บทที่ 339 “กรี๊ด...”

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 339 “กรี๊ด…”
“วางใจเถอะ หม่ามี๊มาชัวร์ ผู้หญิงอย่างแม่เห็นลูกตัวเองโดนรังแกไม่ได้หรอก พี่รอดูได้เลย พวกเราได้เจอหม่ามี๊ที่โรงแรมแน่”

เขาทำตัวเหมือนผู้ใหญ่ จากนั้นก็ใช้ประสบการณ์ที่เคยอยู่กับผู้เป็นมารดาปลอบประโลมพี่ชาย

ชินจังได้ยิน ความกังวลในใจก็ผ่อนปรนลงนิดๆ

ทว่าเด็กน้อยทั้งสองคาดไม่ถึงว่า พวกเขาถูกส่งไปที่โรงแรม รอจนเจ้าสาวเข้างาน แต่หม่ามี๊ผู้โง่เขลาก็ยังคงไม่มาให้เห็นหน้า

เกิดอะไรขึ้น?

หรือว่าหม่ามี๊ไม่เอาลูกชายตัวเองแล้ว?

คิวคิวก็เริ่มขมวดคิ้วมุ่น

“แย่แล้ว หม่ามี๊ไปที่เรืองรองหรือเปล่า?” ทันใดนั้นเขาก็คิดถึงจุดนี้

ชินจังที่อยู่ด้านข้างได้ยินก็เบิกตากลมโต!

เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง!

โง่ขนาดนี้เลยหรือ?!!

แล้วทำไงล่ะทีนี้?แย่แล้ว เหมือนแด๊ดดี้ก็ยังไม่มา?เขาก็ไปที่เรืองรองด้วยหรือเปล่า?!!

เด็กทั้งสองคนเห็นความหวาดกลัวสะท้อนอยู่ในนัยน์ตาของอีกฝ่าย……

——

เส้นหมี่มาที่เรืองรองจริงดังคาด

เพราะเธอคิดว่า ลูกชายทั้งสองคนของเธอโดนทารุณเช่นนี้ ต้องทิ้งลูกๆไว้ที่บ้าน ไม่ให้ไปร่วมงานแต่งของเขากับผู้หญิงคนนั้นแน่

ดังนั้น เธอจึงมาที่นี่

ทว่าเมื่อเธอมาถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ที่มีดอกไม้นาๆพันธุ์เต็มสวนหย่อม มันยังคงเหมือนครึ่งปีก่อนไม่เปลี่ยน ดอกไม้งามใต้ท้องฟ้าสีคราม ตัวบ้านตั้งอยู่กลางหุบเขา และยังมีต้นไม้เก่าแก่หลายต้นขับเน้นคฤหาสน์หลังนี้ประดุจปราสาทพระราชวังไม่มีผิดเพี้ยน

ทว่าทำไมเงียบกริบเพียงนี้?

เส้นหมี่รู้สึกไม่ชอบมาพากล

ทว่าเธอไม่คิดอะไรมาก เธอกลัวผู้รักษาความปลอดภัยเห็น จึงรีบดึงหมวกแก๊ปบังหน้า จากนั้นก็เร่งฝีเท้าเข้าไปด้านหลังของสวนหย่อม

การปีนเข้าไปคือวิธีที่ดีที่สุด

เส้นหมี่กระโดดลงจากกำแพง เตรียมจะย่องเบาเข้าไปหาลูกๆที่ชั้นสอง

ในขณะเดียวกันก็มีคนเดินมาทางนี้

“ไม่ต้องย้ายของพวกนี้ไปที่กุหลาบสีรุ้งเหรอ?”

“ไม่ต้องหรอกมั้ง คุณชายไม่ได้สั่งนิ ตรงนั้นตกแต่งแต่เฟอร์นิเจอร์ใหม่ ย้ายพวกนี้ไปก็กระไรอยู่”

คล้ายกับเป็นคนรับใช้สองคน

กุหลาบสีรุ้ง?

พวกเธอกำลังหมายถึงอะไร?บ้านใหม่เหรอ?

หรือว่าพวกเขาแต่งงานกันแล้วสร้างเรือนหอใหม่?เพราะเหตุนี้ ที่นี่จึงเงียบผิดปกติ คนรับใช้สองคนนี้จึงพูดแบบนี้ ใช่ไหม?

เส้นหมี่ผู้ฉลาดปราดเปรื่องนึกถึงจุดนี้ในบัดดล

ชั่วอึดใจเดียว ใบหน้าเธอก็ซีดขาว ความทรมานระดับเกือบหายใจไม่ออกจู่โจมเข้าใส่เธอ

เธอยืนนิ่งประมาณสองนาที จากนั้นคนรับใช้สองคนก็จากไป เธอจึงปรับอารมณ์ของตัวเองใหม่ จากนั้นก็ย่องเข้าไปต่อ

ถ้าเป็นแบบนี้จริง ลูกๆจะได้อยู่ที่นี่อีกเหรอ?

สองผัวเมียข้าวใหม่ปลามันจะไม่อยู่ที่นี่ ด้วยระดับที่พวกเขารังเกียจลูกชายของเธอ ต่อไปคงไม่ให้ลูกชายของเธออยู่กับพวกเขาสิน่ะ แล้วลูกๆจะทำยังไง?

หรือจะให้พวกเขาอยู่กับปู่?

เส้นหมี่ยิ่งคิดก็ยิ่งไถลไปไกล ความทรมานใจเมื่อครู่ก็ถูกกลบเกลื่อนเรียบร้อย

“คิวคิว?ชินจัง?พวกลูกอยู่ไหน?”

“คิวคิว?”

เธอระงับเพลิงโกรธในใจ จากนั้นก็ขึ้นไปด้วยความระมัดระวัง ผลักประตูห้องแต่ละห้อง เพื่อหาตัวลูกชายทั้งสองคน

ทว่ากลับนึกไม่ถึงว่าค้นจนทั่วชั้นสองแล้ว แต่ก็ไม่เห็นเงาพวกลูกๆสองคนเลย

แปลกจังเลย พวกเขาไปไหนกันน่ะ?

เส้นหมี่รู้สึกร้อนรน เตรียมจะไปดูที่สวนหย่อมขนาดเล็กของชั้นนี้ พร้อมกันนั้นก็เหมือนจะมีเสียงคนเดินเข้ามาในคฤหาสน์หลังนี้

“ทำไมคุณถึงกลับมาครับ?ทางโรงแรมโทรมาบอกว่าคุณแครอทไปถึงแล้วครับ คุณยังไม่ไปเหรอครับ จะเริ่มพิธีแล้วนะครับ”

“รู้แล้ว จะไปเดี๋ยวนี้”

ผู้ชายมีเสน่ห์เอ่ยเสียงทุ้มต่ำ ดังลอยอยู่ในชั้นล่าง เส้นหมี่ตกใจจนหน้าซีดขาวทันที

โอ้สวรรค์ แสนรัก!

เขาจะเข้าพิธีแต่งงานกับไม่ใช่เหรอ?กลับมาเวลานี้ทำไม?

เธอตกใจจนหน้าถอดสี รีบหนีไปที่สวนหย่อม ถือโอกาสที่คนนี้ยังไม่มา เธอรีบปิดประตูดัง“ปัง”

น่ากลัวมาก เธอจะให้เขาเห็นไม่ได้ ไม่งั้นเธอต้องตายแน่

เส้นหมี่ไม่เคยกลัวอะไรเท่านี้มาก่อน

คนที่กลับมาจากด้านนอกคือแสนรักจริงๆ

วันนี้เป็นวันหมั้นของเขากับแครอท แต่ตอนนี้เขาพึ่งกลับจากบริษัท ถือกระเป๋าเอกสารใบหนึ่ง ด้านหลังไม่มีช่างแต่งหน้าสักคน

เขาเตรียมจะเปลี่ยนเสื้อสูทสักตัวแล้วไป

ทว่าเมื่อเขาเดินมาถึงชั้นสองก็พบสิ่งผิดปรกติ

อย่างเช่น ลูกๆไปแล้วน่าจะปิดประตูห้อง

และอย่างเช่น ไม่ใช่กลิ่นฆ่าเชื้อที่ตลบอบอวลกลางอากาศ

เขาหรี่ตาขึ้น

เส้นหมี่อยู่ด้านในห้องแบบไม่กล้าหายใจแรงๆ

โชคดีที่เธอหลบอยู่ด้านในไม่นาน เพราะคนรับใช้เตือนผู้ชายคนนี้ บวกกับไม่มีเวลามาก ดังนั้นเธอจึงได้ยินเสียงฝีเท้าเดินไปบนชั้นสาม จากนั้นก็เดินลงไปด้วยความเร่งรีบ

ในที่สุดก็ไปได้เสียที

เส้นหมี่จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

รีบวิ่งไปที่ประตูห้อง เธอคิดจะออกไปให้ไวที่สุด

“กร๊ด”

เสียงกรีดร้องลอยออกจากลูกคอเธอด้วยไม่รู้ตัว และเสียงก็ดังกังวานทั่วทั้งชั้นสอง