ตอนที่ 300

Crazy Leveling System

**CLS ตอนที่ 300:**ถึงกับทำให้ข้ารู้สึกคันได้

 

“เจ้ากล้าล้อข้าเล่นอย่างงั้นเหรอ!” เหลยหยุนตกใจ หลังจากนั้นก็พลันเดือดดาลขึ้นมาทันที “ข้างหลังข้ามีอาณาจักรใต้พิภพอยู่ เจ้ากล้ามีเรื่องกับอาณาจักรใต้พิภพอย่างงั้นเหรอ เจ้ารู้ไหมว่ากำลังทำเรื่องโง่ๆ อยู่!”

 

ผู้จัดการเผ่าภูตที่อยู่ใกล้ๆ พลันโล่งใจ พวกเขาก็คิดว่าอี้เทียนหยุนจะถูกของรางวัลล่อลวงซะแล้ว แต่ทีแท้ก็แค่หยอกล้อพวกเขาเล่นเท่านั้น

 

ส่วนเย่ชิงเสวียนนั้นรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าอี้เทียนหยุนจงใจล้ออีกฝ่ายเล่น ถ้ามาช่วยพวกเธอเพราะของรางวัล ป่านนี้คงหนีไปแล้ว ไม่มาสร้างปัญหาอย่างนี้หรอก

 

“ข้าไม่รู้ว่ากำลังเรื่องโง่ๆ อยู่หรือเปล่า ไม่มีใครอยากจะปะทะกับขุมอำนาจระดับอาณาจักรหรอก ใครมันจะบ้าไปหาเรื่องขุมอำนาจระดับนั้น คิดว่าข้ากินข้าวอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำหรือยังไง?” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “เป็นอาณาจักรใต้พิภพของเจ้าต่างหากที่หาเรื่องข้า ต้องการกำจัดข้า ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ทำไมไม่สู้จนแตกดับทั้งสองฝ่ายไปเลยล่ะ?”

 

“อาณาจักรใต้พิภพหาเรื่องเจ้า?” เหลยหยุนสับสน ไม่รู้ว่าเรื่องเป็นมายังไง แต่เขาก็พอจะเข้าใจว่าอีกฝ่ายมีความแค้นกับอาณาจักรใต้พิภพอยู่

 

“เหลยหยุน!” เย่ชิงเสวียนมีสีหน้าถมึงทึง ในตาเต็มไปด้วยความโกรธ “ทำร้ายเผ่าภูตของเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า แท้จริงแล้วเจ้าต้องการทำอะไรกันแน่! เพียงเพื่อต้องการความรุ่งโรจน์ที่เป็นดั่งภาพลวงตา ดังนั้นจึงเลือกที่จะทรยศเผ่าภูตอย่างงั้นเหรอ!”

 

“ทรยศเผ่าภูตอย่างงั้นเหรอ?” เหลยหยุนมองมาที่เธอด้วยสีหน้าดูถูก “ข้าไม่ได้ทรยศเผ่าภูต แต่กำลังนำเผ่าภูตมุ่งสู่ความยิ่งใหญ่ต่างหาก! อาศัยอยู่ในป่าเขาโคลนเลนแบบนี้มีความหมายอะไร ต้องปกครองแผ่นดินทั้งหมด ครอบครองทรัพยากรมหาศาล กลายเป็นผู้แข็งแกร่ง นี่ต่างหากถึงจะเป็นอนาคตที่แท้จริง!”

 

“ก็ยังคงเหมือนเดิม หัวใจของเจ้าหยาบช้าดั่งที่ท่านบรรพชนกล่าวไว้จริงๆ เพราะงั้นจึงไม่เหมาะที่จะสืบทอดตำแหน่งราชาของเผ่าภูต” เย่ชิงเสวียนพูดอย่างดูถูก “กลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงโดยการทรยศเผ่าพันธุ์ ทั้งหมดก็เพื่อตัวเจ้าเอง! เจ้าได้รับทรัพยากรจำนวนมากโดยการขายเผ่าพันธุ์ตัวเอง แล้วยังมีหน้ามาบอกว่านี่คืออนาคตที่แท้จริงอีกอย่างงั้นเหรอ?”

 

“หุบปาก!” เหลยหยุนเดือดดาล “อย่ามาอ้างเจ้าแก่นั่นกับข้า เจ้าเฒ่าหัวแข็งนั่น มีหน้าอะไรมาว่าข้าหยาบช้า ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเจ้าต่างหากที่พากันหัวแข็ง! ทำไมต้องผ่านตำหนักจักรพรรดิก่อนถึงจะนั่งตำแหน่งราชาภูตได้ มันมีสิทธิ์อะไร!”

 

“ต้องผ่านตำหนักจักรพรรดิถึงจะนั่งตำแหน่งราชาภูตได้ น่าขำ?” เย่ชิงเสวียนพูดอย่างเย็นชา “คนที่จะนั่งบัลลังก์ได้คือคนที่ถูกเลือกเท่านั้น ตำหนักจักรพรรดิไม่ได้เป็นคนเลือก เพราะหัวใจเจ้าหยาบช้า จึงทำแต่เรื่องหุนหัน! เจ้าคิดว่าตำแหน่งราชาภูตต้องผ่านตำหนักจักรพรรดิจริงๆ อย่างงั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าการที่เจ้าไม่ได้นั่งบัลลังก์เลยทำให้เจ้าเลือกที่ทรยศ! โชคดีจริงๆ ที่เจ้าไม่ได้นั่งบัลลังก์ ไม่อย่างนั้นไม่นาน เผ่าภูตคงถูกเจ้านำพาไปสู่หนทางแห่งการแตกดับ!”

 

เย่ชิงเสวียนยิ้มอย่างเย็นชาแทนที่จะโกรธ

 

“เจ้าหยุดพูดได้แล้ว!” เหลยหยุนถอยหลังไปสองสามก้าว ขณะที่สีหน้าดำคล้ำ คำพูดของเย่ชิงเสวียนจี้ใจดำเขามาก แต่เขาก็ทำหน้าเคร่ง แล้วพูดขึ้นว่า “ถ้าเผ่าภูตอยู่ในมือข้า มันจะไม่มีทางถูกทำลายอย่างแน่นอน มีแต่จะรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ! แต่ตอนนี้ข้าเป็นหัวหน้านักสลักอาคมที่แข็งแกร่งที่สุดของอาณาจักรใต้พิภพ เตรียมจะนั่งตำแหน่งต้าเฉิน เมื่อถึงตอนนั้น ข้าก็จะมีตำแหน่งในอาณาจักรใต้พิภพ ด้วยพลังที่เป็นที่สุดของอาณาจักรใต้พิภพ ข้าก็จะสามารถทำให้เผ่าภูตเจริญรุ่งเรืองขึ้นได้!”

 

“น่าขำ เจ้านี่มันน่าขำจริงๆ! เหลยหยุน เจ้ามัวเมาในอำนาจจนกลายเป็นเลอะเลือนไปแล้ว ที่อาณาจักรใต้พิภพลงมือก็เพราะต้องการสืบทอดค่ายกลของเผ่าภูตเรา เมื่อพวกมันได้สิ่งที่ต้องการ พวกมันก็จะกำจัดพวกเราทิ้ง!” เย่ชิงเสวียนพูดอย่างเย็นชา “ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้ทำการไถ่โทษครั้งสุดท้าย ช่วยพวกท่านบรรพชนออกมา นี่จะสามารถช่วยลดความผิดของเจ้าลงได้!”

 

“ฮ่าๆๆ…..”

 

เหลยหยุนหัวเราะจนน้ำตาแทบไหลออกมา ทำให้เย่ชิงเสวียนต้องขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าเหลยหยุนมันไปโดนยาตัวไหนมา

 

อี้เทียนหยุนมองอย่างเย็นชาอยู่ด้านข้าง ขณะที่เย่ชิงเสวียนตั้งคำถาม เขาก็เตรียมจะจัดการกับเหลยหยุนทุกเมื่อ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร คนทรยศก็ไม่สามารถยกโทษให้ได้

 

“ปล่อยพวกบรรพชนอย่างงั้นเหรอ?” เหลยหยุนค่อยๆ หยุดหัวเราะ จากนั้นก็มองมาที่พวกเขาอย่างเย็นชา “พูดโง่ๆ บรรพชนถูกวางยาพิษไว้แล้ว ปล่อยไปอย่างนี้เรื่อยๆ สุดท้ายก็ต้องถูกวิชาครวญวิญญาณเข้าไป เมื่อนั้นไม่ว่าจะค่ายกลหรือว่าความลับอะไรของเผ่าภูตก็จะถูกค้นออกมาจนหมด จากนั้นยังจะมีอะไรเป็นของพวกเราอีก? ถ้าเจ้าอยากจะช่วย เจ้าก็ต้องหาทางแก้พิษให้ได้เสียก่อน ไม่อย่างนั้นก็อย่าหวังว่าจะทำอะไรได้…..”

 

“เจ้ามันวิปริต เจ้าเดรัจฉาน เจ้าทำอะไรท่านบรรพชน!” สีหน้าของเย่ชิงเสวียนเปลี่ยนไป สถานการณ์ที่แย่ที่สุดปรากฏขึ้นมาแล้ว ท่านบรรพชนถูกวางยา หลังจากถูกวิชาครวญวิญญาณเข้าไป เขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

 

“ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ก็แค่ทำการสืบทอดค่ายกลของเผ่า ในเมื่อเจ้าไม่ยอมบอก ก็มีแต่ต้องใช้วิชาครวญวิญญาณเท่านั้น” เหลยหยุนเดินถอยหลังอีกสองสาวก้าว พร้อมกับพูดด้วยความดูถูก “ตอนนี้ได้เวลาตายของเจ้าแล้ว!”

 

อึดใจต่อมา เหลยหยุนพลันกระทืบเท้าอย่างแรง ทันใดนั้น เบื้องหน้าพวกเขาพลันปรากฏลำแสงเจิดจ้าขึ้นมา ก่อตัวเป็นค่ายกลสายฟ้า ไม่รู้ว่าเขาเตรียมค่ายกลนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่!

 

เหลยหยุนเป็นอัจฉริยะด้านค่ายกล ไม่เสียทีที่เป็นถึงนักสลักอาคมระดับต้าซือตั้งแต่อายุยังน้อย เพียงแค่เดินไปมาไม่กี่ก้าวก็แอบสร้างค่ายกลขึ้นมาได้แล้ว ขณะที่ทำทีเป็นคุย แต่ในใจก็แอบคำนวณทุกอย่างเอาไว้ เตรียมที่จะลอบโจมตีพวกเขา

 

“เปรี้ยง!”

 

ในตอนนี้เอง สายฟ้าที่น่ากลัวก็พลันระเบิดออกมา ด้วยสร้างมาจากพลังของเหลยหยุน ทำให้การโจมตีนี้เปรียบได้กับการโจมตีของระดับผันแปรวิญญาณ เหตุการณ์นี้ทำให้คนของเผ่าภูตหวาดกลัวรีบทำการตั้งรับ ความจริงก็อยากจะหนีแต่ก็ไม่มีเวลา ต่อให้พวกเขาจะหนีได้เร็วแค่ไหน ก็ไม่มีทางเร็วไปกว่าสายฟ้านี้ไปได้

 

สีหน้าของอี้เทียนหยุนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขาทำการกระทืบเท้าอย่างแรง “ปัง” แรงสั่นสะเทือนทำให้ค่ายกลที่วางไว้กลายเป็นแหลกเหลว สลายไปในทันที

 

“นี่ นี่มันอะไรกัน?!” เหลยหยุนใส่พลังที่มีทั้งหมดเข้าไปในการโจมตีนี้ แต่ใครจะคิดว่าอยู่ๆ ค่ายกลก็มาพลันสลายไป

 

“มีพลังแค่นี้แต่คิดที่จะวางแผนเล่นงานข้าอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนส่ายหัวแล้วพูดว่า “ตั้งแต่ที่เจ้าเริ่มก้าวเท้าครั้งแรก ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้ากำลังสร้างค่ายกลอยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะชิงเสวียนต้องการถามคำถามกับเจ้า ข้าคงตบเจ้าให้ตายคามือไปนานแล้ว”

 

จากนั้น เขาก็หันไปมองเย่ชิงเสวียนที่ยังมีท่าทางตกตะลึงอยู่ พร้อมกับพูดต่อว่า “เจ้ายังมีเรื่องจะถามมันอีกใช่ไหม ให้ข้าจับมันไว้แล้วเจ้าค่อยถามมันอีกทีดีไหม?”

 

“นี่ นี่…. ต้องรบกวนเจ้าแล้ว” เย่ชิงเสวียนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ขณะที่เตรียมรับมือการโจมตีนี้ อยู่ๆ อี้เทียนหยุนก็ทำลายมันทิ้งเสียอย่างงั้น

 

อึดใจต่อมา อี้เทียนหยุนก็ยกคันศรน้ำค้างแข็งเทวะขึ้น พร้อมกับเล็งไปที่เขา ก่อนจะยิงศรออกไปสามดอก พุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว เหลยหยุนรีบหลบไปด้านข้าง อาคมสายฟ้าที่อยู่บนร่าง ช่วยเพิ่มความเร็วสูงสุดให้กับเขา เมื่อเทียบกับคนระดับเดียวกันแล้ว ทำให้เขาเร็วกว่าอีกฝ่ายอยู่ขั้นใหญ่

 

แต่ยังไงก็ตาม ความเร็วของอี้เทียนหยุนก็เร็วอย่างมาก เขาทำการถีบพื้นอย่างแรง จนพื้นยุบเป็นหลุม ก่อนที่ร่างจะกลายเป็นเหมือนมังกรร้าย กระโจนเข้าใส่อีกฝ่าย พริบตาที่ระยะห่างของทั้งสองร่นเข้ามาจนถึงระดับเอื้อมมือถึง เขาก็ทำการเอื้อมมือคว้าจับอีกฝ่ายในทันที

 

“อย่าได้หวัง!” ในตาเหลยหยุนเต็มไปด้วยความเย็นชา พร้อมกับสายฟ้าที่วิ่งพล่าน พร้อมกันนั้น เขาก็ทำการรวบรวมสายฟ้าไว้บนมือ ก่อนที่จะปล่อยออกไปปะทะกับอีกฝ่าย

 

“เปรี้ยง!” สายฟ้าแตกออกจากมือฟาดลงสู่พื้นหลายสาย ก่อนที่จะตัดเข้ามาอย่างโหดเหี้ยม อี้เทียนหยุนรวบมือเป็นหมัดต่อยออกไปโดยไม่สนใจ

 

“เปรี้ยง!”

 

พริบตาที่สายฟ้าปะทะกับหมัดของอี้เทียนหยุน มันก็ทำการเลื้อยตามหมัด พุ่งเข้าใส่ร่างของเขา

 

“เจ้าโง่ ดูสิว่าคราวนี้เจ้าจะยังรอดไปได้อีกไหม!” ในใจเหลยหยุนมีความสุขสุดๆ เขาไม่คิดว่าอี้เทียนหยุนจะสามารถทนต่อการโจมตีของเขาได้

 

แต่ใครจะรู้ อี้เทียนหยุนกลับไม่แยแสต่อสายฟ้านี้ ทั้งยังทำการโจมตีต่อ ต่อยหมัดออกไปตามเดิม!

 

“ปึก” เหลยหยุนถูกชกกระเด็น จนกระแทกใส่ต้นไม้ใหญ่ข้างหลัง หน้าอกของเขายุบลงเล็กน้อย เพราะอี้เทียนหยุนออมมือไว้ ถึงยังไงเป้าหมายก็คือการจับตัวอีกฝ่าย

 

“พลังของสายฟ้านี้ใช้ได้ทีเดียว ถึงกับทำให้ข้ารู้สึกคันได้” อี้เทียนหยุนสะบัดแขน ราวกับไม่มีอะไร