ตอนที่ 389: บ้าน
“เจี้ยนเฉิน..ร่างกายของเจ้ามันแข็งแกร่งแค่ไหน ? เจ้าทำมาจากเหล็กหรือเปล่า ? ” ดวงตาของเจ้าอ้วนน้อยเบิกกว้างเมื่อเขามองดูรอยแผลเล็ก ๆ บนร่างของเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินหยิบเสื้อคลุมตัวใหม่ออกจากวงแหวนมิติและหัวเราะพลางเอ่ยว่า “หากทำจากเหล็กคงจะยืดหยุ่นไม่ได้ ร่างกายของข้าน่าจะแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดา”
ดวงตาของเจ้าอ้วนน้อยมีความหลงใหลอยู่ในขณะที่เขาพูดว่า “เจ้าเสริมสร้างความแข็งแกร่งอย่างไร มันเหมือนกับว่าเจ้าเปลี่ยนร่าง”
เจี้ยนเฉินหัวเราะ เขาไม่ได้ให้คำตอบ เมื่อเห็นไร่ที่ยังไม่เสร็จ เจี้ยนเฉินจึงถามว่า “อ้วนน้อย เจ้าต้องการความช่วยเหลือจากข้าหรือไม่ ? “
“ใช่แน่นอน ! พ่อและปู่ไปปลูกข้าวโพดและทิ้งข้าให้ปลูกผักที่นี่ เจ้ามาที่นี่ทันเวลา หากช่วยกัน 2 คน มันคงเสร็จเร็วขึ้น” เจ้าอ้วนน้อยรีบพูดกับเจี้ยนเฉินและมอบเมล็ดพันธุ์ให้เขา ” ข้าจะหว่านเมล็ดทางด้านนี้ เจ้าไปด้านนั้น เราสองคนช่วยกันทำงาน เราจะทำเสร็จก่อนอาหารเย็นแน่ ! “
เจี้ยนเฉินหว่านเมล็ดผักและพูดว่า “อ้วนน้อย มันเป็นไปได้มากว่าข้าจะไปจากที่นี่ในไม่ช้า”
มือของอ้วนน้อยสั่นเล็กน้อยก่อนที่เขาจะยังคงทำงานในไร่อย่างเงียบ ๆ ไม่นานหลังจากนั้นในที่สุดเขาก็พูดขึ้นมาว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าคงอยู่ที่นี่ไม่ได้นาน ไม่ช้าก็เร็วเจ้าจะต้องจากไปยังโลกอันกว้างใหญ่”
เจี้ยนเฉินถอนหายใจยาวและพูดว่า “อ้วนน้อย ข้าจะคุยกับปู่ของเจ้าคืนนี้และขอให้เขายินยอมให้เจ้าสำรวจโลกภายนอก การที่เจ้าอยู่ที่นี่ตลอดไป มันไม่ใช่วิธีการใช้ชีวิตที่เหมาะสม หากเจ้าอยู่ที่นี่ก็เท่ากับว่าเจ้าฝังพรสวรรค์ของตัวเอง
“เจี้ยนเฉิน โลกภายนอกเป็นอย่างไร ? ” เจ้าอ้วนน้อยจ้องเจี้ยนเฉินด้วยสายตาที่สงสัยขณะที่รอคำตอบ เขาเติบโตขึ้นในหมู่บ้านที่เงียบสงบแห่งนี้โดยไม่เคยออกจากหุบเขา ข้อมูลเกี่ยวกับโลกภายนอกที่เขารับรู้ก็มาจากการบอกเล่าปากต่อปาก เขาไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลยและไม่รู้ตัวว่ามันกว้างใหญ่เพียงใด
“โลกภายนอกใหญ่ ใหญ่โตมากจริง ๆ มีหลายคนที่มีสิ่งมหัศจรรย์มากมาย ในเวลาเดียวกันโลกก็โหดร้ายและซับซ้อนเช่นกัน อ้วนน้อย เมื่อเจ้าได้เห็นโลกภายนอกด้วยตัวเอง เจ้าจะเข้าใจ เจี้ยนเฉินกล่าว
“แต่ปู่ของข้าจะไม่ยอมให้ข้าจากไป” เขาเริ่มเศร้าเล็กน้อย
“ข้าจะคุยกับปู่ของเจ้าคืนนี้ ข้าจะพยายามเกลี้ยกล่อมเขา” นอกจากต้องพูดคุยกับปู่ของเขาแล้ว เจี้ยนเฉินก็ไม่มีทางแก้ปัญหาอื่น ผู้เฒ่าเซี่ยวเป็นคนที่มีพลังมากมาย เจี้ยนเฉินไม่อยากที่จะทำให้เขาขุ่นเคือง
ในเวลาไม่นานดวงอาทิตย์ก็เริ่มตกไปทางทิศตะวันตกและความมืดก็เริ่มปกคลุมท้องฟ้า แสงสีแดงสดจากพระอาทิตย์อัสดงสามารถมองเห็นได้ทั่วท้องฟ้า ในขณะที่ปล่องไฟในหมู่บ้านก็มีควันไฟขึ้นไปในอากาศและพัดพลิ้วในสายลม
ชายทั้งสองรีบเดินกลับบ้านอย่างรวดเร็ว หลังจากแยกย้ายไปที่ห้องของตัวเอง เจี้ยนเฉินก็รีบเข้าไปในห้องของเขาเพื่อตรวจดูลูกเสือ ตอนนี้ลูกเสือกำลังนอนหลับเนื่องจากสมบัติสวรรค์ที่กินไปก่อนหน้านี้ยังไม่ได้ถูกดูดซับ
เมื่อเห็นว่าลูกเสือปลอดภัยดี เจี้ยนเฉินจึงออกจากห้องอย่างโล่งใจก่อนที่จะไปรับประทานอาหารเย็นกับคนอื่น ๆ ในครอบครัว อย่างไรก็ตามมีจานและตะเกียบหายไป 1 ที่..
เมื่อเจ้าอ้วนน้อยเห็นที่นั่งว่าง เขาจึงถามว่า “ท่านปู่ ท่านพ่ออยู่ที่ไหน ? “
“อ้วนน้อย พ่อของเจ้ามีบางอย่างที่ต้องจัดการ กินอาหารของเจ้าเถอะ” ผู้เฒ่าเซี่ยวยิ้มอย่างอ่อนโยนพร้อมกับจ้องมองเจ้าอ้วนน้อย
“ข้าเข้าใจแล้ว ! ” เจ้าอ้วนน้อยตอบ เขาแอบสงสัยเล็กน้อย เขารู้ว่าพ่อของเขาออกไปสู่โลกภายนอก โลกที่เขาปรารถนาจะไป
ดวงตาของเจี้ยนเฉินสั่นไหว เขามองอาวุโสซิ่วชั่วครู่หนึ่งขณะที่เขาลังเล จากนั้นในที่สุดเขาก็เปิดปากแล้วพูดว่า “ผู้เฒ่าเซี่ยว ท่านไม่เคยคิดเลยหรือว่าอ้วนน้อยควรจะออกไปหาประสบการณ์ข้างนอกบ้าง ? ” เจี้ยนเฉินจ้องผู้เฒ่าเซี่ยวเขม็งในขณะที่เขาพูด
ตามที่คาดไว้ใบหน้าของผู้เฒ่าเริ่มเปลี่ยนสี แต่เจี้ยนเฉินรีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนที่ผู้เฒ่าเซี่ยวจะตอบ “ผู้เฒ่าเซี่ยว ท่านจะปล่อยให้อนาคตของอ้วนน้อยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้หรือ หากเขาอยู่ที่นี่ตลอดชีวิต เขาจะพลาดความสุขมากมายในชีวิต การอยู่ที่นี่เขาจะไม่เติบโตอย่างแท้จริง หากเขาไม่ได้สัมผัสกับลมและฝนของโลกภายนอก เขาจะไม่มีประสบการณ์และจะไม่เติบโต ข้ายังแน่ใจว่าท่านรู้ว่าอ้วนน้อยไม่ชอบใช้ชีวิตแบบนี้ หากท่านอยากให้อ้วนน้อยเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ท่านไม่ควรขังเขาไว้ในหมู่บ้านนี้ไปตลอด นี่ไม่ใช่หนทางที่เขาจะเป็นผู้ใหญ่ ในที่สุดสิ่งนี้จะทำร้ายเขาแทนที่จะช่วยเขา”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ผู้เฒ่าจึงก็เงียบไปครู่หนึ่ง เขาเดินทางไปทั่วทวีปเป็นเวลาหลายปีและมีประสบการณ์หลายอย่าง เขาจึงเข้าใจความปรารถนาของอ้วนน้อยอย่างชัดเจน ปัญหาคือว่าเขาไม่ต้องการให้อ้วนน้อยออกไปสู่โลกภายนอก ด้วยประสบการณ์ที่โชกโชน เขาจึงได้เห็นถึงแก่นแท้ของโลกและตอนนี้เขาเพียงแค่ต้องการให้อ้วนน้อยอยู่อย่างปลอดภัยในหุบเขา หากอ้วนน้อยยังคงอยู่ในหุบเขาแห่งนี้ เขาจะคงความบริสุทธิ์และไร้เดียงสาราวกับหิมะโดยไม่ถูกทำให้สกปรก
เจี้ยนเฉินยังคงสาธยายเหตุผลต่าง ๆ มากมายให้ผู้เฒ่าเซี่ยวฟัง เพื่อที่เขาจะได้อนุญาตให้อ้วนน้อยออกจากหุบเขา เจี้ยนเฉินใช้ความคิดพยายามอย่างสุดความสามารถในการหาข้อโต้แย้ง
เมื่อเจี้ยนเฉินได้พูดถึงความกังวลของผู้เฒ่าเซี่ยว เขาจึงเงียบสนิทตลอดมื้ออาหารและกินอาหารอย่างจำใจ
“ท่านปู่ มันจะไม่ถูกต้องที่จะเติบโตขึ้นโดยไม่ได้เห็นโลกภายนอกเลยสักครั้ง ข้าอยากจะออกไปข้างนอกจริง ๆ ข้าขอเพียงครั้งเดียว” เจ้าอ้วนน้อยมองปู่ของเขาด้วยสายตาที่น่าสงสาร
“ท่านพ่อ ที่เจี้ยนเฉินพูดมันคือความจริง ข้ารู้ว่าท่านมาถึงระดับที่เราไม่สามารถแม้แต่จะฝันเห็นและท่านได้เห็นในสิ่งที่เราไม่เคยได้เห็น แต่อ้วนน้อยเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษที่ไร้ประสบการณ์ เขาไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นในโลกภายนอกและเขาไม่เคยเห็นสิ่งที่ท่านเห็น ถ้าเขาไม่ได้เดินทางออกไปยังโลกกว้าง เขาจะไม่มีทางได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ท่านพ่อ ถ้าท่านหวังดีกับอ้วนน้อย ท่านควรให้เขาสัมผัสกับโลกด้วยตัวเอง เขาจะได้เพิ่มพูนความรู้ หากเขาเจอปัญหาในอนาคต เขาจะต้องเรียนรู้ที่จะเผชิญหน้ากับมันด้วยตัวเอง” แม่ของอ้วนน้อยพูดอย่างจริงจังด้วยน้ำเสียงที่บริสุทธิ์และเป็นธรรมชาติ นางใช้ถ้อยคำที่สุภาพสละสลวยซึ่งบ่งบอกว่านางมาจากตระกูลที่ร่ำรวย
หลังจากที่เจี้ยนเฉินและแม่ของเจ้าอ้วนน้อยพูดจาหว่านล้อม ในที่สุดอาวุโสซิ่วก็ถอนหายใจยาว ” ข้าเข้าใจแล้ว คำพูดของเจ้าไร้ข้อตำหนิ เป็นข้าเองที่ดื้อรั้นมากเกินไป อ้วนน้อย หากเจ้าต้องการสำรวจโลกภายนอก ปู่จะไม่หยุดเจ้า”
จริงหรือ ? ท่านจะให้ข้าออกไปสำรวจโลกภายนอกจริง ๆ หรือ ? ” เจ้าอ้วนน้อยดีใจมาก
เมื่อเห็นสีหน้าบริสุทธิ์ของอ้วนน้อย ผู้เฒ่าเซี่ยวก็อดไม่ได้ที่จะลอบถอนใจกับตัวเอง เมื่อมองเข้าไปในหัวใจ เขาสรุปว่าเมื่อเขาให้เจ้าอ้วนน้อยอยู่ที่นี่มันเป็นทางเลือกที่ผิด
ผู้เฒ่าเซี่ยวตักอาหารอีก 1 คำเข้าไปในปากและกล่าวว่า “อ้วนน้อย ถ้าเจ้าต้องการออกไป ปู่จะไม่หยุดเจ้า แต่เจ้าต้องมีความแข็งแกร่งในระดับของเซียนปฐพีก่อนที่จะไป ! “
“ได้เลย ! ท่านปู่ ข้าจะขยัน พยายามบ่มเพาะและพัฒนาตัวเองจนเป็นเซียนปฐพีให้ได้ ! ” เจ้าอ้วนน้อยไม่เคยท้อใจเลย
แม่ของเจ้าอ้วนน้อยยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าลูกของตัวเองมีความสุขแค่ไหน
………
สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็วด้วยความสงบสุข ในวันที่สามเจี้ยนเฉินและเจ้าอ้วนน้อยต่างก็ตัดไม้เพื่อสร้างบ้านที่ถูกเผาขึ้นมาใหม่ นี่คือคำสัญญาที่เจี้ยนเฉินให้ไว้
หลังจากสร้างบ้านเสร็จ เจี้ยนเฉินจึงกล่าวอำลาหลังจากสัญญาว่าทั้งสองจะพบกันอีก 1 ปีนับจากนี้ ณ จุดนี้ เมื่อเจ้าอ้วนน้อยกลายเป็นเซียนปฐพี พวกเขาจะออกไปด้วยกัน จนกว่าจะถึงเวลานั้น เจี้ยนเฉินจะออกเดินทางพร้อมกับลูกเสือไปก่อน อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะจากไป เขาถือแหวนมิติที่ผู้เฒ่าเซี่ยวมอบให้ ในนั้นมีสมบัติสวรรค์ล้ำค่ามากมายจากภูเขาใกล้เคียง สมบัติเหล่านี้ถูกมอบให้เจี้ยนเฉินเพื่อประโยชน์ของลูกเสือ
เจี้ยนเฉินพร้อมกับลูกเสือบินไปไกลจากหุบเขาเพื่อที่เขาจะได้พบกับประตูมิติและกลับไปยังอาณาจักรเกอซุน
ระยะทางจากที่นี่ไปยังอาณาจักรเกอซุนนั้นกว้างเกินไป แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะบินไปโดยไม่หยุด มันก็ต้องใช้เวลาและพลังงานมหาศาล ดังนั้นทางออกเดียวคือใช้ประตูมิติ
น่าเสียดายที่ประตูมิตินั้นหาได้ยากมากในทวีปเทียนหยวน แม้ว่าจะมีประตูมิติในเมืองทหารรับจ้าง แต่เขาก็ไม่สามารถใช้มันได้ อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากเมืองทหารรับจ้าง เจี้ยนเฉินก็ไม่รู้ว่าประตูมิติที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ไหน
“กรร .. กรร ..” ลูกเสือคำรามอย่างกะทันหัน ทำให้เจี้ยนเฉินหลุดออกมาจากภวังค์ เมื่อมองลงไปเขาจะเห็นลูกเสือกำลังจ้องมองแผ่นดินผืนใหญ่ในขณะที่อุ้งเท้าทั้งสองของมันเหวี่ยงไปมากลางอากาศ
เจี้ยนเฉินไม่สามารถเข้าใจได้ว่าลูกเสือกำลังพยายามทำอะไรหรือกำลังคิดอะไรอยู่
“กรร .. กรร ..” อุ้งมือด้านบนของลูกเสือจับหน้าอกของเจี้ยนเฉิน มันชี้ไปทางทิศทางของป่า ปีกที่ด้านหลังของมันเริ่มกางออกราวกับว่ามันกำลังจะบินออกจากอ้อมแขนของเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินอุ้มลูกเสือไว้แน่น เขาลูบหัวมันเบา ๆ เขาไปตามทิศทางที่มันจ้องแล้วลงจอดบนกิ่งไม้ใกล้ ๆ
ลูกเสือกระโดดลงสู่พื้นดินและวิ่งเข้าไปในป่าที่มีต้นไม้สูงหลายร้อยเมตร
เมื่อเจี้ยนเฉินมองดู เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดัง ๆ ปรากฏว่าสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเห็ดวิญญาณ มันมีสีม่วงและไม่ใหญ่เกินไป ต้นที่ใหญ่ที่สุดสูง 20 เซนติเมตรและกว้าง 10 เซนติเมตร เมื่อลูกเสือจ้องมองเห็ดวิญญาณ น้ำลายไหลก็เริ่มไหลออกมาจากปากของมัน ทำให้เจี้ยนเฉินตระหนักว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสมบติสวรรค์
แม้ว่าขนาดของเห็ดวิญญาณจะยังเล็กและอายุไม่มาก,แต่สมบัติสวรรค์ก็ไม่จำเป็นต้องมีอายุมากหรือมีรูปร่างขนาดใหญ่
เจี้ยนเฉินดึงเห็ดวิญญาณขึ้นมาสองสามต้นอย่างอย่างระมัดระวัง เขาป้อนมันให้ลูกเสือใจร้อนที่จ้องมองอย่างตะกละ
“กินเข้าไปสิ ! ” เจี้ยนเฉินหัวเราะขณะที่เขาป้อนเห็ดวิญญาณทีละดอกให้ลูกเสือ ลูกเสือส่งเสียงฟี้อย่างร่าเริง มันกลืนเห็ดเข้าไปและจำศีลเพื่อดูดซับพลังงาน