ตอนที่ 588 ยอดเขาบุญคุณความแค้น โดย ProjectZyphon
ยอดเขาแห่งนี้เป็นพื้นที่ราบร้อยจั้ง พื้นดินมั่นคงราบเรียบ ประดุจถูกพลังอำนาจยิ่งใหญ่อัดทับ บนพื้นอบอวลด้วยกลิ่นอายเก่าแก่แห่งกาลเวลา ทั้งยังสลักรอยมรรคลึกลับ
และตรงกลางมีแท่นบูชาสีเทาวาววามแท่นหนึ่งตั้งตระหง่าน
เวลานี้การต่อสู้รุนแรงระเบิดขึ้นอีก พวกผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณอย่างพวกเซียวหรันกำลังต่อสู้กับผู้ฝึกปราณที่พลังแข็งแกร่งระดับเดียวกันกลุ่มหนึ่ง
หมอกแสงพวยพุ่ง สมบัติล้ำค่ากระแทกกระทบ สถานการณ์ดุเดือดถึงที่สุด
เช้ง! เช้ง! เช้ง!
เซียวหรันในชุดคลุมยาวฟ้าน้ำทะเลผมดำพลิ้วไหว เขานั่งขัดสมาธิกับพื้นนิ้วทั้งสิบบรรเลงพิณ เสียงพิณแต่ละสายประดุจทวนทองม้าเหล็ก เสียงกังวานเร้าระทึก
สามารถมองเห็นชัดแจ้งว่าคลื่นเสียงไร้รูปนั่นกลายเป็นดาบ ทวน กระบี่ ง้าว ขวาน ขวานวงจันทร์ ตะขอ ง่ามหลากรูปแบบ ดูเสมือนจริง ไหลเคลื่อนด้วยท่วงทำนองแห่งมรรคดั่งภาพมายา
การโจมตีเช่นนี้เห็นได้ว่าเกินคาดเดาและอัศจรรย์ยิ่ง อานุภาพเองก็น่าหวาดกลัวเช่นเดียวกัน ถึงขั้นสกัดกั้นศัตรูได้เกินครึ่ง!
หรือกล่าวได้ว่า อาศัยเพียงเซียวหรันคนเดียวก็กำราบศัตรูในที่นั้นได้ครึ่งหนึ่งแล้ว!
อีกทั้งมองดูท่าทีราบเรียบใบหน้าสงบนิ่งของเขานั้น เห็นชัดว่าไม่เปลืองแรงสักนิด
“ฆ่า!”
อีกฟาก อวิ๋นเช่อมือกระชับกระบี่โลหิตเล่มหนึ่งกวาดขวางฟาดฟัน กลิ่นอายสังหารทะลุทะลวง เสมือนดั่งมารกระบี่ไร้เทียมทาน ดุดันหาใดเปรียบ
นั่นคือมหามรรคปลิดชีพ มุ่งหาญไร้อุปสรรค ไอสังหารโหมกระหน่ำน่าพรั่นพรึงชวนให้รู้สึกใจสั่นระรัวเช่นเดียวกัน ทำให้ผู้แข็งแกร่งไม่น้อยยากจะหันปลายกระบี่เข้าประชัน
วิธีการต่อสู้ของกงหยางอวี่กลับเรียบง่ายมาก ใช้แรงกวัดแกว่งแสงม่วงสมประสงค์ แสงเหลือบเลื่อมพราย ฝนแสงไหลพุ่ง มีกลิ่นอายดั่งฝันเสมือนลวงตาอย่างหนึ่ง
เคล้ง!
เงาร่างเหวินเสียงแม้นอ่อนเยาว์ แต่ต่อสู้ขึ้นมากลับเห็นได้ว่าดุดันปราดเปรียวยิ่งยวด ฝ่ามือคว้าจับห่วงคอเงินยวงวงหนึ่ง ถล่มจู่โจมสังหารคู่ต่อสู้อย่างต่อเนื่อง แข็งแกร่งดุดันหาใดเปรียบ ผ่าเผยองอาจ กล้าหาญสุดกำลัง
ส่วนซูซิงเฟิงประดุจราชันกลางอัคนีผู้หนึ่ง นัยน์ตาราวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ลุกโหม เงาร่างรายล้อมด้วยเปลวไฟโหมกระหน่ำ ท่วงทำนองแห่งมรรคโถมทำลาย ยิ่งใหญ่และเลือดเย็น
ทันทีที่หลินสวินเข้าร่วมการต่อสู้ สู้ไปพลาง อีกด้านหนึ่งก็สังเกตวิธีการต่อสู้ของเหล่าผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ
แม้แต่เขาก็มิอาจไม่ยอมรับ แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณน่ากลัวยิ่งอย่างแท้จริง
ผู้สืบทอดเหล่านี้แต่ละคนต่างเรียกได้ว่าดังสุริยันโชติช่วงเจิดจรัส มีมรรคาเป็นของตนเอง พลังแข็งแกร่ง กำลังรบเป็นเลิศ สามารถทัดเทียมบุคคลระดับบุตรเทพเผ่าอื่นๆ ถึงขั้นมีแวว่าจะเหนือกว่า!
หากเพียงแค่คนเดียวแข็งแกร่งเช่นนี้ก็สามารถเข้าใจได้ แต่บัดนี้กลับเป็นคนกลุ่มหนึ่งที่ล้วนทรงพลังเช่นนี้ นี่เห็นได้ว่าไม่ปกติเกินไปแล้ว
เพียงแต่คู่ต่อสู้ที่รุมโจมตีพวกเขาครานี้ก็ไม่ธรรมดา มีถึงสิบกว่าคน ชัดเจนว่าล้วนเป็นพวกฝีมือเลิศล้ำชั้นยอดของแต่ละเผ่า!
พวกเขาตีล้อมพร้อมกัน หมายยึดครองบริเวณนี้ ทำให้สถานการณ์การต่อสู้รุนแรงผิดปกติ ภายในเวลาอันสั้นไม่อาจตัดสินผลแพ้ชนะอย่างสิ้นเชิง
แต่เมื่อหลินสวินเข้าร่วมสมทบ สถานการณ์ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างทันที จู่โจมคู่ต่อสู้พวกนั้นจนรับมือไม่ทัน
บางทีบรรดาศัตรูพวกนี้ก็คงคาดไม่ถึง ว่าถึงกับยังมีคนยื่นมือช่วยเหลือแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ อีกทั้งผู้ช่วยยังเป็นเทพมารหนุ่มป่าเถื่อนอย่างที่สุดคนหนึ่ง
ตูม!
พลันเห็นทันทีที่หลินสวินเปิดศึกวาดดาบหักออกมา ชั่วพริบตาก็ทำศัตรูคนหนึ่งบาดเจ็บสาหัส ขณะเดียวกันยังสะกดข่มศัตรูใกล้เคียงอีกสามคนไว้อย่างแน่นหนา แข็งแกร่งจนน่ากลัว
ที่แห่งนั้นพลันยุ่งเหยิงอลหม่านทันที เสียงตะคอกกราดเกรี้ยวดังขึ้น สถานการณ์สูสีแต่เดิมถูกทำลาย ไม่ว่ามิตรหรือศัตรูล้วนต่างสังเกตเห็นความแข็งแกร่งของหลินสวิน
เซียวหรันชะงักงันเล็กน้อย จากนั้นมุมปากปรากฏรอยยิ้มขึ้นก่อนดีดพิณต่อไป เสียงพิณเร้าระทึกกังวานยิ่งกว่าเดิม ประดุจทำนองรบเก่าแก่โบราณ กลิ่นอายสังหารสะท้านฟ้าสะเทือนดิน
กงหยางอวี่เหลือบมองวูบหนึ่งก็ถอนสายตากลับ หยิ่งทะนงและสง่างามดังเช่นเคย
อวิ๋นเช่อแค่นเสียง เห็นได้ว่าไม่ยอมรับอยู่บ้าง ไม่พอใจที่หลินสวินสอดมือเข้ามายุ่งอยู่หน่อยๆ
ส่วนเหวินเสียงกลับหัวเราะคิกคัก ไม่ได้พูดมากความอะไร
แต่ศัตรูเหล่านั้นล้วนกลับสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย พวกเขาไม่เพียงแต่สังเกตเห็นการมีอยู่ของหลินสวิน ยังเห็นจ้าวจิ่งเซวียนและเจ้าคางคกที่อยู่ไม่ไกลด้วย
นี่ทำให้พวกเขาตระหนักว่าท่าไม่ดี
การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ นี้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา ทั้งไม่กระทบต่อความต่อเนื่องของการต่อสู้ กลับตรงกันข้าม การที่หลินสวินเข้าร่วมทำให้สนามรบดุเดือดฉากนี้เปลี่ยนเป็นสับสนอลหม่านยิ่งกว่าเดิม
ตูม!
แต่หลินสวินหาได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้ ดาบหักกระหวัดกวัดแกว่ง ประกายดาวเจิดจรัสเปลี่ยนเป็นไอดาเหยียดยาว ชี้เวหาฟาดพสุธา บดอัดห้วงอากาศ กร้าวแกร่งหาใดเปรียบ
แค่เพียงชั่วพริบตา ศัตรูอีกคนก็ถูกหลินสวินฟันลอยไป ขาดวิ่นทั่วร่าง เสียงกรีดร้องทุรนทุรายดังโหยหวน ได้รับบาดเจ็บสาหัส
“น่าชังนัก! เจ้าหมอนี่เป็นใคร”
“ดูเหมือนจะเป็นเทพมารหนุ่มเผ่ามนุษย์นั่น!”
“อะไรนะ? ทำไมเป็นเขาล่ะ? หรือคำเล่าลือจะเป็นจริง เขาก็เป็นผู้สืบทอดจากแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณงั้นรึ”
“บัดซบ!”
ที่แห่งนั้นเสียงตะโกนขุ่นเคืองดังก้องขึ้น เมื่อชี้ชัดฐานะของหลินสวินได้แล้ว สีหน้าศัตรูพวกนั้นต่างเปลี่ยนไปอย่างอดไม่อยู่ นึกถึงข่าวลือนองเลือดที่เกี่ยวกับหลินสวินมากมาย
นี่ทำให้พวกเขาหนักใจ ตระหนักถึงความรุนแรงของสถานการณ์และความไม่เข้าทียิ่งกว่าเดิม
และความสามารถของหลินสวินที่เห็นกับตาตอนนี้ พวกเซียวหรันเองก็ชำเลืองมองไม่หยุด คล้ายตื่นตะลึงอยู่บ้าง และมีความรู้สึกซับซ้อนยากจะเอ่ยให้กระจ่างส่วนหนึ่ง
เวลานี้จ้าวจิ่งเซวียนและเจ้าคางคกเข้าร่วมต่อสู้ ทำให้ศึกนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดทันที
เริ่มทำให้ศัตรูพวกนั้นเสียเปรียบ ทำให้สถานการณ์พวกเขาตกอยู่ในอันตราย
ตูม!
เมื่อหลินสวินทำลายคู่ต่อสู้คนหนึ่งกลับอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง ภายในชั่วขณะ แสงอัคคีแสบตาแถบหนึ่งพุ่งเข้ามา เต็มไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้างชวนประหวั่น พุ่งครอบคลุมหลินสวิน!
“พวกเราไม่ต้องการความช่วยเหลือแต่แรก ใครให้ผู้ติดตามคนหนึ่งอย่างเจ้าลงมือ ไสหัวไป!”
ผู้ที่ลงมือกลับเป็นซูซิงเฟิง สีหน้าเขาเลือดเย็นอำมหิต น้ำเสียงหยามเหยียดอย่างเห็นได้ชัด คำพูดแม้กล่าวเช่นนั้น แต่พลังการโจมตีนี้ของเขากลับผิดปกติ เห็นชัดว่ากระทำด้วยจิตสังหาร
หลินสวินไหนเลยจะคิดว่าตนเองหวังดีเข้ามาช่วย กลับกลายเป็นเจอการขับไล่และจู่โจมของซูซิงเฟิง
ภายใต้สถานการณ์กะทันหันเช่นนี้ หลินสวินก็ถูกโจมตีจนรับมือไม่ทัน สำแดงก้าวย่างชือน้ำแข็งเต็มกำลัง จึงหลีกหนีการจู่โจมนี้ได้อย่างสุ่มเสี่ยง
เพียงแต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น ช่วงไหล่เขายังคงถูกเปลวเพลิงหนึ่งแฉลบโดน ผิวเนื้อแตกออก ไหม้เกรียมไปแถบหนึ่ง
นี่ทำให้หลินสวินสีหน้าอึมครึมทันใด นัยน์ตาดำขลับพรั่งพรูจิตสังหาร หากไม่ใช่เห็นแก่ส่วนรวม เวลานี้เขาคงเข้าสังหารซูซิงเฟิงโดยไม่ใส่ใจอะไรทั้งสิ้นนานแล้ว!
เจ้าหมอนี่เพราะเห็นตนเป็นศัตรู ถึงขั้นลงมือปุบปับกับตนในศึกดุเดือดเช่นนี้ สมควรโดนฆ่าอย่างสิ้นเชิง!
“ไสหัวไปอีกฟากซะ! หากกล้าเข้ามาจุ้นอีกข้าจะฆ่าเจ้าก่อน!”
ซูซิงเฟิงตวาดลั่น เลือดเย็นอำมหิตหาใดเปรียบ ลักษณะท่าทางราวสูงส่งเหนือผู้อื่น เสมือนกำลังตวาดด่าคนรับใช้คนหนึ่ง ลบหลู่และหยามหน้าถึงที่สุด
“ทำบ้าอะไรของเจ้า พวกเราหวังดีเข้ามาช่วย ไอ้เลวนี่ไม่รับน้ำใจยังกล้าลงมือจัดการพวกเรา แม่มันโคตรไม่ได้เรื่อง! ข้าไม่เคยเห็นใครต่ำช้าเลวทรามเยี่ยงเจ้ามาก่อน!”
เจ้าคางคกถูกยั่วโทสะ ตวาดด่าดังลั่น
“ศิษย์พี่ซู ทำเช่นนี้หมายความว่าอะไร”
จ้าวจิ่งเซวียนสีหน้าเย็นเยียบ นัยน์ตากระจ่างโกรธแค้นยิ่งนัก น้ำเสียงราวเล็ดลอดจากไรฟัน
เมื่อมองเห็นหลินสวินถูกจู่โจมไม่ทันตั้งตัว นางเองก็ผิดคาดอย่างมาก จากนั้นก็รู้สึกคับแค้นจนพูดไม่ออก
เจ้าซูซิงเฟิงนี่ เห็นชัดว่าเจตนาระรานผู้อื่น!
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อุบัติขึ้น ทำให้สถานการณ์ซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม ศัตรูพวกนั้นนอกจากประหลาดใจแล้ว ยังอดไม่ได้ที่จะแอบลิงโลดดีใจ แทบอยากจะให้พวกเขาฆ่าฟันกันเอง
ขณะเดียวกันพวกเขายังอึ้งงันอยู่บ้าง ผู้ติดตาม? ไม่นึกเลยว่าเจ้าเด็กป่าเถื่อนนั่นเป็นแค่ผู้ติดตาม สวรรค์! นี่มันเรื่องอะไรกันแน่…
“ศิษย์น้องซู อย่าเสียมารยาทอีก เรื่องเร่งด่วนตอนนี้คือต้องร่วมกันต่อต้านศึกภายนอก กำจัดศัตรูพวกนี้ ไม่ใช่ใช้อารมณ์ฆ่าฟันพวกเดียวกัน!”
ช่วงเวลาสำคัญเป็นเซียวหรันที่ออกปาก น้ำเสียงเขาเรียบนุ่มนวล แต่กลับมีความน่าเกรงขามที่มิยอมให้ต่อต้านอยู่ในที
“หึ!”
ซูซิงเฟิงแค่นเสียง จ้องหลินสวินอย่างเย็นชาวูบหนึ่ง ไม่กล่าวมากความอีก
แต่หลินสวินขมวดคิ้วมุ่น มองเซียวหรันที่ใบหน้าดูละอายซึ่งอยู่ห่างออกไป ทั้งมองดูซูซิงเฟิง ท้ายที่สุดก็สูดหายใจลึก ควบคุมจิตสังหารภายในใจอย่างเต็มที่
‘อีกเดี๋ยวหากฉีกหน้าแตกหักกันจริง สามารถลงมือได้เต็มกำลัง แม้แต่วาสนาแห่งนี้ก็ไม่ต้องเอามันแล้ว ข้าจะช่วยเจ้าทวงคืนความเป็นธรรม!’
ริมหูยินเสียงสื่อจิตเด็ดขาดของจ้าวจิ่งเซวียน นี่ทำให้ในใจหลินสวินอบอุ่นอย่างอดไม่อยู่ พยักหน้ารับคำเงียบๆ
ฆ่า!
ต่อมา การต่อสู้ศึกนี้มิได้ยืดเยื้อนานนักก็สิ้นสุดลงอย่างปุบปับ
ศัตรูกลุ่มนั้นสังเกตเห็นท่าไม่ดี ไม่กล้าสู้ตายอีก เลือกหลบลี้หนีหายโดยไม่ลังเล
หลินสวินไม่ได้ขัดขวางและไม่ได้ไล่ล่า ตามสถานการณ์ปกติแล้ว ในเวลาเช่นนี้อย่างน้อยที่สุดสามารถอาศัยจังหวะนี้ฆ่าศัตรูได้ส่วนหนึ่ง
น่าเสียดาย เมื่อครู่เขาถูกซูซิงเฟิงจู่โจมไม่ทันตั้งตัว ภายใต้ความหมดกำลังใจ ไหนเลยจะสามารถช่วยพวกเขาสังหารศัตรูอย่างเต็มกำลัง
ศัตรูกระเจิดกระเจิงจากไป ที่แห่งนั้นเหลือเพียงเหล่าผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณและหลินสวินกับเจ้าคางคก ไร้ซึ่งศัตรูอื่นอีก
เพียงแต่บรรยากาศกลับไม่ได้ผ่อนคลายลง
หลินสวินสีหน้านิ่งสงบ แต่กลับดูเย็นชาอย่างเห็นได้ชัด ยืนอยู่กับเจ้าคางคกห่างออกมา ไม่เพียงแต่เพราะซูซิงเฟิงเท่านั้น
ที่สำคัญกว่าคือ ในหมู่คนพวกนี้ยังซ่อน ‘มือสังหาร’ คนหนึ่งที่เก็บซ่อนตัวตนแนบเนียนยิ่งกว่า!
จ้าวจิ่งเซวียนกำลังเผชิญหน้ากับซูซิงเฟิง หมายช่วยหลินสวินทวงคืนความเป็นธรรม ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยความเย็นเยียบและโกรธแค้น
“ก็แค่ผู้ติดตามคนหนึ่ง ด่าว่ามันสักสองประโยคแล้วยังไง ศิษย์น้องจ้าว เพื่อผู้ติดตามคนหนึ่งเจ้าคิดจะฉีกหน้าข้าเชียวรึ”
ซูซิงเฟิงยิ้มเยาะ เขารู้แจ้งแจ่มชัดว่าฐานะหลินสวินไม่ใช่แค่ผู้ติดตามธรรมดาเช่นนั้น แต่เวลานี้กลับยืนกรานคำว่า ‘ผู้ติดตาม’ ไม่ปล่อย เห็นชัดว่าเขากำลังเหยียบจมูกและลบหลู่หลินสวิน
“ฉีกหน้า? ไม่ วันนี้หากท่านไม่ให้คำตอบที่น่าพอใจ ข้าไม่เพียงแต่ไม่ไว้หน้า ยังจะสู้กับท่านอย่างไม่สนใจอีกด้วย!”
น้ำเสียงจ้าวจิ่งเซวียนเยียบเย็นยิ่งกว่าเดิม
พวกกงหยางอวี่ เหวินเสียง อวิ๋นเช่อคอยไกล่เกลี่ยอยู่ด้านข้าง พยายามให้ทั้งสองคนดับเพลิงโทสะ ถอยกันคนละก้าว
น่าเสียดาย ไม่ว่าจะเป็นจ้าวจิ่งเซวียนหรือซูซิงเฟิงล้วนไม่รับน้ำใจ
ท้ายที่สุดยังเป็นหลินสวินที่ออกหน้า ทำให้จ้าวจิ่งเซวียนใจเย็นลง ข่มใจไว้ชั่วคราว หลังจากนี้ยังมีโอกาสคิดบัญชีแค้นนี้
“ที่หลินเสวียนกล่าวมาถูกต้องที่สุด วาสนาหนึ่งเดียวในใต้หล้านี้ใกล้อุบัติขึ้นแล้ว ก่อนจะถึงตอนนั้นพวกเราต้องร่วมแรงร่วมใจต่อต้านภายนอก จึงจะสามารถช่วงชิงวาสนาจากการแก่งแย่งอันโหดร้ายนี้มาได้ ข้าหวังว่าทุกท่านจะปล่อยวางบุญคุณความแค้นส่วนตัวลงชั่วคราว อย่าได้เกิดเหตุยุ่งยากอีก”
เซียวหรันเองก็ออกปาก ในกิริยาท่าทางพิเศษโดดเด่นแฝงความภูมิฐานเคร่งขรึม “พวกเจ้าดู พวกนั้นต่างหากที่เป็นคู่ต่อสู้ของพวกเรา!”
ขณะพูดสายตาเขามองไปยังที่ห่างไกล บนยอดภูเขาเทพหมอกม่วงนี้ แบ่งเป็นอาณาเขตแตกต่างกันห้าสิบสี่แห่ง ในแต่ละเขตเวลานี้ล้วนรักษาการณ์ด้วยบุคคลชั้นยอดแต่ละเผ่าอยู่ก่อนแล้ว อิทธิพลอำนาจมากมาย ล้วนต่างมาเพื่อแย่งชิงวาสนา
สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้เลยว่า เมื่อวาสนาครานี้ถือกำเนิดขึ้น การแก่งแย่งจะบ้าระห่ำและนองเลือดเพียงใด!
…………..