ตอนที่ 597 งูแห่งความโกลาหลพัฒนา

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ตอนที่ 597 งูแห่งความโกลาหลพัฒนา

 

 

หลี่ว์ซู่นั่งอยู่บนเก้าอี้พับขณะมองดูกิ้งก่าร่วงหล่นโดนธารน้ำศักดิ์สิทธิ์กลืนกินเข้าไป ปริมาณน้ำในธารน้ำนั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

 

ไม่มีใครรู้ว่าเจ้ากิ้งก่าโดนขังอยู่ในนี้มานานเท่าไหร่แล้ว แต่พลังของมันคงถดถอยไปพอตัวทีเดียว ไม่อย่างนั้นก็คงไม่แพ้ง่ายๆ อย่างนี้แน่

 

 

ความเร็วในการกัดกร่อนร่างกิ้งก่าค่อยๆ ลดลง ราวกับว่ากิ้งก่านั้นพยายามจะออกแรงเฮือกสุดท้ายต่อต้านพลังของธารน้ำ แต่สุดท้ายความเร็วในการกัดกร่อนก็เพิ่มกลับขึ้นมาหลังจากท่าทีต่อต้านของกิ้งก่าเริ่มอ่อนแรง

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากกิ้งก่าที่ร่วงหล่น +1000!]

 

 

ทีนี้แหละ หลี่ว์ซู่บอกได้แล้วว่าเจ้ากิ้งก่านี่สิ้นชีพแล้วเรียบร้อย การที่เขาตัดสินใจกระโดดลงหลุมมาอย่างฉับไวนั้นคุ้มค่าจริงๆ และธารน้ำศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ทำให้เขาผิดหวังด้วย

 

 

ถ้าอาวุธวิเศษทั้งหมดของเขาแข็งกร่งเทียบเท่ากับธารน้ำศักดิ์สิทธิ์และงูแห่งความโกลาหลได้ หลี่ว์ซู่คงกระโดดตัวลอยแล้ว แต่ตอนนี้เขาขอเรียกตัวเองว่าเป็นยอดฝีมือระดับทะเลสาบเลยได้ไหมเนี่ย ถึงแม้จะเป็นทะเลสาบเล็กๆ แต่ก็เป็นทะเลสาบอยู่ดีใช่ไหมล่ะ…

 

 

ทันใดนั้นเอง งูแห่งความโกลาหลก็กระโจนจากไหล่หลี่ว์ซู่ลงสู่ธารน้ำ หลี่ว์ซู่มองมันด้วยสายตารักใคร่ประหนึ่งมันเป็นลูกในไส้ของเขาเอง

 

 

แต่แล้วหลี่ว์ซู่ก็สังเกตเห็นอะไรผิดแผกไปจากเดิมซึ่งทำให้เขาประหลาดใจ เจ้างูกำลังดูดธารน้ำที่มีหมอกสีดำปนอยู่เข้าไปในปากของมัน

 

 

แม้ส่วนปากของมันจะเล็ก แต่เจ้างูก็ดูดน้ำเข้าไปด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ!

 

 

“เดี๋ยวก่อน!” หลี่ว์ซู่กระโดดลงมาด้วยความตกใจ “ทำอะไรน่ะ!”

 

 

เขาพยายามเข้าไปคว้าเจ้างูอย่างไว แต่มันดิ้นออกและดูดน้ำต่ออย่างนั้น…

 

 

จากนั้นไม่นาน ปริมาณน้ำในธารน้ำของหลี่ว์ซู่ก็ลดลงกลับมาเหลือเท่ากับสระว่ายน้ำอีกครั้ง และเจ้างูก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดด้วย!

 

 

หลี่ว์ซู่ปาเก้าอี้พับใส่เจ้างู แต่ก็ถูกน้ำกัดกร่อนไป…

 

 

หลี่ว์ซู่เลยตะโกนออกไปอย่างหมดหวัง “ฉันเพิ่งชมแกไปเองนะ! ทำไมไม่รับคำชมไปดีๆ เนี่ย แล้วจะไปเอาอย่างของวิเศษอื่นๆ ทำไม ทำตัวให้ไว้ใจได้หน่อยได้ไหม!”

 

 

“หยุดสิ! เก็บน้ำเอาไว้ให้ฉันใช้บ้าง!”

 

 

“บอกให้หยุดไง!”

 

 

“บ้าเอ๊ย…”

 

 

แล้วธารน้ำปริมาณเทียบเท่ากับทะเลสาบของเขาเล่า เขาวางแผนจะใช้มันเป็นอาวุธจู่โจมแท้ๆ ฝันสลายไปแล้ว เขาไม่คิดเลย!

 

 

งูแห่งความโกลาหลยังคงดูดน้ำเข้าไปต่ออย่างกับหลุมดำ และในตอนนี้ หลี่ว์ซู่ก็เริ่มสังเกตเห็นว่าเกล็ดของเจ้างูดูเป็นลายชัดเจนขึ้น อีกทั้งเขี้ยวของมันก็คมขึ้นด้วย

 

 

วินาทีต่อมา ตัวของมันก็ขยายใหญ่กว่าเดิมและมีเขาโผล่ขึ้นมาจากหัว

 

 

แถมดูเหมือนจะมีกรงเล็บงอกออกมาจากผิวหนังอีก เจ้างูกำลังแปลงร่าง!

 

 

พอมันดูดน้ำเข้าไปจนไม่เหลือสักหยดแล้ว เจ้างูก็ดิ้นทุรนทุรายเพราะแปลงร่างไม่เสร็จสมบูรณ์ หลี่ว์ซู่อ้าปากค้างด้วยความตกใจ

 

 

ลูกพ่อ อย่าตายนะ!

 

 

แล้วอยู่ๆ ร่างสีขาวก็โผล่ออกมาจากกระบี่เฉิงอิ่งในมือหลี่ว์ซู่ ไห่กงจื่อปรากฎตัวขึ้นมา เขาพูดเสียงเย็น “สายเลือดมังกรร้าย!”

 

 

หลี่ว์ซู่ตะลึง “อย่าทำร้ายมันนะ! ถ้ากล้าแตะต้องมันละก็ เราเห็นดีกัน!”

 

 

หลี่ว์ซู่รู้ว่าสายเลือดมังกรโดยบริสุทธิ์อย่างไห่กงจื่อคงจะรังเกียจงูแห่งความโกลาหลที่เขาเอ่ยปากเรียกว่า ‘สายเลือดมังกรร้าย’ เพราะฉะนั้นเขาเลยกลัวว่าไห่กงจื่อจะใช้กระบี่กำจัดเจ้างูทิ้ง

 

 

เขามั่นใจแล้วล่ะว่าเจ้างูกำลังแปลงร่างเป็นมังกร!

 

 

แต่เป็นมังกรอะไรล่ะ มังกรถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในตำนานจีนโบราณเลยนะ จะเป็นมังกรจีนโบราณหรือเป็นมังกรปีศาจดุร้ายก็ช่างเถอะ ยังไงเขาก็คงกลายเป็นผู้บำเพ็ญที่ที่ทรงพลังที่สุดในโลก

 

 

แต่ในความเป็นจริงแล้วไห่กงจื่อไม่ได้ชักกระบี่ออกมาสู้กับหลี่ว์ซู่อย่างที่เขาคิด แต่เขากลับหยิบกลีบกมุธสีม่วงที่อยู่ตรงหว่างคิ้วของเขาออกมาแล้วปล่อยมันปลิดปลิวไปหาเจ้างู

 

 

พอร่างของเจ้างูสัมผัสเข้ากับกลีบดอกบัว หลี่ว์ซู่ก็รู้สึกได้ว่ามันหยุดดิ้นทุรนทุราย เขาและขาสี่ข้างปรากฏออกมา ทว่ากรงเล็บของมันมีเพียงสี่กรงเล็บเท่านั้น

 

 

หลี่ว์ซู่เงียบไปพักใหญ่ “ที่ช่วยเพราะทนไม่ได้ใช่ไหม”

 

 

ไห่กงจื่อมองหลี่ว์ซู่ด้วยสายตาเยือกเย็น

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากเอ๋าไห่ +999!]

 

 

หลี่ว์ซู่พยายามอย่างมากที่จะไม่หัวเราะ โธ่ อาการย้ำคิดย้ำทำของนายนี่เป็นเอามากจริงๆ แฮะ…

 

 

“พูดก็พูดเถอะ ในโลกของคุณเนี่ย มังกรร้ายน่ะไม่ดีไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงยื่นมือมาช่วยล่ะ” หลี่ว์ซู่ถามอย่างสงสัย

 

 

“เรื่องของเผ่ามังกรไม่ใช่เรื่องที่มนุษย์จะแส่มายุ่งได้ พูดถึงความดีความชั่วในโลกนี้งั้นหรือ ไม่มีอะไรดีชั่วอย่างหมดจดหรอก เจ้างั่ง” ไห่กงจื่อยั่วยุ

 

 

แล้วหลี่ว์ซู่ก็เข้าใจทันที เผ่ามังกรก็เป็นเหมือนญาติสนิทกันนี่เอง ขนาดมังกรร้ายยังถือว่าเป็นมังกรอยู่ ญาติห่างๆ ยังไงก็ยังเป็นญาติอยู่ดีสินะ…

 

 

“มังกรเจียวหลง [1] มีสองประเภท หลังผ่านการฝึกบำเพ็ญหลายปี หากพวกมันไม่กลายเป็นวิญญาณชั่วร้าย มันก็จะกลายเป็นมังกร หากเป็นอย่างหลัง พวกมันจะต้องรับบททดสอบที่ยากเย็นและผ่านไปให้ได้ เพราะฉะนั้นโดยมากจึงกลายเป็นวิญญาณชั่วร้ายกันเสียมาก ด้วยเหตุนี้หากเจ้างูนี่ยังพอมีความกล้าอยู่และยังพอมีโอกาสกลายร่างเป็นมังกรได้ก็ไม่มีเหตุผลใดให้ปฏิเสธไม่ให้ความช่วยเหลือมัน” ไห่กงจื่อกล่าวแล้วชำเลืองมองหลี่ว์ซู่ “แต่เจ้า…”

 

 

“เอาล่ะๆ เข้าใจแล้ว” หลี่ว์ซู่ส่งไห่กงจื่อกลับเข้าไปในกระบี่ก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค เขาทนมองใบหน้าเย่อหยิ่งของไห่กงจื่ออีกต่อไปไมไหว

 

 

ทว่าหลี่ว์ซู่ไม่เข้าใจว่าทำไมการแปลงร่างเป็นมังกรมันต้องยากเย็นอะไรขนาดนั้น ไม่ใช่ว่าเจ้างูแห่งความโกลหลแค่สูบธารน้ำของเขาตามปกติเหรอ

 

 

จะว่าไปตอนนี้จะให้เรียกมันว่า ‘งูแห่งความโกลาหล’ ก็คงไม่เหมาะอีกแล้ว เหลือแค่ ‘โกลาหล’ อย่างเดียวก็พอ มีอะไรหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปและหลี่ว์ซู่ก็คาดเดาไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องเปลี่ยนชื่อไปมา คงเป็นการดีกว่าถ้าเขาจะปักหลักกับชื่อง่ายๆ นี้… หลี่ว์ซู่ลอบมองเจ้าโกลาหล ผิวของมันค่อยๆ ปริแตกออกทีละนิด มันเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้วเรียบร้อยหลังจากที่กลีบกมุทสีม่วงปลิวมาสัมผัส

 

 

หลี่ว์ซู่เรียกเจ้าโกลาหลกลับเข้ามาในตราแผ่นดิน ปล่อยให้มันค่อยๆ แปลงร่างไปช้าๆ ทีนี้เขาก็พร้อมจะออกไปจากถ้ำแล้ว

 

 

หลี่ว์ซู่เดินไปข้างหน้าแล้วก็เห็นเสาสีทองกองอยู่กับพื้น เขาสงสัยว่าเสานี้เป็นอาวุธที่เอาไว้ใช้กักขังใครหรือเปล่านะ

 

 

แล้วทันใดนั้นหลี่ว์ซู่ก็ได้ยินเสียงฟ้าผ่าดังลั่นเหนือศีรษะ เสียงนั้นดังมากเสียจนหัวใจของเขาสั่นสะเทือนไปด้วย

 

 

แล้วจู่ๆ ทุกคนที่อยู่บนพื้นดินก็เห็นอสนีบาตรูปมังกรสีม่วงขึ้นมากับพื้น มันสง่างามยิ่งใหญ่แบบที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน

 

 

เฉินจู่อานพูดกับตัวเองด้วยความตกใจ “อย่าบอกนะว่าพี่ซู่โดนฟ้าผ่าตายจากเวรกรรมที่ตัวเองก่อไว้แล้วน่ะ!”

 

 

 

 

——

 

 

[1] เจียวหลง (蛟龍) เป็นมังกรจีนโบราณชนิดหนึ่ง อาศัยอยู่ในน้ำ