บทที่ 1582+1583

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1582 นางในยามเมามาย

น้ำนี่เป็นการวางยาพิษสังหารเธอใช่ไหม? ถ้าเธอดื่มน้ำถ้วยนี้เข้าไปจะสูญเสียตัวตนไปหรือเปล่า? จะกลายเป็นคนอื่นไหม?

เธอยื่นมือไปปัดน้ำถ้วยนั้นทิ้งทันที!

เกิดเสียงดัง ‘เพล้ง’ เธอได้ยินเสียงถ้วยแตกเป็นเสี่ยง แต่เมื่อกะพริบตาอีกที ถ้วยใบนั้นก็หายไปแล้ว…

เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก ย่ำเท้าตะลุยทางพลางร้องเพลงต่อไป

หลานเหยากวงได้จัดเตรียมห้องนอนไว้ให้กู้ซีจิ่วโดยเฉพาะ

การตกแต่งภายในห้องนอนเป็นลักษณะแบบที่หลานจิ้งเคอเคยชื่นชอบ แต่ภายหลังได้เปลี่ยนเป็นลักษณะแบบที่กู้ซีจิ่วชอบแทน

เป็นอันชัดเจนยิ่งนัก ไม่ว่ายามไหนกู้ซีจิ่วก็ไม่อยากสูญเสียความเป็นตัวเองไป

คล้ายว่านางต้องการยืนยืนด้วยสารพัดลู่ทางว่านางเป็นแค่กู้ซีจิ่วเท่านั้นมิใช่หลานจิ้งเคอ…

ตี้ฝูอีมองการตกแต่งภายในตำหนักบรรทมแวบเดียวก็เข้าใจแนวคิดของนางแล้ว หลังจากเขาอุ้มกู้ซีจิ่วเข้ามาก็วางนางลงบนเตียง ต่อมาก็นั่งฟังนางร้องเพลงอยู่ข้างกายนาง…

กู้ซีจิ่วยามเมามายเขามีวาสนาได้พบพานอยู่หนหนึ่ง ดังนั้นไม่ว่ายามนี้นางจะกระทำเรื่องใดออกมาเขาก็ไม่รู้สึกว่าแปลกใจเท่าไหร่แล้ว

เพลงนี้ที่นางร้องเขาก็เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก ฟังได้ไม่กี่ประโยคก็รู้สึกว่าหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกอย่างยิ่ง

แต่หลังจากฟังจนจบแล้ว เขากลับคล้ายว่าได้รับความสะเทือนใจเข้า ดวงตาฉายแววปวดร้าว นั่งอยู่ข้างกายนาง หลุบตามองนางที่นอนร้องรำทำเพลงอยู่ตรงนั้น…

นางร้องอย่างเต็มที่นัก ร้องจนเสียงแหบแห้ง ยามที่คนเราเมามายย่อมร้องเพลงผิดทำนองเป็นธรรมดา ส่วนใหญ่แล้วเสียงเพลงนี้จึงค่อนข้างเสียดหูจริงๆ

ระหว่างทางมาหูของชาวเงือกที่ชื่นชอบเสียงเพลงต่างได้รับมลพิษไปมากมาย…

เคราะห์ดีว่าหลังจากตี้ฝูอีเข้ามาก็ติดตั้งเขตแดนไว้ในตำหนักหลังนี้ เสียงในห้องล้วนไม่เล็ดลอดออกไป เพลงนี้ของนางมีเพียงเขาคนเดียวที่ได้ยิน

เขาฟังจนเข้าสู่ภวังค์ เสมือนเคลิบเคลิ้มมัวเมา ราวกับนี่คือเสียงสวรรค์ที่ไพเราะที่สุดในโลก

บทเพลงที่นางขับขานไม่ว่าจะไพเราะหรือยากจะฟังได้ เขาล้วนชอบฟังทั้งนั้น แต่เขาทราบดีว่าโอกาสที่เขาจะได้ฟังนางร้องเพลงเหลือไม่มากแล้ว บางทีนี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้าย…

และเขาก็ทราบว่าในใจนางมีความอึดอัดคับข้องสะสมอยู่มากมายเหลือเกิน จำเป็นต้องระบายออกมา จึงให้นางใช้ช่วงที่เมามายระบายอารมณ์ออกมา ป้องกันไม่ให้ถูกธาตุไฟเข้าแทรก

ผลลัพธ์ที่ตามมาคือนางร้องจนเสียงแหบเสียงแห้ง เขาจึงเทน้ำให้นางถ้วยหนึ่ง ใส่น้ำตาลลงในน้ำ เป็นน้ำตาลดอกกุ้ยฮวาที่นางเคยชอบที่สุด

บางทีอาจเป็นเพราะชีวิตนางได้ลิ้มรสชาติขมขื่นมากเกินไป ดังนั้นนางจึงชอบรสหวาน เหมือนเด็กเล็กๆ คนหนึ่ง

ถ้วยน้ำจ่อชิดริมฝีปากนาง เขาเกลี้ยมกล่อมนางด้วยเสียงอ่อนโยน กล่อมให้นางดื่มน้ำ อยากให้คอนางได้ชุ่มชื่นบ้าง

เริ่มแรกนางหลบเลี่ยงด้วยความระแวง จากนั้นก็ปัดน้ำทิ้งทันที!

ถ้วยน้ำหล่นลงพื้นแตกเป็นเสี่ยง น้ำก็สาดใส่ร่างของตี้ฝูอี ทำให้อาภรณ์เขาชุ่มโชกไปกึ่งหนึ่ง

เขาตะลึงงันอยู่ครู่หนึ่ง จรดนิ้วร่ายคาถา คิดจะใช้คาถาชำระล้างทำให้เสื้อผ้าบนร่างตนแห้ง แต่ทำมุทราไปได้ครึ่งทางก็หยุดลงอีกครั้ง ปล่อยให้อาภรณ์เปียกชุ่มแนบลู่ผิวกาย เหน็บหนาวเข้าไปถึงกระดูก

ดูเหมือนนางจะตกอยู่ในฝันร้าย ตะโกนร้องเพลงอยู่ตลอด เสียงแหบพร่าขึ้นเรื่อยๆ…

ดูเหมือนนางจะค่อนข้างหวาดกลัว ร่างกายแข็งทื่อด้วยความประหม่า

ตี้ฝูอีขมวดคิ้วเล็กน้อย เตรียมน้ำแกงสร่างเมาถ้วยหนึ่งให้นางอีกครั้ง จ่อเข้าที่ริมฝีปากนาง

นางยังคงไม่ยอมอ้าปาก ปัดมันทิ้งอีกครั้ง…

ต่อให้ตกอยู่ในฝันร้ายนางก็จะไม่เชื่อใจผู้ใดแล้ว ไม่เชื่อใจเขาอีกต่อไป

ตี้ฝูอียืนอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง คล้ายจะนึกอะไรขึ้นได้ จึงเรียกน้ำแกงสร่างเมาออกมาอีกถ้วยหนึ่ง ยามที่ส่งให้ถึงริมฝีปากนางเขาเขาก็ตั้งใจเก็บงำกลิ่นอายบนร่างตนไว้โดยเฉพาะ

นางไม่ต่อต้านอีกต่อไปแล้วจริงๆ เพียงแต่ยังไม่ยอมอ้าปากเช่นเคย

ตี้ฝูอีถอนหายใจ ปรับเปลี่ยนเส้นเสียง ยามที่เปล่งวาจาอีกครั้งก็เป็นน้ำเสียงเหมือนจิ้งจอกน้อยหลานไว่หู “ซีจิ่ว นี่เป็นน้ำแกงสร่างเมา มาเถอะ ดื่มมันเสีย”

————————————————————————————-

บทที่ 1583 ให้ตัวเองเข้มแข็งไว้…

กู้ซีจิ่วตะลึงไปชั่วขณะก่อน ดวงตาภายใต้เปลือกตากลอกหมุน คล้ายจะตามหาผู้เอ่ยวาจาอยู่ในความฝัน…

มือนางยกขึ้นมาช้าๆ เหมือนต้องการจะคว้าบางอย่าง แต่กลับขัดขืนอีกครั้ง

ตี้ฝูอียื่นมือไปจับแขนข้างนั้นของนางไว้ ร่างนางพลันแข็งทื่อ ประสานมือกับเขาตามความเคยชิน…

การจับมือเช่นนี้สำหรับคนทั้งสองแล้ว เป็นท่าทางที่คุ้นเคยที่สุด แทบจะกลายเป็นนิสัยตามธรรมชาติไปแล้ว ทันทีที่มือประสานกันเขาก็ทึ่มทื่อปานน้ำเข้าสมอง มึนงงไปชั่วขณะ

นิ้วมือเกาะเกี่ยวกันตามความเคยชิน หัวแม่มือแนบชิดเคียงกัน ดั่งยวนยางไขว้คอร่วมเรียงเคียงคู่

นางบอกว่าความคิดเขาล้ำลึกเกินไป มีแต่ต้องกุมมือกันไว้เช่นนี้ถึงจะสามารถอ่านความคิดของเขาได้ ถึงจะทราบถึงความอาวรณ์ที่เขามีต่อนาง ถึงจะทำให้นางรู้สึกปลอดภัย

ด้วยเหตุนี้คนทั้งสองจึงเคยชินที่จะกุมมือกันเช่นนี้ จับมือกันเดินเช่นนี้มาแปดปีแล้ว…

หลายปีมานี้เขากับนางฝ่าฝันอุปสรรคขวากหนามกันมานับไม่ถ้วน ใจสื่อถึงกัน มีหลายช่วงที่ไม่จำเป็นต้องพูด ไม่ต้องใช้สัญญาณ เพียงกุมมือกันไว้สักครู่ ก็สามารถเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายได้กระจ่างแล้ว…

ระยะเวลาแปดปีสำหรับชีวิตที่ยืนยาวของเขาแล้วเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ทว่าเป็นแปดปีที่ชีวิตเขามีสีสันที่สุด เป็นตัวของตัวเองที่สุด ราวกับความกระตือรือร้นทั้งชีวิตของเขาได้ปลดปล่อยออกมาในช่วงแปดนี้หมดแล้ว

ยามนี้เขากุมมือไว้เช่นนี้อีกครั้ง จะสามารถทำให้นางที่อยู่ในห้วงฝันไม่หวาดผวา ไม่หวาดกลัวอีกต่อไปได้หรือไม่? จะสามารถฉุดดึงนางออกมาจากโคลนตมในฝันร้ายได้ไหม?

ที่เขาคาดไม่ถึงก็คือ สองมือเพิ่งประสานกันได้ไม่กี่วินาที นางก็ชักมือกลับไปทันทีประหนึ่งถูกไฟลวก!

นางชักกลับไปอย่างรวดเร็วร้อนรน ราวกับว่าถ้าดึงกลับไปช้าสักนิด นางจะถูกอีกฝ่ายสังหารโดยไม่เหลือศพไว้ในสภาพสมบูรณ์…

เขาหลุบตามองฝ่ามือที่ว่างเปล่าครู่หนึ่ง สายตาวกกลับไปที่ดวงหน้าพริ้มเพราของนางอีกครั้ง

นางยังคงหลับตาแน่น ดวงตาภายใต้เปลือกตากลอกหมุนอยู่เนืองๆ ราวกับต้องการให้ตนฟื้นขึ้นมาอย่างยิ่งทว่าทำไม่ได้ เม้มริมฝีปากแน่น คล้ายว่านางกำลังหวาดกลัวอะไรอยู่ ทว่าฝืนบังคับให้ตัวเองเข้มแข็งไว้…

นางตกอยู่ในห้วงฝันร้ายแล้ว

หากว่าเพียงร้องเพลงอยู่ในความฝัน จะช่วยระบายความอึดอัดคับข้องในอกนางได้ แต่ถ้าตกสู่ห้วงฝันร้าย กลับจะเป็นอันตรายต่อร่างกายของนาง

เขายื่นมือไปคลายมนต์หลับใหลบนร่างนางออก คิดจะให้นางตื่นขึ้นมา

แต่ครั้งนี้ห้วงฝันของนางลึกล้ำเกินไป เขาเรียกนางต่อเนื่องกันหลายครั้ง นางก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาเลย กลับขดกายแน่นเหมือนหอยกาบ

เขาขมวดคิ้ว สถานการณ์แบบนี้มิใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น เมื่อก่อนก็เคยเกิดขึ้น นางติดอยู่ในฝันร้ายเกือบบจะออกมาไม่ได้แล้ว!

เป็นเพียงการเมามายธรรมดา เหตุนางถึงเป็นเช่นนี้ไปได้?

ตี้ฝูอีไม่สนใจการดิ้นรนของนางฉุดนางให้ลุกขึ้นนั่งทันที ไม่กรอกน้ำแกงสร่างเมาให้นางแล้ว บังคับให้นางนั่งนิ่งๆ ตรงหน้าตน ใช้พลังวิญญาณสลายฤทธิ์สุราในร่างนาง

ถึงแม้วิธีนี้จะสิ้นเปลืองพลังวิญญาณอย่างยิ่ง แต่ก็เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด ขอเพียงนางให้ความร่วมมือสักครู่ ก็สามารช่วยสลายฤทธิ์สุราให้นางอย่างสมบูรณ์ได้แล้ว

แต่กู้ซีจิ่วกลับดูเหมือนจะตื่นตระหนก ดิ้นรนขัดขืนอยู่ภายใต้ฝ่ามือของเขาอย่างสุดชีวิต

ปฏิกิริยาที่รุนแรงเช่นนี้ของนางทำให้ตี้ฝูอีตกตะลึง รีบคล้ายมือออก ให้นางนอนลงไปอีกครั้ง นางไม่ร้องเพลงต่อแล้ว เพียงนอนตัวแข็งทื่อ ในฝ่ามือกลับเรียกกระบี่คมกริบออกมา ตั้งท่าป้องกันไว้ตรงอก ราวกับเม่นที่เต็มไปด้วยความระแวง…

ตี้ฝูอีนิ่งงัน

ทันใดนั้นดูเหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้ พลันกำมือแน่น!

เป็นเขาสะเพร่าไปแล้ว!

ดวงวิญญาณของนางเพิ่งกลับสู่ร่างนี้ได้ไม่นาน ยังประสานกันได้ไม่สมบูรณ์ ประกอบกับร่างนี้ของนางเดิมทีถูกเขาลงอาคมไว้ ถ้านางต้องการจะประสานเป็นหนึ่งเดียวกับร่างนี้อย่างสมบูรณ์ก็ต้องงดดื่มสุราอย่างเด็ดขาด…

————————————————————————————-