ตอนที่ 1464 โดดลงเหว โดย Ink Stone_Fantasy
กลางดงป่าทึบ สองเงาร่างกำลังทะยานพุ่งเข้าใกล้โดยสำแดงใช้ความเร็วสูง
ระหว่างทางเหลียงเฟิงแอบทดสอบเย่หยวนไปพลาง เขาจงใจเร่งฝีเท้าให้ไวขึ้น
การเคลื่อนไหวภายในป่าทึบแบบนี้เพียงวรยุทธเคลื่อนที่ความเร็วสูงกลับไร้ประโยชน์ สิ่งหนึ่งที่จำเป็นที่สุดคือ สัญชาตญาณและปฏิกิริยาตอบสนองของคนนั้นๆ
เหลียงเฟิงและพวกพ้องต่างลาดตระเวนในพื้นที่บริเวณนี้มาตลอดทั้งปี จึงคุ้นเคยกับภูมิสภาพเป็นอย่างดี ดังนั้นยามเร่งฝีเท้าขึ้น เขาจึงเร็วเป็นพิเศษ
เขาเร่งความเร็วจนถึงขีดจำกัด ทะยานฝ่าป่ารกร้างปราดพุ่งออกไปอย่างดุเดือด ทิ้งระยะขนาดนี้ ภายในใจเขาพลางคิดว่า ตนตีห่างกับเย่หยวนเกินไปแล้ว กลัวอีกฝ่ายหลงจึงชะลอฝีเท้าลง
แต่เมื่อเหลียวหลังกลับไป เหลียงเฟิงแทบสะดุ้ง
เย่หยวนคนนี้ตามติดดั่งภูตผีโดยแท้ ปรากฏว่าอีกฝ่ายติดตามแนบชิดอยู่ไม่ไกล
ตกใจหรือไม่กลับหาใช่นัยยะสำคัญ!
เพราะในความเป็นจริงแล้ว เหลียงเฟิงกลับไม่สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายการมีอยู่ของเย่หยวนเลยในตอนก่อนหน้า
หากเย่หยวนคิดหักหลังและถือดาบอยู่ในมือ ป่านนี้เหลียงเฟิงคงกลายเป็นศพนานแล้ว!
เมื่อเห็นสีหน้าการแสดงออกของอีกฝ่าย เย่หยวนยิ้มกล่าวว่า
“ข้ากล่าวไปก่อนหน้าแล้ว วรยุทธเครื่องไหวของข้าไม่เป็นสองรองใคร ข้าไม่เป็นตัวถ่วงท่านแน่นอน”
เหลียงเฟิงยิ้มเก้อกล่าวว่า
“น้องชาย เจ้ามีทักษะที่ยอดเยี่ยมนัก ทีแรกเหลียงคนนี้มองเจ้าผิดไปจริงๆ!”
ยามนี้เขาเพิ่งค้นพบว่าตนประเมินเย่หยวนต่ำเกินไปมาก อย่างน้องที่สุด กลางป่าทึบแบบนี้ การจะไล่ตามติดเขาได้ตลอดรอดฝั่งแบบนี้ โดยไร้สุ้มเสียงไร้กลิ่นอาย มันก็หาใช่สิ่งที่เซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้นโดยทั่วไปสามารถทำได้
ด้วยเหตุนี้ เย่หยวนจึงมีคุณสมบัติมากพอที่จะเข้าร่วมทัพ!
ด้วยทักษะและมันสมองของเย่หยวน อนาคตต่อไปเขาจักต้องขึ้นเป็นแม่ทัพกองในไม่ช้าก็เร็ว
เหลียงเฟิงคนนี้คุ้นเคยกับเส้นทางพวกนี้เป็นอย่างดี เขาได้นำเย่หยวนไปยังทางอ้อมและปีนขึ้นไปถึงยอดเขาอัญเชิญปีศาจ
ทิวทัศน์เบื้องหน้าสุดลูกหูลูกตาช่างงดงาม ทำเอาหัวใจเย่หยวนสั่นคลอน
จุดที่พวกเขากำลังยืนอยู่คือหน้าผากว้างกว่าหนึ่งพันฉื่อ หากก้มต่ำลงไปใกล้หน้าผาเป็นหลุมลึกจนมองไม่เห็นก้น
นอกจากนี้หลังจากที่เย่หยวนเดินทางมาถึงจุดสูงสุดของที่นี่ เขาก็สัมผัสได้ทันทีว่า ฝีเท้าของเขาหนักขึ้นมาก
สนามแม่เหล็กอันทรงพลังได้ดึงดูดตรึงร่างของเขาไว้ ต่อให้เป็นเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้า ยังยากที่จะก้าวเดินบนนี้
ธารน้ำแห่งนี้ดูเหมือนจะมีความพิเศษโดดเด่นอย่างมาก
“สนามแม่เหล็กตรงจุดนี้ยังมิใช่จุดที่รุนแรงที่สุด บริเวณกลางเหวลึกแห่งนี้คือจุดที่สนามแม่เหล็กแข็งแกร่งเป็นพิเศษ ข้าเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่า พวกปีศาจเหล่านั้นข้ามผ่านเข้ามาได้อย่างไร?”
เหลียงเฟิงกล่าวขึ้นพร้อมสีหน้างุนงงฉงนใจ
เย่หยวนกล่าวขึ้นว่า
“ทางอ้อมมีระยะทางกล่าวหลายสิบลี้ การที่พวกมันสามารถข้ามธารน้ำมาได้ เช่นนั้นเราต้องระวังตัวให้มากขึ้น”
เหลียงเฟิงผงกศีรษะ และลบล้างความเชื่อเก่าๆทิ้งไป เพราะยามนี้เผ่าปีศาจสามารถข้ามฝั่งมาได้แล้ว
ทั้งสองเดินอ้อมออกไปกว่าหลายสิบลี้อย่างระมัดระวังตัว ในที่สุดสายตาของพวกเขาพลันแปรเปลี่ยนไปดูจริงจังขึ้นหลายส่วน ก่อนช้อนสายตามองไปยังหุบเขาอีกแห่งที่สูงกว่าหนึ่งพันฟุตเบื้องหน้าด้วยความประหลาดใจ
ภาพฉากเบื้องหน้าปรากฏเป็น เรือเหาะลำหนึ่งจอดเทียบอยู่ พินิจจากขนาดน่าจะบรรทุกคนได้กว่าหลายสิบ
เรือเหาะลำนั้นลอยเคว้งอยู่กลางอากาศมิได้ถูกสนามแม่เหล็กดึงดูดลงมาแต่อย่างใด เป็นที่ชัดเจนว่า มันเป็นพาหนะลำเลียงทหารของเผ่าปีศาจข้ามมายังทางฝั่งดินแดนของเผ่ามนุษย์
ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของเรือเหาะลำนั้นคือ ขนาดของมันมิได้ใหญ่ จะขนส่งทีหนึ่งอย่างมากก็เก้าถึงสิบคนเท่านั้น
ยามนี้ได้ข้อสรุปเสียที เผ่าปีศาจพวกนั้นที่ปะทะกับเย่หยวนก่อนหน้า คือเผ่าปีศาจกลุ่มแรกที่ถูกส่งมา
“พวกมันสามารถข้ามธารน้ำสนามแม่เหล็กได้จริงๆ! นี่…นี่มันน่าประหลาดเกินไป! โชคยังดีที่พวกเราเจอปีศาจกลุ่มนั้นเสียก่อน จึงรู้ตัวได้ทัน มิฉะนั้นเมืองกระแสพิรุณอาจถูกพวกมันรุกรานครั้งใหญ่แน่นอน!”
เหลียงเฟิงลดเสียงเอ่ยกระซิบขึ้น
เย่หยวนมิได้เอ่ยกล่าวอันใด คู่สายตายังคงจับจ้องไปที่เรือเหาะลำนั้นราวกับกำลังจมอยู่กับความคิด
เหลียงเฟิงกล่าวต่อว่า
“ไม่มีทาง เราต้องรีบนำข่าวนี้กลับไปรายงานที่เมืองกระแสพิรุณโดยเร็ว มิฉะนั้นเมื่อกองทัพเผ่าปีศาจลำเลียงกองกำลังมาเสร็จสิ้น มีหวังพวกเราถูกปิดล้อมทั้งหน้าหลังแน่นอน!”
ด้วยความช่วยเหลือจากเรือเหาะลำนี้ ทำให้เผ่าปีศาจสามารถลำเลียงกองกำลังของตนได้อย่างไม่มีสิ้นสุด
ในเวลานั้นกองกำลังของพวกมันจะครบถ้วนสมบูรณ์แบบ เมืองกระแสพิรุณอาจพบเจอกับหายนะครั้งใหญ่
ดังนั้นเหลียงเฟิยจึงต้องการเดินทางกลับไปยังเมืองกระแสพิรุณก่อนโดยเร็วที่สุด เพื่อแจ้งเรื่องนี้ให้ทุกคนทราบ
ทว่าทันใดนั้นเอง มียอดเซียนของเผ่าปีศาจปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าต่อตาจากระยะไกล การมาถึงนี้ทำเอาเหลียงเฟิงกับเย่หยวนขมวดคิ้วแน่น
รัศมีกลิ่นอายของปีศาจตนนี้ทำให้ทุกคนต่างสะท้านขวัญเป็นอย่างยิ่ง
นี่คือแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพปีศาจชุดนี้ ซูเลียน ยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้น
“กลุ่มของพวกนั้นยังไม่กลับมาอีกงั้นรึ?”
ซูเลียนเอ่ยกล่าวน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“เรียนท่านแม่ทัพ ผู้ใต้บัญชายังไม่ได้รับรายงานจากกลุ่มนั้นเลย! ดูเหมือนจะขาดการติดต่อไปแล้วด้วย!”
ผู้ใต้บัญชาอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าเอ่ยกล่าวขึ้น
คู่คิ้วของซูเลียนขมวดถักแน่น เขาพึมพำกับตนเองว่า
“เป็นไปได้ไหมว่า พวกนั้นจะวิ่งเข้าชนกับกองทัพของเผ่ามนุษย์ แต่ในอาณาเขตหุบเขาอัญเชิญปีศาจ โดยส่วนใหญ่ พวกทัพเมืองกระแสพิรุณไม่ค่อยลาดตระเวนบริเวณนี้นัก ลองส่งกลุ่มออกไปสำรวจอีกครั้ง ข้าต้องการรู้ว่าพวกนั้นยังอยู่ หรือกลายเป็นศพไปแล้ว!”
“รับทราบท่านแม่ทัพ!”
ผู้ใต้บัญชาคนนั้นขานตอบทันที
ซูเลียนเดินวนไปเวียนมาด้วยความหงุดหงิดใจ
การข้าธารน้ำบนหุบเขาอัญเชิญปีศาจในครั้งนี้ เป็นแผนการอันยิ่งใหญ่กว่าหลายสิบปีที่เผ่าปีศาจวางแผนไว้ และพวกเขาไม่ต้องการให้เกิดความผิดพลาดแม้แต่น้อย
ในเวลานั้นเอง เมื่อเหล่าทหารปีศาจถูกส่งลงมาจากสรวงสวรรค์จนครบบรรจบ ยามนี้เมืองกระแสพิรุณจักต้องถูกทำลายจนราบเป็นหน้ากลอง!
ตราบใดที่เมืองกระแสพิรุณถูกกองกำลังของเผ่าปีศาจตีล้อมไว้ได้ พวกมนุษย์จะไม่มีทางตรียมกำลังรับศึกได้ทันแน่นอน
ไม่นานนัก ผู้ใต้บัญชาคนนั้นก็กลับมารายงานอีกครั้ง
“เรียนท่านแม่ทัพ กลุ่มของพวกนั้นราวกับระเหยไปกันอากาศ ไม่พบแม้แต่ร่องรอยใดๆเลย! ข้าส่งกลุ่มสำรวจไปค้นหาดูแล้ว แต่กลับไม่พบแม้แต่ร่างศพ! แต่…พวกเขากลับพบร่องรอยการต่อสู้ในป่าทึบลึกลงไป…”
สีหน้าการแสดงออกของซูเลียนมืดทมิฬแลดูน่ากลัวนัก มันกล่าวว่า
“กำจัดหัวหน้าหน่วยของเราไปถึงห้าคนอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้ มีแนวโน้มสูงว่าเป็นยอดฝีมือของเผ่ามนุษย์! ไม่ดีแล้ว พวกนั้นอาจกำลังสอดแนมเก็บข้อมูล ในบริเวณแถวนี้! ส่งทุกคนเข้าสำรวจบริเวณพรมแดนโดยด่วน หากเจ้ายอดฝีมือคนนั้นให้รีบกลับมารายงานข้า นอกเหนือจากนั้นฆ่าไม่เว้น!”
“รับทราบ!”
ซูเลียนกัดฟันแน่นกล่าวว่า
“ให้ตายเถอะ ไฉนถึงบังเอิญขนาดนี้ได้? ยังไงเสียตอนนี้พวกนั้นคงกำลังสอดแนมอยู่ หากรีบสะกดยามนี้มิให้ข่าวนี้หลุดไปถึงเมืองกระแสพิรุณก็นับว่าปลอดภัย!”
การเคลื่อนทัพในคราวนี้มิใช่กลุ่มกำลังเล็กน้อยเลย กลิ่นอายสุดแกร่งกล้าหลายขุมแยกกระจายตัวออกไปและเริ่มค้นหาทันทีในบริเวณใกล้เคียงไล่ออกไป
เย่หยวนเอ่ยเสียงเบาว่า
“กลับกันเถอะ พวกมันคงพบแล้วว่า กลุ่มปีศาจที่ออกสำรวจเกิดภัยร้าย ยามนี้พวกมันกำลังสงสัยว่ามีมนุษย์คนใดดักซุ่มสืบเสาะอยู่หรือเปล่า”
เหลียงเฟิงพยักหน้าและพาเย่หยวนออกไปอย่างเงียบๆ
“หวี๊ดด!”
ทันใดนั้นเองเสียงนกอินทรีพลันร้องลั่นกลางห้วงเวหา
เหลียงเฟิงหน้าถอดสีในทันทีที่ได้ยินเสียงนี้!
“แย่แล้ว! นั้นมันอินทรีมารโลหิต! มันถูกเลี้ยงดูโดยเผ่าปีศาจ! มันอ่อนไหวต่อกลิ่นอายมนุษย์เป็นที่สุด พวกเรามิอาจหนีรอดแล้ว!”
สีหน้าของเขาซีดเซียวหนัก ดวงตาปราศจากประกายความหวังอันใดหลงเหลือ
“อินทรีมาโลหิตค้นพบมนุษย์! พวกมันกำลังจะหลบหนีทางทิศตะวันตกเฉียงใต้!”
ทันใดนั้นเองปีศาจตนหนึ่งพลันเอ่ยรายงานขึ้น
เมื่อซูเลียนได้ยินเสียงรายงานนั้น ร่างของเขาก็แปรสภาพกลายเป็นไอหมอกทมิฬสายหนึ่งปราดพุ่งไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้โดยไว
กลิ่นอายของมันทรงพลังยิ่งจนพัดพาสรรพสิ่งวินาศสูญไปพร้อมกับไอหมอกทมิฬดั่งกระแสคลื่นยักษ์ล้างพิภพ
ในตอนนี้เอง หัวใจเย่หยวนแทบแตกสลายเช่นกัน ภายใต้สนามแม่เหล็กนี้ ความเร็วของซูเลียนยังคงเหนือชั้นกว่าคนอื่นๆ
เย่หยวนสูดหายใจเข้าลึกๆและหันมากล่าวกับเหลียงเฟิงว่า
“ท่านเชื่อใจข้าหรือไม่?”
เหลียงเฟิงตัวแข็งทื่อฉับพลันก่อนเร่งพยักหน้าทันที
“ดี! เช่นนั้นกระโดดลงไปด้วยกัน!”
เย่หยวนกล่าวน้ำเสียงเคร่งขรึม
………………………………………………………….