นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 562 หินมังกร
“นี่…”
สีหน้าอาจารย์ช่างตัดฉายแววล้ำลึก เนื่องจากมีดนี้ของเขาผ่าไปจนสุดภายในครั้งเดียว แต่ที่ได้รับกลับยังเป็นเนื้อหิน ถึงขนาดที่ไม่เห็นสีเขียวแม้แต่สักนิด
“เป็นของเสียจริงๆ ด้วย”
เฉินเจียวเอ่ยอย่างเหยียดหยาม ตอนแรกสุดนั้นเธอยังคงกังวลอยู่เล็กน้อย ปรากฏว่าเวลานี้พอนึกถึงก็คิดว่าเธอนี่มันช่างโง่งมเสียจริง
“เป็นคนที่ไม่เคยเล่นพนันหินจริงด้วย”
“นั่นสิ เลือกก้อนใหญ่ขนาดนี้ ดูท่าคงไม่มีอะไรข้างในแล้ว?”
“คงจะเสียเงินจำนวนไม่น้อยเลย”
อย่างไรก็ตามเสียงวิพากษ์วิจารณ์รอบข้างมิได้ส่งผลกระทบต่อซูฉิงเลยแม้แต่น้อย เธอลูบหน้าผาก ประเมินก้อนหินอย่างละเอียด
“ผิดจนโง่งมแล้ว?”
หลังจากพึมพำกับตัวเอง ซูฉิงก็เคาะนิ้วลงบนหินที่อยู่ “งั้นก็เริ่มผ่าจากตรงนี้เถอะ”
อาจารย์ช่างตัดที่เดิมแล้วกำลังจะเดินจาก สีหน้าฉายความตกตะลึง “คุณยังอยากผ่าอยู่อีกหรือ?”
“แน่นอนสิ รีบผ่าเร็วเข้า” ซูฉิงที่นั่งอยู่ลุกขึ้นมายืนด้านข้างสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“สิ่งนี้ดูท่าจะไม่มีหยกจริงๆนะ อย่าผ่าเลยดีกว่า” นี่อาจจะเป็นครั้งที่ซูฉิงมาเล่นก็ได้ อาจารย์ช่างตัดจึงเตือนอย่างหวังดี
แต่ทว่าซูฉิงกลับยิ้มบางให้อาจารย์ช่างตัดกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ผ่าเถอะ ยังเหลือหินตั้งเยอะขนาดนี้ ไม่ผ่าคงเป็นสิ้นเปลือง ไม่แน่ว่าข้างในอาจมีสิ่งน่าตกใจอยู่ก็ได้นะ?”
ช่างตัดส่ายหัวอย่างจนปัญญา เริ่มขยับใบมีดผ่า
อย่างไรก็ตาม เฉินเจียวเห็นดังนั้นก็หัวเราะเสียงเย็น “ต่อให้เธอบดมันจนเป็นแป้งก็หาของดีไม่พบหรอก ตรานี้ฉันชนะแน่แล้ว อย่างเปลืองแรงเลย”
พูดพลางเธอก็ย้ายสายตาไปวางบนเงาร่างฮ่อหยุนเฉิน แต่ทว่าฮ่อหยุนเฉิงจับจ้องเพียงแค่การกระทำของซูฉิงมาโดยตลอด
เฉินเจียวกำมือแน่น เธอไม่เชื่อว่าถ้าซูฉิงใช้เงินจำนวนมากมายขนาดนั้นในคราเดียวอย่างมั่นใจในตนเองเต็มเปี่ยมเช่นนี้ และผลปรากฏว่าผ่าออกมาเป็นของเสียๆ ก้อนหนึ่ง ฮ่อหยุนเฉิงจะยังชอบเธอมากอยู่แบบนั้น
แล้วเธอเองก็จะจับฮ่อหยุนเฉิงได้ในไม่ช้า
อย่างไรก็ตามการผ่าภายใต้สายตาจับจ้องคนทั้งหมด แต่ผลที่ได้รับยังคงไม่มีอะไรทั้งนั้น และพื้นผิวยังคงเป็นแค่เนื้อหินธรรมดา
“เธอดูสิสาวน้อย ฉันก็พูดแล้วว่าในนี้ไม่มีอะไร อย่างเปลืองแรงเปล่าๆ เลย นี่เป็นแค่หินก้อนหนึ่ง ฉันมองไปที่เหล่าจางด้านนั้นไม่รู้ว่าเก็บมันไว้ตรงมุมมานานเท่าไรแล้ว ปรากฏว่าตอนนี้ให้เธอนำออกมา เธอน่ะถูกหลอกเข้าแล้วแหละ”
ช่างตัดหัวเราะเสียงเบา ได้ยินประโยคนี้แล้วซูฉิงเองก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเคือง เธอกอดหน้าอกพูดกับช่างตัดพลางชี้ไปที่วัสดุส่วนที่เหลือ ถ้างั้นก็รบกวนอาจารย์ผ่าหินส่วนที่เหลือให้ฉันด้วยแล้วกัน”
เมื่อพูดจบปรากฏว่านี่ก่อให้เกิดการแสดงความคิดเห็นของผู้ชมทั้งหมด คิดว่าซูฉิงก็คือคนรวยที่โง่งมคนหนึ่ง
เฟิงไป่โจวเห็นดังนั้นก็เดินไปด้านหน้าฮ่อหยุนเฉิงแล้วพูดว่า “ประธานฮ่อ คุณแพ้แล้ว ดูท่าว่าของพวกนั้นคงกลายเป็นของผมทั้งหมดแล้วล่ะ”
“ยังผ่าไม่หมดแล้วจะพูดถึงแพ้ชนะได้ยังไงกัน? เหมือนประธานเฟิงจะรีบร้อนไปหน่อยนะ” ฮ่อหยุนเฉิงอย่างไม่แยแส
เฟิงไป่โจวได้ยินประโยคนี้ ก็ขมวดคิ้วเรียวยาวอย่างไม่พอใจเล็กน้อย “ทำไมประธานฮ่อ คุณจะกลืนน้ำลายเหรอ?”
ทว่าเมื่อสิ้นเสียงพูดของเฟิงไป่โจว ก็มีเสียงร้องตกใจมาจากฝั่งของอาจารย์ช่างตัดทางนั้น
“สวรรค์! นี่เป็นไปได้ยังไง!”
เสียงนี้ดึงดูดสายตาของคนทั้งหมดเข้าไป ซูฉิงโค้งมุมริมฝีปาก ดูท่าตาเฒ่าคนนั้นคงไม่ได้หลอกตนจริงๆ ด้วย
“เห็นสีเขียวแล้ว! เห็นสีเขียวแล้ว!” ได้ยินเสียงร้องตะโกนอย่างตื่นเต้นของอาจารย์ช่างตัด ใต้มีดของเขาเป็นแสงสีเขียวเลือนรางส่องอยู่
“นึกไม่ถึง…นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นสีมรกต…เป็นหินมังกร!”
เสียงของอาจารย์ช่างตัดนั้นมีความสั่นระริกอยู่บ้าง เขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อแล้วขยี้ดวงตา
“อะไรนะ!” ได้ยินคำว่าหินมังกรสามคำนี้ เฉินเจียวก็เดินไปมรกตตรงหน้าตัดทันที
ส่วนที่เรียกว่าหินจักรพรรดิเป็นเพราะมีส่วนผสมที่ลงตัวและสวยงาม เป็นหินที่สีแยกชั้นอย่างชัดเจน สีทั้งก้อนนั้นผสมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ดูด้วยตาเปล่านั้นไม่มีตำหนิ เป็นหยกลายน้ำที่สวยงามสมบูรณ์ หาได้ยากเป็นอย่างยิ่ง
“ดูสิ ฉันก็บอกแล้วว่าฉันมีโชค” ซูฉิงโค้งมุมริมฝีปาก พูดเยาะเสียงเบา
สีหน้าของเฉินเจียวเดี๋ยวซีดเดี๋ยวขาว เธอเหลือบมองซูฉิง พูดอย่างเยือกเย็นว่า
“เธออย่าด่วนดีใจไป ใครจะไปรู้ว่าก้อนหยกของเธอจะใหญ่แค่ไหน อีกอย่างก็เป็นแค่หินมังกรเท่านั้น เทียบกับหินจักรพรรดิแล้วยังคงห่างชั้นอยู่เล็กน้อย”
“ก็แค่บางครั้ง” ซูฉิงผายมือทั้งสองข้าง แสดงเจตนากับอาจารย์ให้ผ่าต่อ
เฉินเจียวเห็นดังนั้น ในใจยังคงมีความเหยียดหยามเล็กน้อย แค่ถือว่าซูฉิงโชคดี ยิ่งไปกว่านั้นหยกชนิดนี้นั้นพบได้น้อย เธอไม่มีทางเชื่อว่าหินที่ยังเหลือใหญ่ขนาดนี้ ข้างในจะเป็นหยกทั้งหมด
ทว่าความจริงนั้นกลับตบหน้าเฉินเจียวไปฉาดใหญ่ เห็นอาจารย์ผ่าลงไปที่ข้างหิน ก็เห็นสีเขียวทันที
หยกที่ซูฉิงเปิดออกมาก้อนนี้ มีขนาดใหญ่พอๆ กับอิฐ ทั้งยังมีสีบริสุทธิ์ แค่มองก็รู้ว่าล้ำค่าอย่างยิ่ง
สีหน้าของคนทั้งหมดนั้นอิจฉาอย่างมาก ถึงขนาดไปบริเวณมุมเพื่อหินที่เต็มไปด้วยฝุ่น ไม่แน่ว่าอาจจะเปิดมาได้มรกตก้อนใหญ่เหมือนซูฉิงก็เป็นได้ ถ้าเป็นแบบนั้นพวกเขาก็รวยแล้ว
“ไม่เลว” ซูฉิงมองหน้าตัดหยกที่กระจ่างใสแวววาว คิดเรียบร้อยว่าจะมอบเป็นของขวัญแบบใดให้ท่านผู้เฒ่าฮ่อ
สีหน้าของเฉินเจียวนั้นไม่น่ามองเล็กน้อย เธอหันกลับมามองเฟิงไป่โจว แค่นเสียงหึพูดเย็นชาว่า
“ตอนนี้พวกเราสองคนก็นับว่าเสมอกันแล้ว แม้หยกของเธอจะมีขนาดใหญ่ แต่ยังไงซะก็เป็นแค่สีเขียวมรกต ยังไม่ล้ำค่าเท่าสีเขียวจักรพรรดิของฉันก้อนนี้”
“เสมอ?”
ราวกับคิดว่าคำนี้ไม่เหมาะเท่าไรนัก ซูฉิงหยิบเศษหินที่ผ่าออกมาตั้งแต่แรก เหลือบตามองไปที่เฉินเจียว
“ใครบอกว่าพวกเราเสมอ?”
มองการกระทำของซูฉิงแล้ว เฉินเจียวก็ขมวดคิ้วแน่น “หรือเธอคิดว่าเศษหินแตกๆ หักๆ พวกนี้จะยังมีหยกอยู่อีกเหรอ?”
“ฉันก็บอกแล้วว่าฉันโชคดี”
ซูฉิงยื่นหินชิ้นนั้นไปให้อาจารย์ช่างตัด อาจารย์ช่างตัดเห็นดังนั้น นัยน์ตาทอประกาย เวลานี้เขาคิดว่าแค่เป็นสิ่งที่ซูฉิงสัมผัสก็จะเปิดออกมาเป็นของดีได้
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เห็นท่าทางมั่นอกมั่นใจในตนเองแบบนี้ของซูฉิงแล้ว ในใจของเฉินเจียวก็รู้สึกไม่สงบอยู่เล็กน้อย ทว่าเธอบังคับกดความรู้สึกนั้นลงไป
ในขณะที่คนทั้งหมดจับจ้องและรอคอย อาจารย์ช่างตัดก็ลงมีดอีกครั้ง ผ่าหินก้อนที่ถูกผ่าไปเมื่อครู่
ทว่าครั้งนี้กลับไม่ได้ผ่านานเลยแม้แต่น้อย ก็มีคนเห็นประกายสีเขียวในหิน
“สวรรค์ มีจริงด้วย!” คนด้านข้างร้องตกอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่
“ไม่ถูก! สีนี้ดูไม่เหมือนสีเขียวมรกตเลย!”
“เป็นเขียวจักรพรรดิ! เป็นเขียวจักรพรรดิ! มีหยกมังมังกรที่เป็นสีเขียวจักรพรรดิจริงด้วย!”
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา คนทั้งหมดที่นั่นก็ล้อมวงเข้ามาอีกครั้ง เฉินเจียวหันกลับไปอย่างมึนงง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ
เป็นไปได้ยัง! เป็นไปได้ยังไงกัน!