ปัง ปัง ปัง!
หางงูกระแทกกับพื้นทำให้เกิดเสียงดังลั่น หางเป็นเหมือนพายุที่รุนแรงในพายุฝน เต็มไปด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ มันเหมือนเสายักษ์ที่กระแทกซ้ายและขวา
เฟิงหลินหลบอย่างต่อเนื่อง ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา ไม่มีทางที่จะได้รับแรงกระทบตรงๆ
การเคลื่อนไหวของเขาคล่องแคล่วไม่มีใครเทียบ เงาของเขาวนรอบตัวมนุษย์ครึ่งงู ไม่ว่าหางงูจะกระแทกมากแค่ไหน เขาก็จะเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วว่องไวและหลบหลีกผ่านช่องว่างเหมือนว่าเขากำลังเต้นรำอยู่บนลวดเหล็ก
ทันใดนั้นเขาสังเกตเห็นว่าระหว่างการโจมตีของเฟิงเส้าโย่วมีความล่าช้าตอนที่เขากระพริบตา
ถึงเวลาแล้ว!
แสงจ้าส่องประกายแวววับในดวงตาของเฟิงหลิน เขาเหยียบลงบนพื้นอย่างแรงเพิ่มความเร็วจากแรงกระแทก
“คิดหนี?” เฟิงเส้าโย่วหัวเราะเยือกเย็น หางของเขาพุ่งทะยานขึ้นไปบนฟ้าคล้ายงูหลามขนาดมหึมาไล่ล่าเหยื่อ
มังกรมาจากก้อนเมฆ และเสือมาจากสายลม!
เฟิงเส้าโย่วกลายเป็นสัตว์ในตำนาน ท่อนบนเป็นมนุษย์ท่อนล่างเป็นงู การเคลื่อนไหวของเขาก่อให้เกิดระเบิดลมหนาวที่ทำให้คนสั่นจากความเย็น
ตาชั่งในร่างกายของเฟิงเส้าโย่วเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีความคมชัดเหมือนดาบและเปล่งประกายด้วยแสงเย็น
หางยักษ์สะบัดไปมาเบาๆและร่างทั้งหมดของเฟิงเส้าโย่วก็พุ่งออกมาราวกับธนู เปลี่ยนเป็นเงาดำพร่ามัวขยับเข้าใกล้เฟิงหลินทันที
เปรี้ย เปรี้ย!!
เสียงของน้ำเปลี่ยนเป็นน้ำแข็งอย่างฉับพลัน
น้ำแข็งควบแน่นเปลี่ยนเป็นหอกยาวเหยียดออกมาในมือของเฟิงเส้าโย่ว ความเย็นในอากาศเย็นมาก เฟิงเส้าโย่วที่ตอนนี้สูงถึงห้าหกเมตรคล้ายมารร้ายที่อยากล่าเฟิงหลิน
หอกยาวปล่อยพลังอันน่ากลัวของน้ำแข็ง มันแข็งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ก่อตัวจากผลึกน้ำแข็ง เปล่งประกายด้วยแสงคมกริบและเย็นเยือก
หมัดวัชระสะกดอสูร!
เฟิงหลินปล่อยหมัด ร่างกายของเขาเปล่งประกายแวววาวราวกับหยก เหมือนกับว่าเขาเป็นลิงหินที่เกิดมาจากสวรรค์และโลกจริงๆ เขาเป็นเหมือนราชาที่มีการป้องกันเหนียวแน่นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ปัง!
เสียงเหล็กและหินบดขยี้กัน
หมัดของเฟิงหลินเหมือนค้อนยักษ์ทุบหอกน้ำแข็ง ในไม่ช้าหอกน้ำแข็งก็แตกเป็นผลึกและตกลงบนพื้น
อย่างไรก็ตาม แรงกระแทกก็ส่งกลับมาที่เฟิงหลิน เขากระแทกเข้ากับผนังโลหะผสมด้านข้างอย่างแรง
ร่างกายของเขาชนเข้ากับกำแพงเสียงลั่นและเมื่อเขายันตัวขึ้นมา ผนังก็บุบเป็นรูปมนุษย์
ทั้งความแข็งแกร่งและความเร็วของเขาต่ำกว่าจริงๆ มันยากเกินไปที่จะต่อสู้ข้ามระดับและต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังมากกว่า
แม้ว่ายีนที่เฟิงเส้าโย่วปลุกขึ้นมาไม่ใช่ยีนประเภทที่เสริมให้ร่างกายแข็งแรง แต่ความเร็วและความแข็งแกร่งของเขาก็ยังสูงกว่าเฟิงหลิน
ข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเฟิงหลินคือการต่อสู้ระยะใกล้ แต่มันใช้กับคู่ต่อสู้ไม่ได้ผล
เขาต้องการที่จะหลบ แต่เฟิงเส้าโย่วตามเขามาติดๆไม่ให้โอกาสเขาหนีไป เฟิงหลินทำได้แค่ต่อสู้เท่านั้น
รอยประทับกระจกหยินหยาง!
หนึ่งมือเป็นหยินและอีกมือเป็นหยาง รอยประทับเปลี่ยนเป็นเหมือนกระจกสองด้าน สร้างภาพสะท้อนที่ฉายการเปลี่ยนแปลงนับไม่ถ้วน
ระลอกคลื่นพลังจิตไร้รูปร่างแผ่ออกไป
เหมือนมีผีเสื้อนับพันเต้นรอบดอกไม้
เฟิงเส้าโย่วหรี่ตาแคบลง การรับรู้ของเขาไม่ชัดเจน เขาค่อนข้างงุนงง
“ระเบิด!” เฟิงเส้าโย่วเปล่งเสียงดังสนั่น กระตุ้นตัวเองเขา”การสะกดจิต! ก่อนหน้านี้ฉันประเมินนายไว้สูงแล้ว แต่ก็ยังประเมินนายต่ำไป นายเป็นทั้งผู้บ่มเพาะดวงดาวและนักสะกดจิตพันธุกรรม ความแข็งแกร่งของนายส่งผลต่อผู้บ่มเพาะระดับสูงได้ แม้ว่ามันจะเพียงชั่วครู่ แต่อย่างน้อยนายก็น่าจะเป็นนักสะกดจิตที่ใกล้จะเข้าถึงขั้นกลางแล้ว”
เฟิงเส้าโย่วพูดอย่าจองหอง ราวกับว่าเขารู้ความลับทั้งหมดของเฟิงหลินแล้ว
เฟิงหลินหัวเราะเยาะ
เฟิงเส้าโย่วจะทำอะไรได้?เขาถูกสะกดจิตและต่อให้เขาจะหลุดพ้นได้
ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว!
เฟิงหลินรู้ถึงขีดจำกัดความสามารถเขา โดยธรรมชาติแม้ว่ายีนจิตจะเสริมแกร่งจนเต็มและทรงพลังมาก มันก็เป็นแค่ยีนพื้นฐาน เขาไม่คิดว่าจะสามารถพึ่งพาความสามารถนี้เพื่อส่งผลต่อผู้บ่มเพาะระดับสูงได้ จุดประสงค์เขาแค่ทำให้ศัตรูช้าลง
ในช่วงเวลานั้น เมื่อเฟิงเส้าโย่วก้าวเข้าสู่ความงงงวย เฟิงหลินกลับไม่ถอยและพุ่งไปข้างหน้าทันที เขากระโดดขึ้นไปในอากาศเหมือนลิงเซียน กระโจนเข้าหาหางงูยักษ์ของเฟิงเส้าโย่ว
“รนหาที่ตาย!” รูม่านตาของเฟิงเส้าโย่วหรี่เล็กลง หางงูของเขาเคลื่อนไหวเหมือนพัดลมไฟฟ้า หวังจะพัดเฟิงหลินให้ปลิว
เฟิงหลินจับหางไว้แน่นและใช้แรงจากหางเพื่อกระโดดสูงขึ้นไปในอากาศ ร่างกายของเขากระโดดขึ้นในแนวตั้งสูงขึ้นไปเหนือหัวของเฟิงเส้าโย่ว หลังจากนั้นหมัดของเขาก็เปลี่ยนเป็นค้อนพลิกฟ้า กระแทกใส่สีข้างของเฟิงเส้าโย่ว
หมัดมังกรอสรพิษ!
เฟิงเส้าโย่วหันไป 180 องศาเพื่อเผชิญหน้ากับเฟิงหลินตรงๆ หมัดอสรพิษบเคลื่อนไหวอย่างไม่อาจคาดเดาได้ และหมัดมังกรที่เปล่งพลังมหาศาลก็กำลังระเบิดใส่จุดสำคัญ
สายสัมพันธุ์ของมังกรและงู การโจมตีเหล่านี้มีกลิ่นอายที่ดึงดูดเมื่อมันระเบิดใส่เป้าหมาย
บูม!
เฟิงเส้าโย่วตอบโต้ด้วยหมัดของเขา ปิดกั้นการโจมตีของเฟิงหลิน
แรงกระทบทำให้เฟิงหลินพุ่งขึ้นไปในอากาศ ต้องตีลังกากว่ายี่สิบครั้งกว่าจะรักษาสมดุลไว้ได้
เฟิงเส้าโย่วเองก็ไม่ได้ดีเช่นกัน ร่างกายของเขาสั่นอย่างรุนแรงและกระแทกกับพื้น
เฟิงหลินรู้สึกมั่นใจเมื่อเขาเห็นแบบนี้ แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะด้อยกว่าคู่ต่อสู้ก็ตาม
ยีนลิงหินเป็นยีนที่เสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย มันไม่ได้เสริมความสามารถในการโจมตี แต่มันก็ยังมุ่งเน้นพละกำลัง
พละกำลัง!กระดูกแข็ง!
รูม่านตาของเฟิงเส้าโย่วหดลง จ้องหลินฮวงอย่างน่ากลัว เขารู้สึกตกใจอย่างมาก
“นี่เป็นยีนใหม่ที่วิวัฒนาการมาจากยีนลิงและยีนหินสินะ?ไม่ธรรมดาจริงๆ!”เขาพูด
“เอ๊ะ?” เฟิงหลินประหลาดใจ เขาไม่คาดหวังว่าสัญชาตญาณของเฟิงเส้าโย่วจะแม่นยำจนบอกได้ว่านี่เป็นยีนใหม่ที่เขาวิวัฒนาการมา
เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของเฟิงหลิน เฟิงเส้าโย่วก็หัวเราะเยาะ “นายอาจซ่อนมันจากคนอื่นได้ แต่ไม่ใช่จากฉัน อวกาศนั้นกว้างใหญ่ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ก่อนหน้านี้ทั้งสองยีนที่นายปลุกขึ้นมาคือยีนลิงและยีนหิน พวกมันต่างเป็นยีนขยะทั้งคู่และสถานะพลังของนายก็น่าสมเพช และเนื่องจากพลังของนายเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน นายต้องพบวิธีที่จะวิวัฒยีนทั้งสองเข้าด้วยกันเพื่อพัฒนาพวกมัน สร้างเส้นทางการบ่มเพาะขึ้นใหม่!”
“นี่คือสาเหตุที่นายถึงหาญกล้ามาก ถึงแม้ว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นได้ยากในอวกาศ แต่มันก็เกิดขึ้นได้เป็นครั้งคราว จริงๆแล้วเพราะฉันค้นพบสิ่งนี้ ฉันจึงอยากได้นายมาเป็นผู้พิทักษ์ แม้ว่านายจะไม่อาจใช้ประสบการณ์ของผู้อื่นได้เนื่องจากนายกำลังเดินบนเส้นทางการบ่มเพาะใหม่ อนาคตของนายก็ไม่อาจคาดเดาได้ แต่ถึงกระนั้นความแข็งแกร่งของนายก็สูงกว่าผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกัน ด้วยการสนับสนุนของฉัน นายอาจจะสามารถเดินต่อไปบนเส้นทางใหม่นี้ได้ นายยังไม่รู้ว่าอะไรดีสำหรับนายและยังไม่ขอบคุณความมีน้ำใจของฉัน ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็อย่ามาหาว่าฉันโหดร้าย!”
ไม่ขอบคุณในความมีน้ำใจ?
รอยยิ้มน่ากลัวปรากฏบนใบหน้าของเฟิงหลิน สายตาของเขาเย็นชา
เพียงเพราะนายมาจากตระกูลบรรพชนระหว่างดวงดาว นายคิดว่าจะทำอะไรในระบบสุริยะจักรวาลก็ได้อย่างงั้นหรอ?
นายต้องการให้คนอื่นเชื่อฟังและชื่นชมความมีน้ำใจของนาย?
นายคิดว่าการตัดสินของนายถูกแล้วใช่ไหม?
ตลอดช่วงเวลาที่พวกเขาต่อสู้นี้ เฟิงเส้าโย่วอาจได้เห็นร่องรอยบางอย่างจากเฟิงหลิน อย่างไรก็ตาม เฟิงหลินเองก็ไม่โง่เหมือนกัน มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่ค้นพบอะไร
เฟิงหลินมีความเชี่ยวชาญในตำนานมากมาย เขาค้นพบบางอย่างเกี่ยวกับเฟิงเส้าโย่ว จริงๆอาจมากกว่าสิ่งที่เฟิงเส้าโย่วค้นพบในตัวเขา
ฝูซีมาจากฮั่วซู ส่วนฮั่วซูก็มาจากซุยเร็น
บรรพบุรุษของมนุษย์โบราณเหล่านี้ไม่ธรรมดา ซุยเร็น ฮั่วซู, ฝูซี ถือเป็นบรรพชนของเผ่าพันธุ์มนุษย์ทุกคนในตำนานจีน
มนุษย์ในสมัยโบราณพยายามที่จะเข้าใจธรรมชาติของสวรรค์และโลก พวกเขาดูดซับพลังปราณในโลกเพื่อรับเอาพลัง ทำให้ร่างกายของพวกเขากลายเป็นสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ ฟื้นจากความตายสู่ความเป็นอมตะ
เฟิงเส้าโย่วเปลี่ยนร่างเป็นครึ่งคนครึ่งงูที่ก่อให้เกิดกระแสลมด้วยการเคลื่อนไหวของเขา นี่เป็นความสามารถของ พยัคฆ์ลม มังกรเมฆา
เมื่อเขาคิดเกี่ยวกับยีนพื้นฐาน ยีนงูขดซึ่งถูกปลุกโดยสมาชิกของตระกูลเฟิง บางทีถ้าวิวัฒนาการยีน พวกเขาคงสามารถแปลงเป็นตำนานครึ่งคนครึ่งงูซึ่งจะช่วยให้พวกเขาสามารถควบคุมธาตุทั้งสี่ในสวรรค์และโลกด้วยมือได้
ถ้ายีนนาคายังคงพัฒนาต่อไป มันก็อาจกลายเป็นยีนซุยเร็น ยีนฮั่วซูและในที่สุดยีนแปดเหลี่ยมซึ่งจะช่วยให้หลุดพ้นจากเส้นทางของบรรพชน
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เฟิงหลินก็รู้สึกเหมือนว่าเขาเข้าใจอะไรบางอย่าง เหมือนเขาได้รับความรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับเส้นทางในตำนานของฝูซี
เมื่อเฟิงหลินเห็นเฟิงเส้าโย่วพึงพอใจมากเหมือนกับว่าเขาควบคุมทุกอย่างได้ เขาก็อดใจไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ
ท่าทางที่สูงส่งนั้น?เฟิงเส้าโย่วต้องการที่จะอวดใคร?
คนๆนี้คิดว่าเขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเฟิงหลินแล้วหรือยัง?
แต่ใครกันแน่ที่มองเห็นทุกอย่างจริงๆ?