ตอนที่ 2046 วิธีการฟื้นคืนชีพหงหลวน (4) / ตอนที่ 2047 ไป๋หลิงผ่านด่านเลื่อนระดับ (1)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 2046 วิธีการฟื้นคืนชีพหงหลวน (4)

ดวงตาของอวิ๋นลั่วเฟิงมืดครึ้ม นางมาช้าไปจริงๆ ไม่อย่างนั้นหงหลวนก็คงไม่ตาย

“แต่หากว่าถ้าในอนาคตท่านแข็งแกร่งพอ ท่านก็สามารถไปดึงตัวนางกลับจากปรโลกได้! เมื่อถึงเวลานั้นท่านก็จะสามารถฟื้นคืนชีพนางได้ แต่ว่าต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าวิญญาณของนางยังไม่ดับสลาย ไม่อย่างนั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่จะชุบชีวิตนาง ไม่ว่าท่านจะทรงพลังสักแค่ไหนก็ตาม!”

“ตามที่เจ้าอธิบาย ข้าจะสามารถชุบชีวิตท่านพ่อได้หากข้าแข็งแกร่งพองั้นหรือ”

อวิ๋นลั่วเฟิงได้ถามชายชราเกี่ยวกับเรื่องของไป๋หลิงและอวิ๋นหยาง อวิ๋นหยางตายแล้วจริงๆ และศพของเขาในตอนนั้นก็ไม่เสียหาย ทำให้ชายชราสามารถระบุตัวตนของเขาได้ตั้งแต่แรก

ส่วนไป๋หลิง…มีศพของสตรีผู้หนึ่งอยู่ภายในสุสานบรรพบุรุษของตระกูลอวิ๋น แต่ศพนั่นไม่สามารถระบุตัวตนได้เลย ร่างของนางคล้ายกับไป๋หลิงและบังเอิญนอนอยู่ไม่ไกลจากร่างของอวิ๋นหยาง ชายชราจึงคิดว่าศพสตรีผู้นั้นคือไป๋หลิง จนกระทั่งตอนนี้ เขาถึงได้รู้ว่าตัวเองคิดผิด แต่ถึงอย่างนั้นอวิ๋นหยางก็ตายแล้วแน่นอน!

เสี่ยวโม่มองอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วส่ายหน้า “ข้าขอให้ท่านเก็บรักษาศพของหงหลวนก็เพราะยังมีโอกาสที่จะชุบชีวิตนาง แต่ว่าศพของอวิ๋นหยางกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้วและท่านก็ไม่สามารถฟื้นคืนชีพเขาได้”

“แล้วถ้าชุบชีวิตเขาโดยใช้ร่างอื่นล่ะ” อวิ๋นลั่วเฟิงถาม

“เป็นไปไม่ได้” เสี่ยวโม่ตอบอย่างหมดหนทาง “เงื่อนไขนั้นยากเย็นเกินไป ท่านต้องบังเอิญเจอศพที่เหมาะสมพอดีกับวิญญญาณของท่าน ท่านถึงจะสามารถฟื้นคืนชีพในแผ่นดินนี้ได้ ถ้าเงื่อนไขไม่เหมาะสมก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย และต่อให้ทำสำเร็จก็ยังสร้างผลสะท้อนกลับที่รุนแรงจนแม้แต่วิญญาณก็อาจจะแตกสลายได้!”

อวิ๋นลั่วเฟิงถอนหายใจเบาๆ ดูเหมือนว่าการชุบชีวิตให้หอวิ๋นหยางจะเป็นไปไม่ได้จริงๆ

“นายหญิง ท่านรู้หรือไม่ว่าโลกใบนี้มีโลกหลังความตายอยู่” เสี่ยวโม่พูดต่อ “อย่าถามข้าว่าจะไปได้อย่างไร แต่ข้าบอกท่านได้ว่ามีเพียงวิญญาณเท่านั้นที่สามารถไปปรโลกได้ เมื่อกายเนื้อเข้าไปใกล้โลกนั้นก็จะหายไปทันที ท่านจะรู้ทางไปก็ต่อเมื่อท่านตายแล้วเท่านั้น มนุษย์ที่ยังมีชีวิตไม่มีทางรู้เส้นทาง และวิญญาณของโลกหลังความตายก็ออกมาไม่ได้”

เสี่ยวโม่สังเกตเห็นสีหน้ามืดครึ้มของอวิ๋นลั่วเฟิงและพูดต่อ “แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ จริงอยู่ว่าวิญญาณในปรโลกตามปกติอาจออกมาไม่ได้ แต่ก็มีวิธีออกมาอยู่เหมือนกัน ซึ่งก็คือถ้าพวกเขาผ่านด่านเลื่อนระดับเป็นผู้ฝึกฌานขั้นเซียนจักรพรรดิ พวกเขาก็จะสามารถเดินทางมาที่แผ่นดินนี้ได้!”

“ผู้ฝึกฌานขั้นเซียนจักรพรรดิงั้นหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้วถาม

เสี่ยวโม่พยักหน้า “ท่านอย่าคิดว่าการเป็นผู้ฝึกฌานขั้นเซียนจักรพรรดิจะง่ายดาย ปรโลกเป็นที่ที่ไม่เหมาะกับการฝึกพลังฌานอย่างที่สุด เงื่อนไขที่จะผ่านด่านยากลำบากกว่าโลกภายนอกมาก นอกเสียจากว่าท่านจะโชคดีผ่านด่าน บางคนแม้ชั่วชีวิตก็ไม่อาจผ่านด่านนั้นได้”

อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ถามต่อแล้วลุกขึ้นยืนช้าๆ ก่อนจะพูดว่า “สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการจัดการพิษในร่างของท่านแม่ของข้าให้หมด วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายในการขับพิษแล้ว…”

ยิ่งไปกว่านั้นการผ่านด่านของนางก็ใกล้เข้ามาแล้ว

อวิ๋นลั่วเฟิงมองสตรีในชุดสีแดงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่มุ่งมั่น “หงหลวน ต่อให้โอกาสจะริบหรี่สักเท่าไรข้าก็จะฟื้นคืนชีพเจ้าให้ได้! ข้าจะไม่มีทางและไม่มีวันปล่อยให้เจ้าเดินเร่ร่อนอยู่ในปรโลกที่เย็นเยียบเพียงลำพัง…”

พูดจบนางก็ไม่มัวแต่อ้อยอิ่งแล้วเบนสายตาออกจากหงหลวน พริบตาต่อมา ร่างสีขาวของนางก็หายไปท่ามกลางทุ่งสีเขียวขจีทันที…

…………………………………..

ตอนที่ 2047 ไป๋หลิงผ่านด่านเลื่อนระดับ (1)

ไป๋หลิงรออวิ๋นลั่วเฟิงอยู่ในห้องอยู่แล้ว และเมื่อเห็นคนทั้งสองเข้ามา รอยยิ้มบางก็ปรากฏบนใบหน้างดงามของนาง

“เฟิงเอ๋อร์ เสี่ยวเอ๋อร์ เจ้ามาแล้ว”

อวิ๋นลั่วเฟิงพยักหน้า “วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายสำหรับการขับพิษของท่านแล้ว หลังจากวันนี้ พิษในร่างของท่านก็จะหายไปจนหมด แต่ว่าข้าสัมผัสได้ว่าท่านใกล้จะผ่านด่านเต็มทีแล้ว หากใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ ไม่แน่ท่านอาจจะเลื่อนเป็นผู้ฝึกฌานขั้นเซียนจักรพรรดิได้”

ร่องรอยประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาของไป๋หลิง การสลายพิษได้ก็อยู่เหนือความคาดหมายของนางแล้ว แต่นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่านางจะสามารถผ่านด่านเลื่อนขั้นเป็นเซียนจักรพรรดิ!

“อวิ๋นเซียว” อวิ๋นลั่วเฟิงหันไปหาอวิ๋นเซียว “ช่วยข้าสนับสนุนให้ท่านแม่ผ่านด่าน ข้าจำเป็นต้องใช้ยอดฝีมือขั้นเซียนจักรพรรดิสองคนเพื่อช่วยนางอยู่ข้างๆ”

อวิ๋นอี้ถูกส่งไปที่แคว้นเฟิงอวิ๋น จึงเหลือผู้ฝึกฌานขั้นเซียนจักรพรรดิอยู่ข้างนางเพียงสองคนก็คือเสี่ยวฉงกับอวิ๋นเซียว…

ครั้งนี้การรักษาไม่ได้จบเร็วเหมือนครั้งก่อน และอวิ๋นลั่วเฟิงก็ปิดด่านอยู่ในห้องหลายวัน

แต่ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้รู้ว่าช่วงสองสามวันนี้ตระกูลฉินส่งกองกำลังมาอีกครั้งในขณะที่นางกำลังรักษาไป๋หลิง ครั้งนี้พวกเขามาเพื่อให้เผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์และตระกูลจวินมอบตัวอวิ๋นลั่วเฟิงมา!

บนยอดเขาที่อยู่เหนือก้อนเมฆซึ่งเป็นที่ตั้งของเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ ทั่วทั้งฟ้าก็มืดทึบและขมุกขมัว บุรุษจำนวนนับไม่ถ้วนเดินอยู่บนท้องฟ้าและยังรวมตัวกันอย่างหนาแน่นยิ่งกว่าเมฆทึบพวกนี้เสียอีก!

ผู้นำของกองกำลังเป็นบุรุษหล่อเหลาผู้หนึ่งที่มีท่าทางหยิ่งยโส

“เป็นเขา!” ผู้อาวุโสชุดเทาของเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์จำบุรุษผู้นี้ได้ นางรู้สึกตื่นตัวขณะที่ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธและความเกลียดชัง “เขาเป็นคนที่พาหัวหน้าเผ่าของเราไปเมื่อตอนนั้น!”

“เจ้ากำลังจะบอกว่าคนชั่วผู้นี้เป็นคนเอาตัวท่านแม่ไปงั้นหรือ” ลมหายใจของหลินรั่วไป๋ไม่ปกติเพราะความเดือดดาล ขณะที่ใบหน้าคล้ายตุ๊กตาของนางแผ่เปลวไฟแห่งความโกรธออกมา

บุรุษผู้นั้นกวาดสายตามองคนที่อยู่ด้านล่าง เมื่อเขาสังเกตเห็นใบหน้าบอบบางและน่าเอ็นดูของหลินรั่วไป๋ก็ตะลึงไป แต่ไม่นานก็กลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง

“เอาตัวอวิ๋นลั่วเฟิงออกมาซะ ไม่อย่างนั้นตระกูลฉินจะทำลายเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์!” บุรุษผู้นั้นยกมือขึ้นเล็กน้อยพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงโอหัง

เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะสถานที่ที่ถูกพระเจ้าทอดทิ้งแบบนี้จะมีคนที่สามารถสังหารผู้ฝึกฌานขั้นเซียนสวรรค์ได้ ดังนั้นเขาจึงถูกบังคับให้ต้องมาที่นี่ด้วยตัวเอง!

“ฝันไปเถอะ!” จวินหลิงเทียนยืดอกแล้วก้าวออกมา “เจ้าต้องข้ามกระดูกแก่ๆ ของข้าไปก่อนถึงจะแตะต้องตัวหลานสาวข้าได้!”

คนอื่นๆ เองก็เดินตามกันออกมา เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าหวาดหวั่นก็ไม่มีใครขลาดกลัว ด้วยเหตุผลเดียวก็คือมีใครบางคนที่พวกเขาต้องการปกป้องอยู่ในเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์…

“ดูเหมือนว่าสตรีที่ชื่ออวิ๋นลั่วเฟิงคนนั้นจะกลับมาแล้ว” บุรุษสง่างามผู้นี้หัวเราะเบาๆ และเสียงหัวเราะของเขาก็เต็มไปด้วยการเยาะเย้ยถากถาง “ในเมื่อนางหดหัวอยู่กระดอง ถ้าอย่างนั้นข้าก็ต้องใช้กำลังบังคับนางออกมา!”

ฉินหยวนกวาดสายตามองทุกคนแล้วยกมือขึ้น จากนั้นพลังมหาศาลก็ถูกปล่อยลงมา ร่างของผู้เฒ่าจวินกระเด็นลอยออกไปขณะที่เลือดสาดกระจายลงมาจากท้องฟ้า

แต่…ฉินหยวนไม่ได้จบชีวิตอีกฝ่าย เขาแค่ต้องการทรมานคนพวกนี้จะได้บังคับให้อวิ๋นลั่วเฟิงเผยตัวออกมา! ถ้าเขาสังหารคนพวกนี้ก็จะดูไม่น่าสนใจไม่ใช่หรือ

“ใครคือครอบครัวของอวิ๋นลั่วเฟิง” ฉินหยวนยิ้มเยาะแล้วกวาดตามองไปทั่วฝูงชน