เสียงฆ่าฟันในจวี่เค่อโหลวดังสนั่น เหมือนมีเพียงไม่กี่คนที่ปรากฏตัว แต่กลับทำให้เซิ่งเหอเซิ่งกับแก๊งมังกรลำบากจนถึงขั้นนี้
ความจริงแล้ว ภายในจวี่เค่อโหลวนั้น มีคนของเซิ่งเหอเซิ่งกับแก๊งมังกรอยู่สามสิบกว่าคน จริงๆ มันไม่ควรปล่อยให้คนเพียงไม่กี่คนบุกเข้ามาง่ายๆ แบบนี้
แต่พวกเขาแค่ส่งลูกพี่มาร่วมงานเลี้ยงก็เท่านั้น คาดไม่ถึงว่าจะมีใครใจกล้ามาหาเรื่องถึงตรงนี้
ตอนนี้เซิ่งเหอเซิ่งกับแก๊งมังกรยังไม่ได้ตกลงว่าจะร่วมมือกันอย่างเป็นทางการ สถานการณ์จึงออกมาค่อนข้างวุ่นวายยากที่จะร่วมมือกันสวนกลับอย่างมีประสิทธิภาพได้
บวกกับคนที่หลิวชิงพามาต่างก็เป็นนักสู้ระดับหัวแถวของแก๊งไผ่เขียวทั้งนั้น ต่างเป็นคนเก่งที่สามารถสู้กับสองคนขึ้นไป ทำเอาลูกน้องของเซิ่งเหอเซิ่งกับแก๊งมังกรพ่ายแพ้ไปตามๆ กัน โดยไม่สามารถต่อกรได้เลย
ไม่ใช่แค่ประตูหน้า แม้ทางประตูหลังก็มีคนโจมตีมาอย่างกะทันหันเหมือนกัน และคนที่นำทีมนอกจากเชิ่งหู่แล้วจะเป็นใครได้อีก?
การต่อสู้ในคืนนี้มันส่งผลต่อการอยู่รอดของทั้งสองแก๊งในอนาคต มีหรือที่เชิ่งหู่กับหลิวชิงจะลังเล หลังจากปิดตายประตูหน้าประตูหลังแล้ว ก็ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะขังหลงเจี้ยนหัวไว้ในนี้ให้ได้
ช่วงเวลาหนึ่ง ภายใต้การปิดล้อมจากหน้าหลังของเชิ่งหู่กับหลิวชิง คนของเซิ่งเหอเซิ่งกับแก๊งมังกรก็ไม่สามารถออกจากจวี่เค่อโหลว ทำได้แค่ล่าถอยไปข้างบน
“พี่ใหญ่! แย่แล้ว! เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วครับ!”
ลูกน้องของเซิ่งเหอเซิ่งวิ่งแตกตื่นไปชั้นสามของจวี่เค่อโหลว กระแทกประตูเข้ามาอย่างแรง ยังไงก็มีคนนอกอย่างหลงเจี้ยนหัวอยู่ด้วย การที่ลูกน้องทำตัวแตกตื่นแบบนี้ มันจึงทำให้หนิงหยวนรู้สึกไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่
“แตกตื่นอะไร? ทำตัวดีๆ หน่อย! เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ลูกน้องคนนั้นทำห้าร้อนรน พูดตะกุกตะกักว่า “พี่ใหญ่ แย่แล้ว ประตูหน้าประตูหลังของจวี่เค่อโหลวถูกคนล้อมไว้หมดแล้ว!”
“ว่าไงนะ!?”
ไม่รอให้หนิงหยวยได้ทันตั้งสติ จูยิ่วฟานก็ชิงตกใจจนส่งเสียออกมาก่อน เขาตั้งใจเลือกจวี่เค่อโหลวแห่งนี้ ไม่นึกเลยว่าจะยังเกิดเรื่องอยู่ดี
ไม่ใช่แค่จูยิ่วฟานกับหนิงหยวนเท่านั้น แม้แต่หลงเจี้ยนหัวสีหน้าก็ยังเปลี่ยนเลย
“รู้รึเปล่าว่าเป็นฝีมือของใคร?”
“เนื่องจากที่นี่ไม่ใช่เมืองเอก เราเลยไม่…..”
ไม่รอให้ลูกน้องของเซิ่งเหอเซิ่งคนนั้นได้พูดจบ ลูกน้องที่เชื่อใจได้ของหลงเจี้ยนหัวก็วิ่งเข้ามา แล้วตะโกนอย่างแตกตื่นว่า “ลูกพี่ แย่แล้ว ไอ้ชาติชั่วหลิวชิงกับเชิ่งหู่ได้ปิดทางเข้าออกไว้หมดแล้วครับ!”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา สามคนที่อยู่ให้ห้องสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เห็นได้ชัดว่าคาดไม่ถึงที่หลิวชิงกับเชิ่งหู่ที่ไม่ถูกกันจะร่วมมือกันได้ ยิ่งนึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะกล้าถึงขนาดนี้
“พวกมันมากันกี่คน?”
“คะ แค่สิบกว่าคน…”
“มากันแค่ไม่กี่คนไม่ใช่เหรอ? ฉันยังนึกว่ายกพวกมาใหญ่โตซะอีก!”
หนิงหยวนได้ยิ้มออกมาอย่างเหี้ยมโหด ยังไงเขาก็เป็นถึงนักบู๊ระดับเหลืองตอนกลาง กะอีแค่คนสิบกว่าคนมันก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลย
“ในเมื่อหลิวชิงกับเชิ่งหู่ไม่รู้จักความหวังดีที่คนอื่นมีให้ ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าพวกเขามีดีอะไรกันแน่ ถึงกล้าเล่นอะไรแบบนี้!”
ระหว่างที่พูด หนิงหยวนก็เดินออกไปข้างนอกก่อนใคร
พอมองลงไปจากโถงทางเดินของชั้นสาม ก็พบเข้ากับหลิวชิงเชิ่งหู่และคนอื่นๆ
แต่ว่าบรรดาลูกน้องของแก๊งมังกรกับเซิ่งเหอเซิ่งได้ถูกล้อมเอาไว้แล้ว ดูท่าน่าจะโดนจัดการในไม่ช้าแล้ว
“ลูกพี่หลง เห็นทีวันนี้ผมคงทานอาหารกับคุณอย่างสงบไม่ได้แล้ว แต่ว่า…..”
“คืนนี้ผมจะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้คุณ เชิ่งหู่กับหลิวชิง สองคนที่ไม่รักดีนั่น วันนี้ในปีหน้าก็จะเป็นวันครบรอบวันตายของพวกมัน!”
หนิงหยวนหันไปพูดกับหลงเจี้ยนหัว จากนั้นก็กระโดดลงไปจากบนชั้นสาม
ปั้ง!
พื้นที่แข็งกร้าวได้เกิดเป็นรอยแตกจางๆ จากขาทั้งสองข้าง หนิงหยวนลงพื้นอย่างมั่นคง และไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆเลย!
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้กลุ่มคนที่กำลังต่อสู้กันของทั้งสองฝ่ายก็ได้หยุดลงทันที ความแข็งแกร่งระดับนี้ไม่ใช่อะไรที่คนทั่วไปจะสามารถมีได้
ดวงตาดั่งเสือของหนิงหยวนจ้องมองไปยังคนกลุ่มนั้น คนที่ถูกเขาจ้องมองต่างก็อดไม่ได้ที่จะก้าวถอยหลังเล็กน้อย
บรรดาลูกน้องของเซิ่งเหอเซิ่ง ที่ถูกเล่นงานจนรับมือไม่ทันและเกือบจะหมดท่าก็เกิดฮึกเหิมขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับกู่ร้องให้กับความทรงอำนาจของหนิงหยวน
หิวชิงที่เห็นแบบนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกดดัน เขาคือคนที่รู้ถึงการมีอยู่ของนักบู๊ ทำไมเขาจะมองไม่ออกว่าหลิวชิงนั้นเป็นนักบู๊ แอบบ่นกับตัวเองว่าตนประมาทเกินไป ที่พาคนมาแค่นี้
“หลิวชิง! ไอ้คนใจกล้าที่กินใจหมีดีเสือ กูอุตส่าห์เชิญด้วยความจริงใจ แต่มึงกลับมาเล่นตุกติกแบบนี้ งั้นก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายเลยนะ!”
“หนิงหยวนสินะ? หนึ่งในสี่ขุนศึกผู้ยิ่งใหญ่ของเซิ่งเหอเซิ่งใช่มั้ย?”
หลิวชิงไม่ได้หวาดกลัวแม้แต่น้อย และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “วันนี้มันคือวันตายของแก!”
หนิงหยวนที่ได้ยินแบบนั้น ก็ได้หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งราวกับได้ฟังมุกตลกที่สุดในโลก
“หลิวชิง เล่าลือกันว่าแกเป็นคนที่มีกลยุทธ์ลึกล้ำ ดูจากตอนนี้ มันก็เป็นแค่ข่าวลือเท่านั้น!”
“แกคิดว่าลำพังแค่ลูกกระจ๊อกพวกนี้ก็ฆ่าฉันได้แล้วอย่างนั้นเหรอ?”
“เป็นแค่ลูกน้องที่ขี้แพ้ยังกล้าพูดจาใหญ่โตแบบนี้อีกเหรอ น่าขันสิ้นดี!”
ทว่า ทันทีที่หนิงหยวนพูดจบ น้ำเสียงอันไม่คุ้นแต่ก็แฝงด้วยคุ้นเคยก็ได้ดังเข้ามาในหูเขา
หนิงหยวนจับจ้องและมองไป ผู้ชายสองคนกับผู้หญิงหนึ่งคนเดินออกมาจากเสาที่อยู่ข้างๆ หลิวชิง คนที่เดินนำออกมาถ้าไม่ใช่เย่เทียนแล้วจะเป็นใคร?!
ส่วนชายอีกคนก็คือคนที่บุกเข้ามาสมทบจากทางประตูหลังได้สำเร็จอย่างเชิ่งหู่นั่นเอง!
ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็คือจี้เยียนหรันที่ดึงดันจะตามมาให้ได้นั่นเอง
“แก?!”
หนิงหยวนเบิกตาโต รังสีอันทรงพลังที่ถูกปลดปล่อยออกมาทั่วร่างได้หายไปทันที และสิ่งที่เข้ามาแทนกลับเป็นความรู้สึกหนักอึ้งอันไม่มีที่สิ้นสุด
อย่างแรก เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เทียน เรื่องนี้ได้รับการยืนยันตอนอยู่ที่โรงฝึกศิลปะการต่อสู้แช่ฉินแล้ว
อีกอย่าง จากการที่หลิวชิงกับเชิ่งหู่ยืนอยู่ด้านหลังของเย่เทียนครึ่งก้าว มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะสามารถคาดเดาได้ว่าสองคนนี้พร้อมที่จะรับฟังคำสั่งของเย่เทียนทุกอย่าง
การที่เขาเชิญสามแก๊งใหญ่แห่งเจียงหนันมาก็เพื่อต่อกรกับเย่เทียน ต่อให้เป็นในความฝนเขาก็คาดไม่ถึงว่าหลิวชิงกับเชิ่งหู่จะเป็นคนของเย่เทียน นี่มันเป็นการรนหาที่ตายชัดๆ!
ในตอนนั้นจูยิ่วฟานกับหลงเจี้ยนหัวก็ได้เดินลงมาจากทางบันได
พอเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สีหน้าของหลงเจี้ยนหัวก็ซีดเซียวไม่ต่างกับหนิงหยวน ราวกับเพิ่งกินขี้ที่ทั้งเหม็นทั้งแข็งเข้าไป ดูไม่ได้เอาซะเลย
ตัดภาพมาที่จูยิ่วฟานที่กำลังขมวดคิ้ว และจ้องไปยังเย่เทียนที่เป็นหัวหน้าอย่างชัดเจน แล้วถามด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “แกเป็นใคร?”
“ผมเหรอ?”
เหลียวมองไปยังจี้เยียนหรันที่อยู่ข้างๆ แวบหนึ่ง จากนั้นเย่เทียนก็ตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ผมคือชาวเมืองคนหนึ่งที่ปฏิบัติตามกฎระเบียบของบ้านเมือง ได้ยินมาว่าพวกคุณทำแต่เรื่องชั่วๆ ผมมาที่นี่เพื่อผดุงความยุติธรรม มาจัดการพวกคุณแทนประชาชน!”
“ผดุงความยุติธรรม? จัดการฉัน? นี่แกกำลังเล่นมุกอยู่ใช่มั้ย?”
จูยิ่วฟานส่ายหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่ชอบใจ ไม่อยากพูดอะไรให้เสียเวลา โบกมือใหญ่ๆ แล้วสั่งการไปว่า “บุกเข้าไป! จัดการลูกหมาพวกนี้ให้สิ้นซาก!”