ตอนที่ 158

Legend of the mythological genes

จิ ~

กรงเล็บของเขาเหมือนตะขอก่อตัวบนอากาศ เขาปัดมันลงมาทำให้เกล็ดของเฟิงเส้าโหยวแยกออกจากกัน

สีหน้าของเฟิงเส้าโหยวดูหวาดกลัว เขาไม่ได้คาดคิดว่าเฟิงหลินจะโหดเหี้ยมและเด็ดขาดขนาดนี้ จริงๆแล้วเฟิงหลินสามารถทนความเจ็บปวดจากการโจมตีของพลังงานและใช้พลังนั้นเพื่อเพิ่มแรงผลักดัน

โมเมนตัมเพิ่มความเร็วของเฟิงหลิน ร่างกายของเขาเหมือนเครื่องบินเจ็ต พุ่งมาตรงหน้าเฟิงเส้าโหยวทันที

เฟิงเส้าโหยวเตรียมตัวไม่ทัน เขาทำได้เพียงปล่อยหมัดมังกรอสรพิษอีกครั้ง มือทั้งสองของเขาโอบสายสัมพันธุ์ของมังกรและงูเข้าด้วยกัน

เฟิงหลินไม่ได้ละเลยความสนใจ หมัดของเขาเหมือนสายฟ้าฟาด

บูม!

พวกเขาทั้งคู่ไม่ยอมถอย ทั้งคู่โจมตีกันอย่างต่อเนื่อง ผลจากการโจมตีของพวกเขาทำให้เกิดพายุ

เฟิงหลินไม่ถอย ร่างกายของเขาหมุนในอากาศ เขาปล่อยหมัดและลูกเตะไม่หยุด ร่างกายทุกส่วนร่างของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว พุ่งเข้าหาเฟิงเส้าโหยวปล่อยหมัดระเบิดออกมาอย่างบ้าคลั่ง

เขาได้เห็นความสามารถทั้งหมดของเฟิงเส้าโหยวแล้ว

แม้ว่าเฟิงเส้าโหยวจะเป็นผู้บ่มเพาะที่มาจากอวกาศดวงดาว แต่ความสามารถของเขาคือการโจมตีพลังงาน  สำหรับการต่อสู้ระยะประชิดการต่อสู้ของเขาไม่มีพลัง

ร่างของเขาถูกปกคลุมด้วยเกล็ดและมันเป็นเพียงชั้นนอกสุดของการป้องกัน เมื่อชั้นนี้ถูกทำลาย กายเนื้อของเขาก็ยังอ่อนแอมาก เขาจะไม่สามารถทนต่ออาการบาดเจ็บรุนแรงได้

ดังนั้นเฟิงหลินจึงต้องรักษาจังหวะการโจมตี โดยมุ่งเน้นที่การเจาะเกราะป้องกันชั้นนอก ตราบใดที่เฟิงเส้าโหยวยุ่งอยู่กับการป้องกัน เขาจะไม่สามารถใช้สัตว์วิญญาณทั้งสี่นี่ได้

หมัดกระเทือนครึ่งก้าว!

หมัดวัชระสะกดอสูร!

รอยประทับค้อนพลิกฟ้า!

เฟิงหลินใช้ทักษะทั้งหมดของเขาอย่างบ้าคลั่ง โจมตีไม่ปล่อยให้เฟิงเส้าโหยวได้พักหายใจ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือไม่ว่าเขาจะใช้เทคนิคอะไรก็ตาม มันก็ไม่สามารถทำให้เฟิงเส้าโหยวเสียหลักได้

เฟิงหลินอดไม่ได้ที่จะเหลียวมองที่ตาของเฟิงเส้าโหยว ธาตุทั้งสี่ยังคงหมุนอยู่ คล้ายกับภาพลวงตาสะท้อนการเคลื่อนไหวของเขา

พลังของตานั่นคืออะไร?

เฟิงหลินเข้าใจทันที เนื่องจากดวงตาแห่งธาตุทั้งสี่เป็นความสามารถเหนือธรรมชาติที่เชื่อมต่อกับตาคน นอกเหนือจากความสามารถในการควบคุมพลังงานพื้นฐานทั้งสี่ประเภทนี้ มันยังทำให้ให้ผู้ใช้มีการสังเกตที่ทรงพลังอย่างมาก

นี่เป็นเรื่องลำบาก ผู้บ่มเพาะจากอวกาศดวงดาวมีไพ่เหนือกว่ามากเกินไป

เฟิงหลินรู้สึกว่าต่อให้เขาใช้ทุกเทคนิคของเขา เฟิงเส้าโหยวก็ยังคงมีวิธีตอบโต้ มันเป็นเรื่องยากมากที่เขาจะชนะ

เขามีความคิดที่จะหนีการต่อสู้

ท้ายที่สุดนี่คือชั้นสูงสุดของอาคารตระกูลเฟิง หากพวกเขายังคงต่อสู้ต่อไป ความปั่นป่วนจะสามารถดึงดูดความสนใจของผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย

ในเวลานั้นคงเป็นเรื่องยาก ถ้าเขาต้องการหนีไป!

เขาไม่ต้องการสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ ในตอนนี้เขาเพียงต้องการพัฒนาความแข็งแกร่งของเขาอย่างเงียบ ๆ

เฟิงหลินปลดปล่อยตัวเองจากข้อจำกัดของตระกูลแล้ว เขาสามารถพัฒนาตัวเองให้มั่นคงโดยไม่มีอะไรมาขัดขวาง

การใช้ความระมัดระวังเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง! การพัฒนาความแข็งแกร่งเป็นสิ่งที่ดีที่สุด!ทำไมเขาต้องพัวพันกับปัญหามากมายและทำให้การบ่มเพาะของเขาล่าช้า?

อย่างไรก็ตาม เฟิงเส้าโหยวไม่ยอมแพ้ และมันก็ยากสำหรับเฟิงหลินที่จะหลุดพ้นเพราะสัตว์วิญญาณทั้งสี่ยังคงอยู่ไม่ไกล

เมื่อเฟิงหลินแยกตัวออกจากเฟิงเส้าโหยว สัตว์วิญญาณทั้งสี่จะพุ่งเข้าหาเขาอย่างแน่นอนขณะที่เฟิงเส้าโหยวมีสมาธิกลับมาควบคุมพวกมันอีกครั้ง

มันไม่ง่ายเลยถ้าเขาต้องการหนีไปอย่างปลอดภัย!

ดังนั้นเฟิงหลินจึงจำเป็นต้องกำราบเฟิงเส้าโหยวในตอนนี้ เขาต้องทำให้แน่ใจว่าเฟิงเส้าโหยวจะไม่มีกำลังเหลือพอจะควบคุมสัตว์ร้ายทั้งสี่อีกต่อไป จากนั้นเขาจึงสามารถหนีออกไปได้

มันจะไม่มีทางเป็นไปได้ถ้าเขาไม่ปลดปล่อยความสามารถที่แท้จริงของเขา

เปลือกตาของเฟิงหลินหรี่ลง ขณะที่เขาพึมพำเงียบๆ หากเขายังคงรั้งรออยู่ เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังเขาจะทำได้เพียงรอเวลาตาย

เมื่อพิจารณาถึงประสบการณ์การต่อสู้ เฟิงหลินเผชิญกับสถานการณ์ที่อันตรายหลายอย่างก่อนที่จะมาถึงจุดนี้ เขามั่นใจว่าเรื่องนี้เขาไม่ด้อยกว่าเฟิงเส้าโหยว

ในเมื่อไม่มีทางให้ถอย เขาจึงพุ่งเป้าไปที่การโจมตี!

การต่อสู้กันอย่างลูกผู้ชาย ใครจะกลัวใคร?

เฟิงเส้าโหยวบีบนิ้วมือเหมือนการอุ่นเครื่องก่อนต่อสู้

เฟิงหลินไม่หลบและเผชิญหน้า ใบหน้าของเขาเป็นสีแดงจากการออกแรง แต่เขาก็ยังหัวเราะออกมา มือของเขากลายเป็นกรงเล็บจับข้อมือของเฟิงเส้าโหยว

 

“อะไร?” การโจมตีของเฟิงเส้าโหยวสำเร็จ แต่เขากลับต้องตกใจ เขาไม่ได้คาดหวังว่าเฟิงหลินจะทำเช่นนี้

เขารีบดิ้นเพื่อเป็นอิสระ ต้องการที่จะถอยหลัง

อย่างไรก็ตาม เฟิงหลินจะปล่อยให้โอกาสนี้ไปได้ยังไง?

มือของเขาเหมือนห่วงเหล็กบีบเฟิงเส้าโหยวอย่างแน่นหนาไม่ยอมให้เขาขยับ

รอยประทับเชือกบ่วงเทพ!

มือของเขาพันรอบข้อมือของเฟิงเส้าโหยวเหมือนกับเชือกในตำนาน

เฟิงหลินเพิ่มพลังทำให้เฟิงเส้าโหยวกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

สัตว์วิญญาณทั้งสี่คำรามด้วยความโกรธอยู่ด้านข้าง แต่พวกมันไม่กล้าโถมเข้ามา

เฟิงเส้าโหยวหมุนร่างไปรอบๆ สร้างพายุลูกใหญ่ที่ต้องการต่อสู้อย่างอิสระ อย่างไรก็ตาม เฟิงหลินไม่มีทางที่จะปล่อยมือ

พวกเขาสองคนประกบติดกันและการต่อสู้ทำให้เกิดเสียงดังกึกก้อง

เกล็ดซ่อนอสรพิษเคลื่อน!

เมื่อเห็นว่าเขาไม่สามารถใช้พลังได้ เฟิงเส้าโหยวก็ปลดปล่อยเทคนิคการเคลื่อนไหวที่น่าอัศจรรย์อีกอย่างหนึ่งร่างกายที่เต็มไปด้วยเกล็ดของเขาหลั่งไขมันออกมา มันลื่นมากขนาดร่างกายใหญ่ๆของเขาก็ดูจะหดลงไปถึง 30%  ใช้โมเมนตัมเพื่อให้หลุดจากมือของเฟิงหลิน

 

“คิดจะหนีไปไหน?”คราวนี้ถึงคราวของเฟิงหลินที่จะพูดแบบนี้ เขาจับหางของเฟิงเส้าโหยวไว้อย่างรวดเร็ว

ฮา!

เฟิงหลินตะโกน ขณะที่ออกแรงเหมือนพยายามยกภูเขา เขาเหวี่ยงเฟิงเส้าโหยวด้วยการคว้าหางและเพิ่มความเร็วในการหมุน แขนของเฟิงเส้าโหยวทำอะไรไม่ได้ ร่างกายของเขาเป็นเหมือนพัดลมไฟฟ้าให้เฟิงหลินหมุน

เฟิงเส้าโหยวรู้ว่าตัวของเขาหมุนอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกราวกับว่าสวรรค์และโลกหมุนกลับไปกลับมาเขาหวิวมาก

เขาไม่เคยอยู่ในสถานการณ์ที่น่าสังเวชแบบนี้มาก่อน ธาตุทั้งสี่วิ่งในดวงตาของเขาหมุนอย่างรวดเร็ว ปลดปล่อยพลังธาตุทั้งสี่อย่างบ้าคลั่ง

สัตว์เทพทั้งสี่ก็เคลื่อนไหวเช่นกัน

มังกรฟ้าทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าเสียงคำรามดังก้องอยู่ในอากาศ

หงษ์แดงสดแผ่ปีกและกรีดร้อง

เสือขาวพุ่งเข้ามาเสียงคำรามของมันสั่นสะเทือนไปทั่วสวรรค์

เต่าดำคลานไปข้างหน้าทำให้โลกสั่นสะเทือน

สัตว์เทพทั้งสี่ครอบครองสี่ทิศและเคลื่อนเข้าหาเฟิงหลิน พลังงานสี่ประเภท – ดิน น้ำ ลม ไฟ – ปั่นป่วนวุ่นวายสร้างคลื่นพลังงานเพื่อกลืนกินเฟิงหลิน

 

“ เยี่ยม มากันครบ!” ในตอนนี้เฟิงหลินไม่ตกใจ แต่มีความสุขแทน

“ไสหัวไป!”

 

เขาออกแรงมากขึ้นและโยนเฟิงเส้าโหยวใส่พวกมันเหมือนขว้างกระสอบทราย

เฟิงเส้าโหยวกรีดร้องด้วยความตกใจ ร่างกายทั้งหมดของเขาถูกเหวี่ยงทุบกับสัตว์ทั้งสี่

เสียงคำรามของสัตว์ร้ายและเสียงกรีดร้องของเขาปะปนกัน โครงสร้างการโจมตีที่แน่นหนาเดิมได้พังทลายลงอย่างสมบูรณ์

ถ้าเขาไม่หนีไปตอนนี้ เขาจะหนีไปตอนไหน?

ดวงตาของเฟิงหลินเปล่งประกาย เขาเห็นว่าทางเปิด ไม่พูดอะไรอีกรีบเร่งออกไปอย่างไม่ลังเล

“เกิดอะไรขึ้น?”

“ทำไมถึงมีความปั่นป่วนขนาดนี้ที่ชั้นสูง?

“ไปดูกันเถอะ!”

ในที่สุดเสียงก็ดังดึงดูดความสนใจของคนในตระกูลเฟิง เสียงฝีเท้าที่ดังกึกก้องมีคนหลายคนวิ่งเข้ามาที่นี่

ร่างกายของเฟิงเส้าโหยวแกว่งไปมาขณะที่เขาพยายามยืนด้วยขาของตัวเอง เขาถูกทุบอย่างแรงทำให้หัวหมุน

เมื่อได้ยินความปั่นป่วน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เขาพบว่าเฟิงหลินหายตัวไปแล้ว และไม่มีเวลาที่จะจับเขา

เขาจะต้องไม่อยู่ที่นี่ต่อ ไม่อย่างนั้นเขาจะเสียหน้าต่อสมาชิกในตระกูลแค่ไหนกัน

เฟิงเส้าโหยวหน้าตาบูดบึ้ง เมื่อเขาคิดถึงเฟิงหลินท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไป

ครั้งนี้เขาจะปล่อยไปก่อน แต่ครั้งต่อไป …

สัตว์เทพทั้งสี่กระจายกลับไปในอากาศ ร่างของเฟิงเส้าโหยวเปลี่ยนเป็นเงาหายไปจากพื้น

ผลลัพธ์สุดท้ายของการต่อสู้ที่รุนแรง : มีการเริ่มต้น แต่ไม่มีข้อสรุป

 

“เกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่?” หลังจากนั้นครู่หนึ่งคนกลุ่มหนึ่งรีบเร่งเข้ามา เมื่อพวกเขาเห็นความเสียหายที่เกิดรอบๆ พวกเขาก็มองตากันไปมา

แม้แต่กำแพงโลหะผสมก็เว้าแหว่งและมีรอยบุบรูปร่างคล้ายคน เห็นได้ชัดว่ามีการต่อสู้ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นที่นี่

เมื่อมองไปที่ร่องรอยการต่อสู้เป็นที่ชัดเจนว่าความเกิดจากความแข็งแกร่งของผู้บ่มเพาะ

แต่ใครจะกล้าทำลายชั้นบนสุด?

สำหรับหัวหน้าตระกูลขณะที่เขาจ้องมองไปรอบๆ ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงบางสิ่งที่ทำให้หัวใจของเขาตกตะลึง

เป็นได้มั้ย…?

เขาเหลือบไปที่มุมหนึ่ง ถ้ามีใครอยากจะออกจากชั้นสูงสุด พวกเขาต้องออกทางนั้นอย่างไรก็ตามเฟิงหลินหายไปนานแล้ว

เขาไม่ต้องการที่จะเปิดเผยความสำเร็จของเขาแก่ผู้อื่น