซีจิ่วลุกขึ้นยืน

ในเมื่อตี้ฝูอีมีอำนาจมากมายขนาดนี้ในเผ่าเงือก เคยฝากฝังเรื่องราวยิ่งใหญ่ขนาดนั้นไว้กับหลานเหยากวง เขาต้องมีเครื่องมือที่ติดต่อกันได้ตลอดเวลาแน่นอน

หากมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ตี้ฝูอีก็จะมาได้อย่างทันท่วงที

หลานเหยากวงทอดถอนใจ เขารู้ว่าเรื่องราวอันใดก็ไม่อาจปิดบังกู้ซีจิ่วได้ จึงยอมรับโชคชะตาหยิบป้ายหยกออกมาความพิเศษด้านการใช้งานเหมือนกันกับป้ายหยกของพวกมู่เฟิง ไม่นานเขาก็ติดต่อตี้ฝูอีได้…

มู่เฟิงมองนายท่านของตัวเองอย่างเป็นกังวล ช่วงนี้นายท่านมีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติไป

เขาเหม่อลอยอยู่บ่อยครั้ง ยืนมองต้นไม้ต้นหนึ่งได้นานแสนนาน มองต้นไม้ไม่ได้สลักสำคัญอันใด คนสมัยก่อนก็เรียนรู้ประสบการณ์จากต้นไม้อยู่บ่อยครั้งไม่ใช่หรือ? เขาเพียงมองว่านายท่านกำลังคิดปัญหาซับซ้อนอยู่ก็ได้ ทว่ายามนี้นายท่านกลับพัฒนาไปถึงขั้นที่เหม่อลอยในสนามรบแล้ว…

มู่เฟิงมองตี้ฝูอีที่ยืนอยู่ข้างซากศพสัตว์ร้ายสี่ตัวอยู่นาน เขาทอดถอนใจเฮือกหนึ่ง นี่ไง เหม่อลอยอีกแล้ว

เดิมทีเวลาที่ตี้ฝูอีเหม่อลอยนับว่ามีไม่มาก โดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คน นานๆ ทีเหม่อลอยก็ยังคงครุ่นคิดว่าจะเล่นงานคนอย่างไรดี เมื่อใดที่เขาเหม่อลอย ทุกครั้งจะต้องมีใครสักคนโชคร้ายสุดๆ!

ทว่าหลายวันมานี้เห็นได้ชัดว่าบ่อยครั้งมากขึ้น อีกทั้งไม่รู้ว่าคิดถึงสิ่งใด เมื่อสักครู่กำลังต่อสู้กับสัตว์ร้ายทั้งสี่ตัว จู่ๆ ก็หยุดมือกลางคัน เกือบจะถูกเขาของหนึ่งในสัตว์ร้ายทิ่มจนลอยกระเด็นไปแล้ว!

หากไม่ใช่มู่เฟิงเข้าไปช่วยเหลืออย่างสุดชีวิต เกรงว่าครั้งนี้นายท่านคงจะได้รับบาดเจ็บสาหัส

ในที่สุดมู่เฟิงทนไม่ไหว ก้าวไปด้านหน้าก้าวหนึ่ง “นายท่าน บาดแผลของท่าน…”

ตี้ฝูอีเหมือนกับไม่ได้ยิน ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น โลหิตที่หลั่งจากบาดแผลบนข้อมือชุ่มโชกเสื้อคลุมด้านนอกเขาก็ยังไม่รู้สึกตัว จมอยู่ภายใต้ความคิดส่วนลึก

มู่เฟิงแอบทอดถอนใจ ทำได้เพียงยืนนิ่งๆ อยู่เป็นเพื่อนตี้ฝูอีท่ามกลางสายลม

ไม่รู้ว่าผ่านไปเนิ่นนานเท่าใด จู่ๆ ป้ายหยกที่เอวของตี้ฝูอีเปล่งแสงขึ้นมา

มู่เฟิงรู้ว่าประมุขเผ่าเงือกติดต่อนายท่านมาอีกแล้ว

และที่ประมุขเผ่าเงือกติดต่อนายท่านมาโดยพื้นฐานก็ไม่มีเรื่องอื่นใด ล้วนเป็นการถามเขาแทนกู้ซีจิ่วว่าเมื่อใดจะมาเผ่าเงือกเพื่อจัดการเรื่องถอนหมั้นได้…

มู่เฟิงยังคงแปลกใจในครั้งแรกที่ได้ทราบข่าว ยังคิดว่ากู้ซีจิ่วกับตี้ฝูอีเล่นพ่อแง่แม่งอนกัน เป็นการล้อเล่นที่ไร้ซึ่งพิษภัย

ทว่าไม่นานจึงรู้สึกได้ว่ากู้ซีจิ่วจริงจัง นางต้องการถอนหมั้นกับนายท่านของเขาจริงๆ!

ผ่านไปวันสองวัน นางก็ฝากให้หลานเหยากวงถามไถ่อีกครั้งหนึ่ง ส่วนตี้ฝูอีก็จะตอบกลับไปเหมือนเดิมทุกครั้ง เขากำลังยุ่ง ไม่มีเวลาไปถอนหมั้น รอให้ทำธุระช่วงนี้เสร็จก่อนค่อยว่ากัน

มู่เฟิงรู้สึกว่านายท่านของตัวเองประหลาดยิ่งนัก ในเมื่อรู้ดีอยู่แล้วว่าหลานเหยากวงติดต่อมาด้วยเหตุอันใด ทว่าทุกครั้งล้วนรับสายอย่างรวดเร็ว หลังจากฟังคำเรียกร้องของอีกฝ่ายจบอย่างเงียบงันแล้วจึงกล่าวคำพูดชุดนั้น จากนั้นก็ตัดสายป้ายหยกทิ้ง และหลังจากนั้นเขาก็จะเหม่อลอยไปอีกนานสองนาน…

ยิ่งไปกว่านั้นยังเหม่อมองกำไลวงหนึ่งบนข้อมือ จ้องมองกำไลวงนั้นอยู่บ่อยครั้ง ราวกับบนกำไลจะมีดอกไม้งอกออกมา

ทำให้มู่เฟิงก็มองตามไปด้วยหลายครา ทว่าก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น

กำไลวงนั้น นอกจากเปลี่ยนสีสันอยู่บ่อยครั้งแล้ว อย่างอื่นก็ไม่มีสิ่งใดผิดปกติ

สิ่งของของเทพศักดิ์สิทธิ์มีสีสันฉูดฉาดมากกว่ากำไลวงนี้เป็นพันเท่า ไม่รู้มีสิ่งของล้ำค่าที่งดงามและสดใสกว่านี้เป็นพันเท่ามากมายเท่าไหร่ แต่ไม่เคยเห็นเทพศักดิ์สิทธิ์จะปรายตามองเท่าใดเลย

มีเพียงกำไลวงนี้ เมื่อใดที่เขาเหม่อลอยจะจ้องมองมัน ราวบนของสิ่งนี้มีลิขิตสวรรค์ปรากฏขึ้น

มู่เฟิงไม่เข้าใจยิ่งนัก ทว่าก็ไม่กล้าเอ่ยถาม นายท่านตนทำการสิ่งใดไม่เคยมีกฎเกณฑ์ตายตัว ใครจะรู้ว่าเขามีแผนการใดอยู่ในใจ

————————————————————————————-