บทที่ 173 พี่จะไปพาเจ้ากลับบ้าน ! (ต้น)

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์

บทที่ 173 พี่จะไปพาเจ้ากลับบ้าน ! (ต้น)

ใครก็ต่างเห็นได้ชัด ว่าเวลานี้จิตใจของเยี่ยฉวนผิดเพี้ยนไปจากเดิม ชาวเมืองที่เข้ามาร่วมมุงในตอนแรก ถึงตอนนี้กลับไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ทุกคนแตกตื่นพากันเผ่นหนีกระเจิงไปคนละทิศละทาง

ขณะเดียวกันสหายของเยี่ยฉวน จี้อันซื่อ โม่อวิ๋นฉีและไป๋เจ๋อต่างก็รีบตามมาข้างหลัง เมื่อเห็นเขากำลังทำท่าจะเข้าจู่โจมฝ่ายคู่ต่อสู้ โม่อวิ๋นฉีก็พลันพุ่งเข้ารวบตัวเยี่ยฉวนจับยึดแน่นไว้ก่อน “พี่ใหญ่ ใจเย็น ช่วยใจเย็นลงสักนิดก่อน…”

เยี่ยฉวนหันมามองคนพูด แววตาว่างเปล่า สีหน้างงงวย กลับถามโม่อวิ๋นฉีผู้ที่เข้ามาฉุดจากด้านหลัง “เจ้าจะทำอะไร ?”

“ขะ…ข้า” โม่อวิ๋นฉีสะอึก และเป็นฝ่ายฉงนเสียเอง “เจ้า จำไม่ได้เหรอว่าเมื่อตะกี้เกิดอะไรขึ้น ?”

เยี่ยฉวนหน้างงหนัก ย่นหัวคิ้วจนแทบจะติดกัน “เกิดอะไรขึ้น ?”

โม่อวิ๋นฉี “…”

จังหวะนั้นเอง ไป๋เจ๋อชี้ให้เยี่ยฉวนดูร่างไร้วิญญาณ ที่กระจัดกระจายเกลื่อนอยู่บนพื้นไม่ห่างออกไป

เยี่ยฉวนหันตามไปที่ร่างคนตาย จากนั้นก็หันขวับมองถามโม่อวิ๋นฉีเสียงเข้ม สีหน้าสงสัยยิ่งนัก “ฝีมือเจ้าหรือ ?”

คนฟังถึงกับสะดุ้งเฮือก “เฮ้ย พูดม้า ๆ ได้ไง นี่เจ้าจำไม่ได้จริงหรือแกล้งหลอกพวกเราเล่นกันแน่ ?”

บริเวณหัวคิ้วของคนฟังปรากฏร่องลึกมากขึ้น “ข้า… เหรอ ?” เยี่ยฉวนจิ้มนิ้วชี้ไปที่หน้าอกตนเอง

โม่อวิ๋นฉีและคนอื่นหันมองหน้ากัน ต่างพูดไม่ออก บอกไม่ถูก “…”

เยี่ยฉวนส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “ช่างเหอะ ถ้างั้นพวกเรารีบไปสถานที่แห่งความลับกัน !” ว่าแล้วคนพูดพร้อมด้วยกระบี่ในมือพลันออกเดินทิ้งระยะห่างออกไป

ทางเบื้องหลัง เสียงโม่อวิ๋นฉีพึมพำ “ดูท่า เจ้านั่นเหมือนไม่ได้แกล้ง !” ทั้งไป๋เจ๋อและจี้อันซื่อพยักพร้อมกันอย่างเห็นคล้อยตาม

โม่อวิ๋นฉีถอนใจเฮือก “ความผูกพันธ์ของพี่น้อง… ถ้ามีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับน้องของเขา ข้าไม่อยากคิดเลยจริง ๆ ว่าเจ้านั่นจะเป็นยังไง อนิจจา ไป รีบตามไปเร็ว !” จากนั้นคนทั้งสามก็รีบจ้ำอ้าวออกตามเยี่ยฉวน

เยี่ยฉวนเวลานี้ ผิดแผกไปจริง ๆ!

ข่าวลือเหตุการณ์ที่เยี่ยฉวนสังหารศิษย์ฉางมู่แห่งแคว้นหนิงตายกว่าสิบคนแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว เพียงหลังจากนั้นไม่นาน ศิษย์ฉางมู่นับสิบต่างพากันแล่นออกนอกสถานศึกษามุ่งหน้าไปทางที่พวกเยี่ยฉวนเดินลับไป

ณ กึ่งกลางจุดตัดบนถนน เยี่ยฉวนและพวกพลันชะงักฝีเท้าหยุด ด้วยปรากฏว่ามีกลุ่มศิษย์ฉางมู่ถลันออกมาขวางทางเบื้องหน้า

ในบรรดากลุ่มศิษย์ คนท่าทางเป็นหัวหน้าก้าวออกมาด้านหน้าพลางชี้หน้าเยี่ยฉวน ส่งเสียงตวาดดังลั่น สีหน้าดุร้าย “ที่นี่เป็นแคว้นหนิง ไม่ใช่แคว้นเจียงของเจ้า เจ้า…”

ทันใดนั้น เยี่ยฉวนหายวับจากจุดที่อยู่ไปต่อหน้าต่อตา หลังเห็นเช่นนั้น สีหน้าของคนพูดไม่ทันจบประโยคพลันแปรเปลี่ยนสิ้นเชิง ขณะเดียวกันสาวเท้ากระถดถอย ทว่าทันใดนั้น แสงกระบี่ก็ได้พุ่งวาบตรงเข้ามาที่ตัวฉับไวปานสายฟ้าแล่บ !

กระบี่เคลื่อนไหวว่องไวสุดประมาณ !

ฉัวะ !

มิทันที่คนจะมีปฏิกิริยาตอบโต้ ศีรษะก็ได้กระเด็นหลุดจากบ่าเจ้าของไปอย่างรวดเร็ว

แต่เยี่ยฉวนไม่หยุดยั้ง เมื่อความคิดยังเลื่อนไหลภายในหัวกระบี่หลิงซิ่วพลันทะยานออกอีกคราหมายคร่าดวงวิญญาณ มิทันไรร่างของศิษย์ฉางมู่เคราะห์ร้ายคนที่สองก็ได้ขาดสะบั้นกว่าครึ่งท่อนจรดเอว…”

ภาพของศิษย์ร่วมสถานศึกษาล้มตายลงต่อหน้า คนที่เหลือนัยน์ตาเหลือกแทบถลน ตอนนั้นศิษย์ฉางมู่ต่างพากันถอยหลังตั้งจะใจหนีออกไปให้เร็วที่สุด ถึงกระนั้น เยี่ยฉวนกลับไม่ลังเล เขาทะยานไล่ตามกลุ่มคนที่กำลังล่าถอยอย่างไม่ลดละ

“เฮ้ย เจ้ากล้าดียังไง ?!” สิ้นเสียงคำรามดังสนั่น ร่างของคนผู้หนึ่งทะยานมาในอากาศ ฉับพลันนั้นเองกระแสพลังที่มองไม่เห็นชนิดหนึ่งผลักออกปะทะเข้าที่เยี่ยฉวน

ยอดยุทธ์ขั้นสันโดษ ! เยี่ยฉวนเหลือบมองผู้ที่ปรากฏตัวมาทางด้านบน ที่นั่น ชายชราผู้หนึ่งลอยตัวกลางอากาศเขม้นมองเยี่ยฉวน แววตามุ่งร้ายหมายเอาชีวิตอย่างไม่ปิดบัง

ผู้ที่ปรากฏตัวทำท่าอ้าปากจะพูดบางสิ่ง เยี่ยฉวนพลันกระทืบเท้าขวาลงบนพื้นรุนแรง ผลักส่งให้ร่างทะยานขึ้นสูงสู่เบื้องบนเป้าหมายคือชายชราที่ในอากาศ ! “หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา !”

คนที่ลอยตัวกลางอากาศสีหน้าเปลี่ยนแปลงฉับพลัน ตวัดม้วนฝ่ามือและผลักออกอย่างรุนแรง

เปรี้ยง !

คลื่นพลังที่มองไม่เห็นเอียงวูบลงมาจากท้องฟ้า ถึงกระนั้นลำแสงกระบี่กลับตวัดกวาดจากเบื้องล่างขึ้นสู่เบื้องบน ฉีกคลื่นพลังซึ่งพุ่งลงจนละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ก่อนที่ชั่วขณะหนึ่งต่อมา…

ฉับ !

ศีรษะคนแดงฉานชุ่มโชกด้วยโลหิต ตกลงมาจากท้องฟ้า !

ทุกคนที่อยู่บนพื้นล่างตกตะลึงไปตามกัน โดยเฉพาะกลุ่มศิษย์ฉางมู่ซึ่งถอยห่างออกไปไม่ไกล พวกมันตะลึงลานนิ่งขึงตัวแข็งทื่อ !

ชายชราผู้นั้นที่แท้คือผู้อาวุโสแห่งสถานศึกษาฉางมู่จากสาขาอื่น !

อีกทั้งคนผู้นี้ยังเป็นยอดยุทธ์ขั้นสันโดษ !

อย่างไรก็ตาม เยี่ยฉวนสังหารยอดยุทธ์ผู้นี้ได้ด้วยกระบี่เดียวเท่านั้นหรือ ?

พวกของเยี่ยฉวน ไม่ว่าจะเป็นโม่อวิ๋นฉีหรือคนอื่นต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน ทั้งก็รู้ว่าระดับพลังของเยี่ยฉวนนั้นกล้าแกร่งยิ่งนัก จึงไม่แปลกถ้าความกล้าแกร่งนั้นสามารถจู่โจมคนที่เป็นยอดยุทธ์ขั้นสันโดษจนพ่ายแพ้ ถึงกระนั้น นี่ก็เป็นสิ่งเหนือความคาดหมาย ที่เยี่ยฉวนสามารถสังหารยอดยุทธ์ขั้นสันโดษได้อย่างฉับพลันทันใด !

เยี่ยฉวนปลิดชีพคนผู้นั้นอย่างฉับพลัน !

ขณะที่เยี่ยฉวนซึ่งลอยตัวบนอากาศ ภายหลังจากที่จัดการเก็บกระบี่แล้วจึงทะยานลงมายืนอย่างมั่นคง จากนั้นเขาเหลือบตาไปทางกลุ่มศิษย์ฉางมู่ที่ยืนรวมกันไม่ห่างไปนัก พลันพวกนั้นคงจะเพิ่งหายจากอาการตื่นตะลึง เมื่อเห็นคนที่ลงมายืนเบื้องหน้าพวกเขาสีหน้าซีดเผือดในทันที ต่างเตรียมหันหลังวิ่งหนี…

เยี่ยฉวนทำท่าจะไล่ติดตาม โม่อวิ๋นฉีที่เห็นท่าไม่ดี เขาจึงปรี่เข้าขวางหน้าเยี่ยฉวนพลางฉวยดึงแขนของอีกฝ่ายและจับไว้อย่างแน่นหนา “พี่ใหญ่ หยุด หยุดไล่ตามพวกนั้นก่อน ข้าว่าพวกเรารีบออกตามหาน้องของเจ้าก่อนดีกว่า ช่วยนางกลับมาได้เมื่อไร เรื่องอื่นค่อยว่ากัน…”

โม่อวิ๋นฉีเองก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างเช่นกัน เยี่ยฉวนผิดปกติไปจริง ๆ หรือไม่ภายในจิตใจของเขาอาจมีบางสิ่งผิดแผกไปจากเดิม !

เวลานี้เยี่ยฉวนต้องการสังหารคู่ต่อสู้ทุกคนที่พบเจอ ยิ่งสังหารมากเท่าไร ก็กลายเป็นไอสังหารยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

“พวกเราต้องตามหาเยี่ยหลิงให้พบโดยเร็ว ยิ่งช้า ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้านั่นจะทำเรื่องน่าสยดสยองอะไรมากกว่านี้หรือไม่ !” โม่อวิ๋นฉีเร่งฝีเท้าตามไปเงียบ ๆ ขณะเดียวกันท่าที่รั้งแขนเยี่ยฉวนไว้ก็ยังไม่ยอมปล่อย ทันใดเยี่ยฉวนหันมามองหน้าคนเดินข้าง “นี่เจ้าจอมกะล่อน ยื้อแขนข้าเอาไว้ทำไม ?”

โม่อวิ๋นฉีได้แต่นิ่งเงียบ “…”