สู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบ!
“ค่ายกลที่แตกต่างกันถึง 3 ชนิด!”
ได้ยินคำผู้เฒ่าหั่ว สองตาต้วนหลิงเทียนก็ลุกวาวทันที
ตอนแรกเขายังกังวลว่าค่ายกลที่ติดตั้งอยู่ในจานค่ายกลจะเป็นชนิดเดียวกันอยู่หรือไม่
แต่ตอนนี้ดูเหมือนเขาจะห่วงเรื่องไม่เป็นเรื่อง
“ผู้เฒ่าหั่ว แล้วจานค่ายกลที่ท่านสามารถซ่อมได้เร็วที่สุด มันเป็นค่ายกลอะไรเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนถามด้วยความสงสัย
ใจเขาลอบหวังเอาไว้เล็กๆ ว่ามันจะเป็นค่ายกลโจมตี!
เขาเชื่อว่าพลังโจมตีที่บังเกิดจากค่ายกลที่ผู้เฒ่าหั่วบอกว่าดีสำหรับเขา ต้องมีพลังอำนาจจู่โจมเหนือกว่าเขาลงมือเองแน่!
ดังนั้นเขาเลยหวังว่าจานค่ายกลที่จะซ่อมแซมได้เร็วที่สุดเป็นจานค่ายกลที่มีค่ายกลจู่โจม!
อนิจจาภาพฝันสวยหรูแต่ความเป็นจริงช่างโหดร้ายนัก
“เป็นค่ายกลมายาหลอนประสาท”
คำตอบของผู้เฒ่าหั่วทำให้ต้วนหลิงเทียนผิดหวังนัก หากเป็นจายค่ายกลที่มีค่ายกลป้องกันเสียยังจะดีกว่า ทำไมต้องเป็นค่ายกลมายาหลอนประสาทด้วย?
ค่ายกลมายาหลอนประสาทก็ไม่ต่างใดจากค่ายกลลวงตาหรือค่ายกลมายาที่เขาเคยพบเจอในทวีปเมฆาล่อง สามารถใช้ภาพมายาล่อลวงเป้าหมาย
แต่พอคิดไปคิดมาต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆเผยยิ้ม ‘เอาเถอะ เป็นค่ายกลมายาหลอนประสาทก็ดี อย่างน้อยก็สามารถใช้สร้างความสับสนให้ศัตรูได้ชั่วขณะเปิดโอกาสให้ข้าลงมือ ใครจะไปรู้มันอาจจะแก้ไขสถานการณ์วิกฤตให้ข้าก็เป็นได้’
สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็ยินดี ที่จานค่ายกลนี้กำลังจะถูกซ่อมจนใช้ได้ในเวลาไม่นาน
อย่างไรเสียนี่ก็เป็นของที่เขาได้รับมาโดยไม่คาดหมาย มีไว้ก็ย่อมดีกว่าไม่มีอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามเขาไม่อาจอารมณ์ดีได้อยู่นาน
นั่นเพราะพอเขาเขากลับมาถึงบ้าน ป๋ายลี่หงก็แจ้งเรื่องราวหนึ่งให้เขาทราบ
“ครูเกือบถูกหลิวฮ่วนฆ่าตายงั้นเหรอ!?”
หน้าต้วนหลิงเทียนมืดลงทันใด ลูกตายังเผยประกายดุร้ายเลือดเย็น “หลิวฮ่วนมันไปลงมือกับอาจารย์เพราะทำอะไรข้าไม่ได้สินะ”
“ศิษย์น้อง ข้ายังคิดว่าเป็นหลิวฮ่วนที่ไปจ้างนักฆ่าของตลาดมืดหยินชานให้มาสังหารเจ้า…”
ป๋ายลี่หงคาดเดา
“เป็นไปได้สูง”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับกล่าวออกเสียงเข้ม ประกายที่วูบวาบในแววตายิ่งมายิ่งเย็นเยียบ
“ฮึ่ม! ข้าคิดว่าหลิวฮ่วนนั่นมันจะสำเหนียกตัวหลังจากข้าไปหามัน…ไม่คิดว่ามันจะเสแสร้งแต่เพียงผิวเผิน กลับกล้าลงมืออุกอาจเช่นนี้! ครั้งนี้ข้าจะไม่ปล่อยมันไปแน่!!”
ป๋ายลี่หงกล่าวออกเสียงเย็น แววตาเผยจิตสังหาร
บางทีกระทั่งตัวหลิวฮ่วนเองก็คงคิดไม่ถึง ว่าความสำคัญของต้วนหลิงเทียนในใจป๋ายลี่หงจะสูงขนาดนี้
ถึงขั้นที่ป๋ายลี่หงคิดฆ่าหลิวฮ่วนทิ้ง เพราะหลิวฮ่วนไปพยายามฆ่าฟางฮุ่ย รวมถึงสงสัยว่ามันน่าจะเป็นคนที่จ้างนักฆ่าของตลาดมืดหยินชานให้มาเล่นงานต้วนหลิงเทียน
หากหลิวฮ่วนรู้เรื่องนี้ หลังออกจากเมืองชงซันแล้วมันคงไม่กล้าย้อนมาสำนักจันทร์จรัสแสงอีก
“ศิษย์พี่อย่าห่วงไป เรื่องนี้ข้าจะจัดการด้วยตัวเอง”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเข้ม ยังเต็มไปด้วยความเย็นเยียบจับใจ แววตาไร้อารมณ์ใดๆแม้แต่น้อย
หลิวฮ่วนนับว่าแตะขีดจำกัดล่างของเขาแล้วจริงๆ
“ข้าเข้าใจ”
เมื่อเห็นใบหน้าเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ของต้วนหลิงเทียน ป๋ายลี่หงก็เข้าใจได้ว่าต้วนหลิงเทียนคิดอะไรอยู่ เมื่อรู้ดีว่าอีกฝ่ายตัดสินใจแล้วมันจึงได้แต่พยักหน้ารับ
“จริงสิ ตอนนี้ฟางฮุ่ยเองก็อยู่ที่ฝ่ายนอก เจ้าต้องการพบหรือไม่?”
ป๋ายลี่หงบอกต้วนหลิงเทียน
“ครูอยู่ที่นี่งั้นเหรอ?”
ลูกตาต้วนหลิงเทียนส่องแสงสว่างวาบ เขาลาป๋ายลี่หงและออกจากฝ่ายในไปฝ่ายนอกเพื่อพบฟางฮุ่ยทันที
เมื่อเห็นฟางฮุ่ย ต้วนหลิงเทียนก็ยังคงเป็นแบบเดิม เรียกหาอีกฝ่ายว่าครูเหมือนกาลก่อน
“ตอนนี้เจ้าเป็นถึงศิษย์น้องของท่านผู้อาวุโสป๋ายลี่แล้ว เจ้ามิอาจเรียกหาข้าว่าครูได้อีกต่อไป…ผู้อื่นจะมองเจ้าไม่ดีหากมาได้ยินเรื่องนี้”
ได้เห็นต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ใบหน้าฟางฮุ่ยก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มทันที
“พวกมันจะมองจะพูดอะไรก็ช่างหัวพวกมันเถอะ ท่านยังคงเป็นครูของข้าและมันจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกด้วยความจริงจัง
“สองอย่างในชีวิตที่ข้าภาคภูมิใจและรู้สึกเป็นเกียรติสูงสุดนั้นคือได้รับเจ้าและซูฉีเป็นศิษย์!”
ฟางฮุ่ยกล่าวออกด้วยมวลอารมณ์ท่วมท้นใจ
“ซูฉี?”
ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
ซูฉีไม่ใช่ว่าทรยศฟางฮุ่ยหรือไร? ไฉนฟางฮุ่ยถึงกล่าวว่าเป็นเกียรติและภาคภูมิใจ?
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว ฟางฮุ่ยก็รู้ได้ทันทีว่าในใจต้วนหลิงเทียนคิดอะไร
หลังจากนั้นฟางฮุ่ยก็กล่าวเรื่องที่ซูฉีแสร้งทรยศหักหลัง เลือกเดินบนหนทางอัปยศและโดดเดี่ยวเพื่อตั้งใจล้างแค้นให้มัน นอกจากนี้ยังเล่าถึงเรื่องที่ซูฉีสละชีวิต จนตายตกคามือหลิวฮ่วนออกมา
หลังจากฟังวาจาของฟางฮุ่ยแล้ว ใจต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านไปทันที
ซูฉีนับว่าได้ทำเพื่อครูของเขาอย่างมาก!
ขณะนี้กระทั่งเขาเองยังอดไม่ได้ที่จะละอายใจ
“ซูฉี เป็นข้าผิดที่มองเจ้าผิดไปวันนั้น…เจ้าหลับพักผ่อนให้สบายเถอะ ข้าจะชำระหนี้เลือดให้เจ้า!”
ต้วนหลิงเทียนแหงนมองฟ้าไปยังทิศตะวันตกค่อยกล่าวพึมพำออกมา วาจายังเต็มไปด้วยความแน่วแน่
“ครู ท่านไม่ควรกลับไปเมืองชงซันแล้ว…ข้าจะไปบอกอาวุโสตงฟางให้ท่านอยู่ที่นี่”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออก
อาวุโสตงฟางที่เขาเอยถึง ย่อมเป็นตงฟางเฉียน อาวุโสสูงสุดฝ่ายนอกของสำนักจันทร์จรัสแสง
“มิต้อง”
ฟางฮุ่ยส่ายหัวและปฏิเสธความหวังดีของต้วนหลิงเทียน “ข้าคุ้นชินกับเมืองชงซันและอยู่มาหลายปีแล้ว…เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้า เพราะมีคนที่อาวุโสป๋ายลี่ส่งมาคุ้มครองข้า”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ ค่อยถามสืบต่อ “แล้วครูจะกลับเมืองชงซันตอนไหนหรือ? ข้าจะได้ไปส่ง”
“ที่ข้ามานี่เพียงคิดพบหน้าเจ้าสักครั้ง ในเมื่อตอนนี้ได้พบแล้วข้าก็กลับไปได้อย่างหมดห่วง”
ฟางฮุ่ยกล่าว
“งั้นท่านค่อยออกเดินทางพรุ่งนี้เถอะ ข้าจะไปส่งท่านเอง”
ต้วนหลิงเทียนครุ่นคิดเล็กน้อยค่อยตอบกลับไป
ใจเขาเองก็มีแผนจะกลับไปยังเมืองชงซันเพื่อพบเจอคนที่ไม่เห็นกันนาน ก่อนที่จะปิดด่านบ่มเพาะ เพื่อทะลวงไปยังขอบเขตสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบ
หลังจากที่ทะลวงถึงสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว เขาก็จะออกเดินทางออกจากสำนักจันทร์จรัสแสง เพื่อกลับเกาะป้านเยว่
“ดี!”
ฟางฮุ่ยเห็นด้วย
เช้าวันต่อมาต้วนหลิงเทียนก็เดินทางกลับเมืองชงซันพร้อมฟางฮุ่ย โดยมีอีกคนที่ติดตามมาอีกคนก็คือป๋ายลี่หง
เหตุผลที่ป๋ายลี่หงติดตามมาด้วยล้วนเป็นเพราะกังวลเรื่องความปลอดภัยของต้วนหลิงเทียน
ด้วยมีป๋ายลี่หงมาด้วย การเดินทางกลับเมืองชงซันของต้วนหลิงเทียนจึงราบรื่นนัก
เมื่อได้รับรู้ว่าฟางฮุ่ยกลับเมืองชงซันไปพร้อมต้วนหลิงเทียนกับป๋ายลี่หง สีหน้าหลิวฮ่วนถึงกับบิดเบี้ยวเหยเก “ไอพวกตลาดมืดหยินชานมันมัวทำบ้าอะไรอยู่กันแน่? ไฉนถึงพลาดโอกาสดีที่จะสังหารต้วนหลิงเทียนในการแข่งขันล่าสัตว์ได้?”
“หวังว่าครั้งนี้พวกมันจะไม่ทำให้ข้าต้องผิดหวังอีก!”
หลิวฮ่วนคิดไปว่าคนของตลาดมืดหยินชานคงไม่รู้ข่าวเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนไปเข้าแข่งขันล่าสัตว์ จึงทำให้ต้วนหลิงเทียนยังมีชีวิตอยู่
หากหลิวฮ่วนได้รับทราบว่า ตลาดมืดหยินชานได้เพิกถอนภารกิจสังหารต้วนหลิงเทียนไปแล้ว ไม่รู้มันจะทำหน้าอย่างไร…
กลับไปยังเมืองชงซันครั้งนี้ ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเวลามันผ่านไปไวนัก
ครั้งนี้ที่กลับไปยังเมืองชงซัน เขาก็อยากพบเจอพี่ใหญ่อย่างหงอวี่รวมถึงเด็กน้อยอย่างซือซือ
ไม่กี่วันหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนจากไป ฟางฮุ่ยก็พาหงอวี่กับซือซือเข้ามาอาศัยอยู่ในจวนเจ้าเมือง นี่ทำให้ตำแหน่งของหงอวี่สูงขึ้นอีกครั้ง และได้มีโอกาสที่จะพบเจอระดับสูงๆของเมืองชงซัน
หงอวี่รู้ดีแก่ใจว่าโอกาสอันดีนี้เป็นต้วนหลิงเทียนมอบให้
หาไม่แล้วเรื่องแบบนี้คงยากที่จะเกิดขึ้นกับหัวหน้ากองรักษาการณ์ในเมืองอย่างมัน
ขณะเดียวกันพรสวรรค์ของเด็กสาวตัวน้อยอย่างซือซือในฐานะผู้ฝึกสัตว์ก็เปล่งประกายออกมาไม่น้อย ต้วนหลิงเทียนจึงกำชับเรื่องนี้กับฟางฮุ่ยก่อนที่จะจากมา และหวังให้ฟางฮุ่ยส่งเสริมนางในเรื่องนี้อย่างดี
ฟางฮุ่ยแน่นอนว่าเห็นด้วยกับเรื่องนี้อย่างมาก
อีกทั้งมันก็เอ็นดูเด็กสาวแก้มชมพูแลดูสดใสไม่น้อย
ในขณะที่เดินทางออกจากเมืองชงซันพร้อมป๋ายลี่หง ในใจต้วนหลิงเทียนปรากฏร่างสตรีนางหนึ่งขึ้นมา เป็นสตรีที่เข้าสู่ค่ายมังกรซ่อนของจวนเจ้าเมืองชงซันพร้อมกันกับเขา นางเป็นคนจิตใจดีและกล้าหาญนัก ยังมีความเด็ดเดี่ยวเหนือกว่าบุรุษทั่วไปเสียอีก
อย่างไรก็ตามการกลับมาเมืองชงซันรอบนี้ เขาก็ไม่ได้ไปหานางในฐานะสหายเก่าแต่อย่างไร เพียงฝากเรื่องราวไว้กับฟางฮุ่ย ให้ดูแลนางอย่างดี
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนคนเดิมอีกต่อไป ฟางฮุ่ยแน่นอนว่าไม่คิดลังเลหรือปฏิเสธคำขอของเขา
ถึงแม้มันจะเป็นครูของต้วนหลิงเทียนแต่เพียงในนาม แต่ความสำคัญของต้วนหลิงเทียนในใจมันก็สูงนัก
หลังจากกลับมาถึงสำนักจันทร์จรัสแสงพร้อมป๋ายลี่หง ต้วนหลิงเทียนก็แจ้งเรื่องปิดด่านฝึกฝนกับอีกฝ่าย เพื่อที่จะทะลวงไปยังขอบเขตสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบ…
แน่นอนว่าการทะลวงขีดขั้นย่อมมีอุปสรรคไม่ใช่น้อย วันใดที่ต้วนหลิงเทียนรู้สึกถึงจุดรอคอย เขาก็จะหยุดบ่มเพาะ หันไปฝึกฝนวรยุทธ์เซียนแทน
ต้วนหลิงเทียนที่ใช้วันเวลาฝึกปรือบ่มเพาะในชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติไม่นานก็ฝึกพิรุณดาวตกให้บรรลุถึงขั้นตอนไร้ตำหนิได้ในที่สุด
“พิรุณดาวตกบรรลุขั้นตอนไร้ตำหนิแล้ว…ตอนนี้ข้าจะได้เริ่มฝึกวรยุทธ์ป้องงกันเพียงหนึ่งเดียวของมหาเกาทัณฑ์ดาวตกเสียที ระฆังศรคลุมกาย!”
ต้วนหลิงเทียนรู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้าง วันที่เขาเฝ้ารอในที่สุดก็มาถึง
ระฆังศรคลุมกายเป็นเคล็ดป้องกันหนึ่งเดียวของวรยุทธ์เซียนมหาเกาทัณฑ์ดาวตกที่เป็นวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์โดดเด่น พลังอำนาจของมันย่อมเหนือกว่าวรยุทธ์ป้องกันอื่นๆในระดับนี้ไปมาก
การฝึกฝนจึงนับว่ายากเย็นไม่น้อย
หลังจากที่เริ่มฝึกฝนระฆังศรคลุมกาย ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจได้เสียทีว่าทำไมต้องฝึกพิรุณดาวตกให้บรรลุถึงขั้นตอนไร้ตำหนิเสียก่อน
นั่นเพราะระฆังศรคลุมกายนั้น จะถูกสร้างขึ้นจากพิรุณดาวตก!
กล่าวให้ชัดมันจะถูกสร้างขึ้นจากพิรุณดาวตกที่บรรลุขั้นตอนไร้ตำหนิ!
ดอกศรจากเคล็ดพิรุณดาวตกจำนวนมหาศาล จะถูกควบคุมให้หมุนวนรอบตัวต้วนหลิงเทียนด้วยความเร็วสูงล้ำ ก่อเกิดเป็นม่านศรป้องกัน แม้จะพึ่งฝึกฝนได้ไม่นานแต่ความสามารถในการป้องกันของมันก็อยู่เหนือวรยุทธ์เซียนสายป้องกันระดับมนุษย์โดดเด่นไปมาก
และเพราะต้วนหลิงเทียนเฝ้ารอที่จะฝึกระฆังศรคลุมกายมาแสนนาน รวมถึงพลังในการป้องกันมันก็เลิศล้ำ เขาจึงทุ่มเทให้มันเป็นพิเศษ
อย่างไรก็ตามในขณะที่ฝึกฝนระฆังศรคลุมกาย ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ลืมที่จะบ่มเพาะพลังแต่อย่างใด
ในที่สุดหลังจากที่เขาใช้เวลา 4 เดือนในโลกภายนอก หรือ 20 เดือนภายในชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ต้วนหลิงเทียนก็ทะลวงจุดรอคอยสุดท้าย ตัดผ่านไปถึงสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบได้สำเร็จ!
“ทะลวงผ่านแล้ว!”
หลังจากที่ด่านพลังตัดผ่าน ต้วนหลิงเทียนที่นั่งหลับตาบ่มเพาะพลัง ก็ค่อยๆเปิดตาขึ้นมา ใบหน้าเผยยิ้มสดใสไม่น้อย “ได้เวลาเดินทางออกจากสำนักกลับเกาะป้านเยว่เสียที”