ตอนที่ 231 คลื่นใต้น้ำ

กับดักรักในรอยแค้น

ทั้งคู่มองหน้ากัน สายตาของกงจวิ้นฉือกับเผยหนานเจวี๋ยที่ประสานกันราวกับเป็นดอกไม้ไฟที่รอการปะทุ เพียงชั่วครู่ในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นดินปืน 

 

 

           ฉู่เจียเสวียนยืนอยู่ข้างกงจวิ้นฉือ เมื่อรู้สึกว่าบรรยากาศเปลี่ยนเป็นตึงเครียด มองแววตาของทั้งสองที่สบประสานกัน ฉู่เจียเสวียนรู้สึกกังวลในใจ 

 

 

           พวกเขาคงไม่ต่อยกันหรอกนะ ริมฝีปากบางของเผยหนานเจวี๋ยเม้มแน่น ดวงตาที่เยือกเย็นมองกงจวิ้นฉือตาไม่กะพริบ กงจวิ้นฉืออบอุ่นแต่แข็งกร้าว สายตาแหลมคม 

 

 

           ฉู่เจียเสวียนกังวลจริงๆ ว่าพวกเขาจะต่อยกันในวินาทีต่อมา ถึงอย่างไรเดิมทีอารมณ์ของเผยหนานเจวี๋ยแปรปรวนไม่แน่นอนอยู่แล้ว 

 

 

           แต่ขณะที่เธอกำลังกังวลว่าทั้งสองจะต่อยกันอยู่นั้น ในวินาทีต่อมาคำพูดของกงจวิ้นฉือทำให้เธอถอนหายใจโล่งอก 

 

 

           เพียงเห็นรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์อยู่บนใบหน้ากงจวิ้นฉือ มือยาวๆ ยื่นเหยียดออกไปหาเผยหนานเจวี๋ย 

 

 

           “คุณเผยครับ หวังว่าต่อไปบริษัทเราทั้งสองจะร่วมงานกันอย่างราบรื่นนะครับ” มองดูใบหน้าที่หล่อเหล่าเย็นชาของเผยหนานเจวี๋ย รอยยิ้มบนใบหน้าของกงจวิ้นฉือนั้นตรงกันข้ามกับลมหายใจของเขาอย่างสมบูรณ์ 

 

 

           คำพูดของกงจวิ้นฉือทำให้มุมปากบางๆ ของเผยหนานเจวี๋ยยกยิ้ม มองมือของเขาที่ยื่นเหยียดออกมา เขายื่นมือไปจับมือของเขาด้วยความใจกว้าง ในวินาทีที่สองมือจับกัน มือของเผยหนานเจวี๋ยที่กุมกงจวิ้นฉือแอบบีบแน่น มันคือสงครามเย็นระหว่างลูกผู้ชาย 

 

 

           เมื่อรู้สึกว่าเผยหนานเจวี๋ยออกแรง กงจวิ้นฉือก็บีบมือกลับโดยไม่เกรงใจแม้แต่นิดเดียว ทั้งสองคนดูภายนอกเหมือนเป็นมิตร แต่ในความจริงมันคือคลื่นใต้น้ำ 

 

 

           ฉู่เจียเสวียนเห็นว่าทั้งสองคนเป็นมิตรอย่างกะทันหันขนาดนี้ อดไม่ได้ที่จะสงสัยเล็กน้อย เมื่อครู่เธอยังคิดว่าทั้งสองเกือบจะต่อยกันอยู่เลย ตอนนี้พวกเขาก็จู่ๆ เกรงใจกันขนาดนี้ มันคือเรื่องอะไรกันแน่ 

 

 

           แต่ว่าเธอไม่ได้เอ่ยปากทำลายความเงียบ ดวงตาที่งดงามราวไข่มุกมองทั้งสองคนอยู่เงียบๆ เพียงแต่มือของเธอควงแขนของกงจวิ้นฉือ 

 

 

           “พูดได้ดี คุณกง” เผยหนานเจวี๋ยกล่าว หางตาเหลือบมองฉู่เจียเสวียน จากนั้นก็คลายมือที่ออกแรง 

 

 

           ทันทีที่มือผ่อนแรง กงจวิ้นฉือดึงมือกลับ บนใบหน้ามีรอยยิ้มสงบนิ่ง แววตาอ่อนโยน 

 

 

           “คุณเผย ผมกับเจียเสวียนยังมีธุระ ขอตัวก่อนนะครับ ไม่รบกวนคุณแล้ว” พูดจบ กงจวิ้นฉือดึงฉู่เจียเสวียนขึ้นรถไป 

 

 

           ริมฝีปากแดงของฉู่เจียเสวียนยกยิ้ม มองเผยหนานเจวี๋ยส่งสายตาที่มีความหมายลึกซึ้งอยู่เงียบๆ จากนั้นก็ขึ้นรถ กงจวิ้นฉือรอจนฉู่เจียเสวียนนั่งเรียบร้อยแล้วจึงสตาร์ทรถแล้วออกไป 

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยยืนอยู่ที่เดิม มือที่อยู่ข้างลำตัวกำแน่น มองดูรถที่ลับสายตาออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ หัวใจของเขายิ่งรู้สึกโมโห 

 

 

           สายตาแบบนั้นที่ฉู่เจียเสวียนมองเขาเมื่อครู่หมายความว่ายังไงกันนะ ในใจไม่เข้าใจสายตาที่เธอมองเขาก่อนที่จะจากไป เผยหนานเจวี๋ยรู้สึกหงุดหงิดใจ 

 

 

           ระยะนี้อารมณ์ของเขาเหมือนจะหงุดหงิดง่ายมากเสมอ โดยเฉพาะเวลาที่เขาคิดว่าฉู่เจียเสวียนอยู่ด้วยกันกับกงจวิ้นฉือ คิดถึงตอนที่พวกเขาสองคนหัวร่อต่อกระซิกกัน ไฟก็เผาไหม้อยู่ในใจของเขา 

 

 

           ความเยือกเย็นในดวงตายิ่งเข้มข้นขึ้น สูดหายใจลึก เผยหนานเจวี๋ยก้าวเท้าเข้าบ้านฉู่ไป 

 

 

           “คุณหนู คุณผู้หญิง คุณเผยมาแล้วค่ะ” ในห้องรับแขก หวังอวิ๋นไฉ่นั่งอยู่บนโซฟากับฉู่อีอี เมื่อได้ยินคนรับใช้บอกว่าเผยหนานเจวี๋ยมาแล้ว ฉู่อีอีรีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหาเผยหนานเจวี๋ย 

 

 

           ในวินาทีที่เผชิญหน้ากับเผยหนานเจวี๋ย ความโกรธในดวงตาก็เปลี่ยนเป็นอาการน้อยใจ หยาดน้ำตาเอ่อคลออยู่ในดวงตากลมโต 

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยเพิ่งจะเดินเข้าห้องรับแขก ยังไม่ทันหยุดยืนก็เห็นฉู่อีอีเดินเข้ามา คิ้วขมวดกันบางเบาจนแทบมองไม่เห็น 

 

 

           “หนานเจวี๋ย คุณมาแล้วเหรอ” ฉู่อีอีโผเข้ากอดเผยหนานเจวี๋ยทันที น้ำเสียงสะอื้น ไหล่สั่นเทาเล็กน้อย ร่างกายสั่นไหวราวกับใบไม้ที่ร่วงหล่น