ตอนที่ 516 สาวเสิร์ฟ

ยอดนักรบจอมราชัน

ตอนที่ 516 สาวเสิร์ฟ

เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เขาได้ส่งคนไปที่เมืองเซี่ยงไฮ้แล้ว..และเขาก็ยังพยายามขัดขวางไม่ให้ผมมาที่มณฑลเหอหนานอีกด้วย”

เหอปิงก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงแล้วถามว่า “ยังไงก็เถอะแต่ฮัวซงเจี๋ยประเมินตัวเองสูงเกินไป..เขาไม่รู้เลยหรือว่าเมืองเซี่ยงไฮ้น่ะเป็นถิ่นของคุณเย่..เขามองหาความตายอย่างไม่ต้องสงสัย”

“ต่อให้เขารู้เขาก็คงจะไม่กลัวหรอก..แต่ในเมื่อเขากล้าที่จะท้าทายผมกับหลี่จื้อเทียนแล้วนั่นก็หมายความว่าเขามีความมั่นใจมากและเองก็ชอบคนที่มีความมั่นใจมากเหมือนกัน” ดวงตาของเย่เชียนเป็นประกาย ด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่แข็งแกร่งดังนั้นเขาก็อยากเห็นคนแบบฮัวซงเจี๋ยผู้ประกอบการธุรกิจคาสิโนและนักพนันรายใหญ่นั้นจะเป็นเช่นไร

ในขณะที่กำลังคุยกันอยู่นั้นหลี่จื้อเทียนก็โทรไปหาเย่เชียนและขอโทษที่ไม่สามารถมารับเย่เชียนด้วยตัวเองได้ และหลังจากแลกเปลี่ยนคำพูดกับเขาสองสามคำแล้วจากนั้นก็วางสายโทรศัพท์ไป เย่เชียนยังคงรู้ลำดับความสำคัญเนื่องจากเพิ่งมีการออกนโยบายจากรัฐบาลกลางจึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลที่หลี่จื้อเทียนจะต้องยุ่งวุ่นวายกับสิ่งต่างๆ อย่างไรก็ตามเขาก็ต้องการได้รับเงินคืนจากการลงทุนที่ผิดพลาดในครั้งที่แล้ว

รถจอดที่ทางเข้าของภัตตาคารที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองเจิ้งโจว ซึ่งเหอปิงก็เดินนำเย่เชียนเข้าไปข้างในและพูดว่า “เจ้าของภัตตาคารแห่งนี้คือฮัวซงเจี๋ยเอง..ด้านล่างเป็นพื้นที่รับประทานอาหารสำหรับแขกธรรมดาส่วนชั้นสองและชั้นสามจะใช้สำหรับจัดเลี้ยงสำหรับแขกหรือบุคคลที่มีสถานะพิเศษเท่านั้น..ซึ่งชั้นสามนั้นฮัวซงเจี๋ยมักจะใช้สำหรับการประชุม”

“แล้วนี่นับเป็นการท้าทายยั่วยุเขาหรือเปล่า?” เย่เชียนถามด้วยรอยยิ้ม

เหอปิงก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งแล้วเขาก็ยิ้ม “ไม่นับ..เพราะครั้งนี้เราเป็นแขกที่ถูกต้องตามกฎหมาย..เราจะมาทานอาหาร” หลังจากขอห้องส่วนตัวภายใต้การนำของพนักงานเสิร์ฟทั้งสามแล้วพวกเขาก็เดินขึ้นไปที่ชั้นบน อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เย่เชียนอยากรู้ก็คือพนักงานเสิร์ฟมักจะมองเขาอย่างลับๆ ด้วยสีหน้าที่ดูประหลาดใจและความงุนงงในดวงตาของพวกเขาซึ่งทำให้เย่เชียนสงสัย

โดยธรรมชาติแล้วทั้งหมดนี้ไม่สามารถปกปิดได้จากสายตาของชิงเฟิงและเมื่อสั่งอาหารชิงเฟิงก็ฉีกยิ้มและพูดว่า “สาวน้อย..เธอชอบพี่ชายของฉันเหรอ? ”

เย่เชียนก็เหลือบมองชิงเฟิงจากนั้นก็พูดกับพนักงานเสิร์ฟว่า “อย่าไปสนใจเขาเลย..เขาชอบพูดเรื่องไร้สาระ” เย่เชียนเห็นมันได้อย่างเป็นธรรมชาติเพราะสายตาของพนักงานเสิร์ฟที่มองเขานั้นมันไม่ใช่ด้วยสายตาที่ดูชื่นชมเลย แน่นอนว่าเธอไม่ได้ชอบตัวเองอย่างที่ชิงเฟิงพูด ซึ่งเย่เชียนก็ยอมรับว่าเสน่ห์ของเขานั้นยังไม่ถึงจุดที่หญิงสาวจะชื่นชอบเขาก่อนที่จะได้รู้จักกัน

เหอปิงก็สั่งอาหารหลายอย่างส่วนเย่เชียนก็มองไปที่ชิงเฟิงแล้วพูดว่า “ถ้านายไม่ฟังฉันนายก็กลับไปที่ไต้หวันซะ..นายยังจะสร้างปัญหาอะไรอีกเหรอ?”

ชิงเฟิงฉีกยิ้มและพูดว่า “ดูที่บอสพูดกับผมสิ…ผมถึงกับยอมทิ้งผู้หญิงของตัวเองเอาไว้ที่นั่นเลยด้วยซ้ำ” ชิงเฟิงนึกถึงการกลับมาประเทศจีนจนไม่ได้เจอหน้านากาจิมะชินนะ ซึ่งน้ำเสียงของเขาดูหดหู่เล็กน้อยเพราะเด็กคนนี้เป็นคนที่มักจะตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาและถึงแม้ว่าเขาจะใช้เวลากับนากาจิมะชินนะมานานแล้วก็ตามแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าชิงเฟิงไม่ได้ชอบนากาจิมะชินนะแต่เป็นเพราะนิสัยของเขาที่ชื่นชอบประสบการณ์ใหม่ๆ และถ้าหากเขาไม่สามารถระบายความรู้สึกออกมาเขาก็จะอึดอัดมาก แต่ชิงเฟิงก็ไม่ใช่คนที่หมกมุ่นอยู่กับร่างกายส่วนล่างเท่านั้นเพราะเขารักความงดงามและชอบสิ่งสวยงามรวมไปถึงผู้หญิงที่สวยงามอย่างจริงใจด้วยเช่นกัน ซึ่งบางครั้งเขาก็ไม่ได้ต้องการนอนกับพวกเธอแต่เพียงแค่อยากปกป้องพวกเธอเหมือนเพื่อนคนสนิท กล่าวอีกนัยหนึ่งคือชิงเฟิงนั้นไม่มีภูมิคุ้มกันต่อผู้หญิงสวยๆ และมักจะแพ้ให้กับผู้หญิงสวยๆ เสมอ

“คุณคะ..ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรหรอคะ? ” สาวเสิร์ฟถามอย่างประหม่า

เย่เชียนก็ถึงกับผงะไปชั่วขณะและมองไปที่เธอด้วยความประหลาดใจเพราะเย่เชียนไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้ถามชื่อคนที่เป็นลูกค้าอย่างเขา “คุณถามทำไม..อาหารผมก็สั่งไปแล้วเพราะงั้นคุณก็ไปส่งออเดอร์เถอะ” เหอปิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ ถึงแม่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าพนักงานสาวเสิร์ฟถามทำไมหรือว่าจะเป็นอย่างที่ชิงเฟิงพูดว่าเธอชอบเย่เชียน แต่การที่เย่เชียนเป็นถึงหุ้นส่วนของเจ้านายของเขาและแขกคนสำคัญเช่นนี้ดังนั้นเขาจะปล่อยให้แขกของเขาถูกรบกวนได้อย่างไร?

“ไม่เป็นไรๆ ” เย่เชียนโบกมือและพูดด้วยรอยยิ้ม “ผมชื่อเย่เชียน”

พนักงานสาวเสิร์ฟก็ตกใจอย่างเห็นได้ชัดแต่เธอก็ฟื้นคืนสติได้อย่างรวดเร็วและพูดว่า “ขอโทษค่ะ..ฉันคุ้นหน้าคุณเล็กน้อยและคิดว่าคุณเป็นเพื่อนของฉัน..ฉันขอโทษฉันจำผิด”

“ไม่เป็นไร! ” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่าพนักงานสาวเสิร์ฟนั้นไม่เก่งในการอำพรางอารมณ์ของเธอ ซึ่งเย่เชียนนั้นก็ไม่ใช่คนโง่ดังนั้นจึงไม่มีทางที่จะไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้กำลังโกหกเพราะเห็นได้ชัดว่าสิ่งที่พนักงานสาวเสิร์ฟพูดนั้นค่อนข้างไม่จริงใจ แต่เย่เชียนก็ไม่เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไรแต่เมื่อดูจากสีหน้าที่ดูตกใจในตอนนี้หรือเธอจะเป็นลูกน้องของฮัวซงเจี๋ย? หรือฮัวซงเจี๋ยจะรู้แล้วว่าตัวเองมาที่มณฑลเหอหนานแล้ว? เย่เชียนคิดอย่างลับๆ เย่เชียนคิดว่ามันเป็นไปได้เพราะนี่คือภัตตาคารที่อยู่ภายใต้การดูแลของฮัวซงเจี๋ยดังนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนเหล่านี้จะเป็นคนของเขา

“ท่านสุภาพบุรุษทั้งสามกรุณารอสักครู่..เดี๋ยวอาหารจะถูกนำมาเสิร์ฟค่ะ! ” หลังจากที่พนักงานสาวเสิร์ฟพูดด้วยความเคารพเธอก็หันหลังและเดินออกจากห้องส่วนตัวไป

“บอส! ” ชิงเฟิงแค่อยากจะพูดแต่เย่เชียนโบกมือเพื่อขัดจังหวะเขา เห็นได้ชัดว่าชิงเฟิงก็เห็นว่าการแสดงออกของพนักงานสาวเสิร์ฟค่อนข้างแปลกและถึงแม้ว่าชิงเฟิงมักจะดูไร้สาระแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเด็กคนนี้ไม่มีสายตาในการมองสถานการณ์ต่างๆ

ในเขี้ยวหมาป่านั้นชิงเฟิงเชี่ยวชาญในด้านอุปกรณ์และอาวุธสงครามมากที่สุด ตราบใดที่ปืนอยู่ในมือเขาล่ะก็ชิงเฟิงมักจะสามารถถอดและประกอบได้อย่างรวดเร็วเพียงแค่เหลือบมองและไม่เพียงแค่มีความจำดีเท่านั้นแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสังเกต ดังนั้นชิงเฟิงจะไม่เห็นสีหน้าที่ดูตกตะลึงของหญิงสาวคนนั้นได้อย่างไร

อย่างไรก็ตามเย่เชียนนั้นไม่ต้องการให้เหอปิงรู้มากเกินไปเพราะท้ายที่สุดเย่เชียนก็ยังไม่รู้ว่าตอนนี้การแสดงออกของพนักงานสาวเสิร์ฟนั้นหมายถึงอะไร ซึ่งเย่เชียนก็สนใจการกระทำของพนักงานเสิร์ฟคนนี้เล็กน้อย

ใช้เวลาไม่นานนักในการเสิร์ฟอาหารทั้งหมด เย่เชียนก็ไม่ได้สนใจพนักงานเสิร์ฟอีกต่อไปและกินอาหารและคุยกับเหอปิง แต่สิ่งที่เย่เชียนไม่คาดคิดก็คือเหอปิงเป็นคนที่มีมารยาทดีอย่างมาก ซึ่งเขาดื่มไวน์ขาวมากแต่สีหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลงไป

หลังจากดื่มไวน์ไปสามแก้วเย่เชียนก็ขยิบตาให้ชิงเฟิงและชิงเฟิงก็เข้าใจเขาจึงลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “บอส..ผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ..ผมปวดท้องมันจะราดแล้ว”

เย่เชียนก็กลอกตาไปมาและคิดว่าชิงเฟิงหาข้ออ้างดีกว่านี้ไม่ได้แล้วหรือเพราะเมื่อเขสพูดถึงห้องน้ำเขาก็แค่ไปห้องน้ำแล้วทำไมเขาถึงต้องเพิ่มประโยคนั้นเข้าไปด้วย? เมื่อมองไปที่ชิงเฟิงเย่เชียนก็พูดว่า “รีบไปซะ! ” จากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างขอโทษที่เหอปิงและพูดว่า “เด็กคนนี้เป็นแบบนี้เขาชอบพูดหยาบคายอย่าไปโกรธเคืองเขาเลย”

“คุณชิงเฟิงเป็นคนตรงไปตรงมามาก” เหอปิงพูด ซึ่งถึงแม้ว่าเขาจะตะใจเล็กน้อยกับสิ่งที่ชิงเฟิงพูดแต่เขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าคนรอบข้างเย่เชียนจะพูดหยาบคายขนาดนี้ แต่ในเมื่อชิงเฟิงเป็นคนของเย่เชียนเขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้

หลังจากมองชิงเฟิงเดินออกไปเย่เชียนต้องการถามเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ จึงพูดว่า “คุณอยู่ที่นี่มาระยะหนึ่งแล้วคุณรู้อะไรเกี่ยวกับสถานการณ์ที่นี่บ้างหรือเปล่า? ..คุณสามารถบอกผมเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ได้หรือไม่? ”

“คุณเย่อยากรู้เรื่องอะไร?” เหอปิงถาม

“อืม…ในแง่ของธุรกิจ..การทำธุรกิจที่นี่ในอนาคตมันเป็นเรื่องง่ายที่จะทำ..แต่มันก็ไม่ควรทำให้ใครขุ่นเคืองเพราะงั้นถ้าหาดไม่ชัดเจนในสิ่งต่างๆ ล่ะก็มันจัดการได้ยากในอนาคต” เย่เชียนพูด

“จริงๆ แล้วที่นี่ใครที่มีอำนาจถึงขนาดนั้นนอกจากฮัวซงเจี๋ย..เพราะเหลือก็เป็นแค่ปลาและกุ้งตัวเล็กๆ ..อย่างไรก็ตามถ้าคุณต้องการเปรียบเทียบจริงๆ ผมก็เชื่อว่าฮังซงเจี๋ยนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของประธานหลี่เลย..คุณเย่พวกเราต่างก็รู้ดีว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำธุรกิจก็คือเครือข่ายรัฐบาลนั่นเอง” เหอปิงพูด

หาต้องการพูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกลางจริงๆ นั้นหลี่จื้อเทียนอาจจะแข็งแกร่งกว่าฮัวซงเจี๋ย อย่างไรก็ตามมันไม่เพียงพอที่จะทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของรัฐบาลเท่านั้น เพราะฮัวซงเจี๋ยนั้นเป็นเจ้าถิ่นและนอกจากนี้เขายังมีคาสิโนในต่างประเทศและเป็นเจ้าของรายการพนันที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมันก็ง่ายมากที่จะใช้อิทธิพลด้านมืด แน่นอนว่าต่อให้อีกฝ่ายมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับรัฐบาลแต่ถึงยังไงมันก็ไม่มีประโยชน์หากเขาคนนั้นไม่สามารถแม้แต่จะรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ได้

อย่างไรก็ตามเนื่องจากเหอปิงพูดเช่นนี้เย่เชียนก็ไม่ได้คิดที่จะขัดเขา เพราะเดิมทีหลี่จื้อเทียนนั้นกังวลเกี่ยวกับเฝิงเฝิงราชาแห่งขุนเขาในมณฑลเจ้อเจียง แต่มณฑลเหอหนานแห่งนี้หลี่จื้อเทียนก็ไม่สามารถตัดสินใจอะไรหลายๆ อย่างได่มากนัก

เย่เชียนก็หัวเราะเบาๆ และพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก”

ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมาชิงเฟิงก็เดินเข้ามาจากข้างนอกและพยักหน้าเล็กน้อยให้กับเย่เชียนจากนั้นเขาก็เดินไปที่ที่นั่งของเขาและนั่งลงแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมไม่รู้ว่าอาหารในโรงแรมนี้คืออะไร..มันทำให้ผมท้องเสีย”

“อาจเป็นไปได้ว่าคุณชิงเฟิงเพิ่งมาถึงมณฑลเหอหนานเพราะงั้นคุณจึงยังไม่ค่อยชิน” เหอปิงยิ้มอย่างเชื่องช้าและพูด เขาทำอะไรไม่ถูกจริงๆ สำหรับความหยาบคายของชิงเฟิงเพราะเหอปิงนั้นเป็นคนที่มีการศึกษาสูงและผู้ติดต่อส่วนใหญ่เป็นคนจากชนชั้นสูงดังนั้นเขาก็มักจะพูดคุยกับคนประเภทสวมหน้ากากราวกับว่าพวกเขาสุภาพมาก

“เสร็จแล้วไปกันเถอะ! ” เย่เชียนเช็ดปากของเขาแล้วยืนขึ้นและพูด

“คุณเย่ต้องการชมทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเมืองนี้หรือเปล่า” เหอปิงถาม

“ไม่ครับ..ผมเหนื่อยหลังจากนั่งเที่ยวบินมาทั้งวัน..ไปพักผ่อนที่โรงแรมกันก่อนเถอะ..ถึงยังไงผมก็ต้องอยู่ที่นี่อีกนานเพราะงั้นเอาไว้วันหลังก็แล้วกัน..แต่ผมต้องรบกวนให้คุณเป็นไกด์ด้วยคุณจะสะดวกไหม?” เย่เชียนพูด

“ไม่แน่นอน..มันเป็นเกียรติของผมที่ได้เป็นไกด์นำเที่ยวให้กับคุณเย่” เหอปิงพูดต่อ “เชิญครับคุณเย่! ”

เมื่อออกจากภัตตาคารแล้วเย่เชียนก็เหลือบมองไปโดยไม่ได้ตั้งใจและพบว่าพนักงานสาวเสิร์ฟยังคงแอบมองเขาอยู่อย่างลับๆ และเมื่อเธอพบว่าเย่เชียนรู้ตัวแล้วเธอก็รีบก้มหน้าลงทันที อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ส่งยิ้มให้เธอเล็กน้อยจากนั้นก็ขึ้นรถและตรงไปที่โรงแรม

.

.

.

.

.

.

.