ตอนที่ 308

Crazy Leveling System

CLS ตอนที่ 308: ลอบเข้าไป

 

เย่ชิงเสวียนพยักหน้า เธอไม่รู้ว่าอี้เทียนหยุนกำลังทำอะไร แต่ในเมื่อเขาบอกให้เตรียมตัว งั้นเธอก็จะไม่ถามให้เสียเวลา

 

“เอาล่ะ พวกเรามาเริ่มขุดรูเข้าไปข้างในกันเถอะ” เย่ชิงเสวียนเรียกจอบออกมาสองอัน จอบนี้ไม่ใช่จอบธรรมดา แต่เป็นอุปกรณ์ระดับจิตวิญญาณ ก่อนหน้านี้เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องขุดรู ดังนั้นจึงทำการหลอมจอบระดับจิตวิญญาณเตรียมเอาไว้เป็นพิเศษ

 

แม้ว่าจอบนี้จะเป็นเพียงอุปกรณ์ระดับจิตวิญญาณขั้นต่ำ แต่จะดีจะร้ายก็เป็นถึงอุปกรณ์ระดับจิตวิญญาณ เมื่อใช้จอบระดับจิตวิญญาณในการขุด แน่นอนว่าจะทำให้การขุดเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็วขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย อย่างน้อยมันก็ต้องดีกว่าต้องใช้กระบี่เป็นไหนๆ

 

“นี่…..” เมื่ออี้เทียนหยุนเห็นจอบสองเล่มนี้ก็รู้สึกพูดไม่ออก “เราไม่ต้องใช้จอบขุดหรอก”

 

“ไม่ใช้จอบขุด หรือเจ้าจะใช้กระบี่ หรือว่ามือขุดล่ะ?” เย่ชิงเสวียนส่งจอบให้เขา แล้วพูดขึ้นว่า “อย่าดูถูกข้าเชียว ข้าต้องคอยปลูกสมุนไพรในเผ่าเป็นประจำทุกวัน ดังนั้นเชื่อใจในความสามารถด้านการขุดของข้าได้เลย รับรองว่าจะใช้เวลาไม่นานอย่างที่เจ้าคิด”

 

“ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น…..” อี้เทียนหยุนส่ายหัว แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าเชื่อไหมว่าข้าสามารถพาเจ้าเข้าไปข้างในนั้นได้ทันที? ไม่จำเป็นต้องขุดรู และก็ไม่จำเป็นต้องทำลายค่ายกลนี้ด้วย”

 

“ไม่เชื่อ!” เย่ชิงเสวียนส่ายหัว ในสายตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อถือ “กำแพงนี้หนามาก ทั้งยังสลักค่ายกลเอาไว้อีก เจ้าจะเข้าไปข้างในภายในพริบตาได้ยังไง? ถ้าคิดจะบิน ข้าว่าบุกเข้าทางประตูยังง่ายกว่า!”

 

“แล้วถ้าข้าเข้าไปได้ล่ะ?” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“ถ้าเจ้าพาข้าเข้าไปได้อย่างเจ้าว่า เจ้าอยากจะให้ข้าทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น!” เย่ชิงเสวียนแค่นเสียงออกมา เธอไม่เชื่อโดยเด็ดขาด

 

“ตกลง นี่เป็นเจ้าพูดเองนะ!” อี้เทียนหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม “งั้นเจ้าก็หลับตาลงซะ จากนั้นไว้รอข้าบอกแล้วค่อยลืมตาอีกครั้ง”

 

“เจ้าคิดจะทำอะไร?” เย่ชิงเสวียนมองเขาด้วยความสงสัย “ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าจะเล่นอะไร แต่ก็ได้ ข้าจะหลับตา! ถ้าเจ้าหลอกข้า คอยดูเถอะว่าข้าจะจัดการเจ้ายังไง!”

 

จากนั้นเธอก็หลับตาลง อึดใจต่อมา อี้เทียนหยุนก็จับไหล่เธอไว้ ทำให้เธอตัวสั่น ทำไมอยู่ๆ ถึงได้มาแตะตัวเธอกัน…..

 

สายตาอี้เทียนหยุนเป็นประกายวาบ พร้อมกับพาร่างเย่ชิงเสวียนหายไปจากจุดที่ยืนอยู่ อึดใจต่อมา พวกเขาก็ปรากฏขึ้นขึ้นข้างหลังกำแพง อี้เทียนหยุนเทเลพอร์ทเข้ามายังห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง เหมือนจะเป็นห้องที่ไว้ให้ผู้คุ้มกันเอาไว้พัก เพราะว่าอยู่ใกล้ๆ กำแพง ดังนั้นจึงถือว่าเป็นที่ซ่อนที่ปลอดภัยที่สุด

 

“ลืมตาได้” อี้เทียนหยุนพูด

 

จากนั้นเย่ชิงเสวียนก็ลืมตาขึ้น ที่ปรากฏในสายตาเธอคือห้องๆ หนึ่ง เหมือนกับว่าจะเป็นห้องพักที่ทรุดโทรม แม้จะไม่รู้ว่าเป็นห้องพักของใคร แต่ก็รู้ว่านี่ต้องเป็นห้องพักในกำแพงแน่ๆ ทำให้เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแตกตื่น “นี่พวกเราเข้ามาแล้วอย่างงั้นเหรอ?”

 

เธอเคยติดต่อกับอาณาจักรใต้พิภพมาก่อน ช่วงที่ที่นี่ใกล้จะสร้างเสร็จ เธอก็เคยมา ดังนั้น เธอจึงค่อนข้างเข้าใจในสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ด้านใน รู้ว่าที่ไหนเป็นห้องพัก ที่ไหนเป็นคุก เธอล้วนรู้สึกเป็นอย่างดี ดังนั้นการที่อยู่ๆ ก็มาปรากฏขึ้นในห้องนี้ จึงทำให้เธอรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

 

“ใช่ ข้าเคยบอกไปแล้ว ว่าการจะพาเจ้าเข้ามาเป็นเรื่องง่ายๆ” อี้เทียนหยุนยิ้ม เทเลพอร์ทคือไพ่เด็ดของเขา เพราะมันสามารถใช้ได้กับทั้งมิตรและไม่ศัตรู ไม่ว่าจะตอนแทรกซึมหรือว่าตอนหลบหนี

 

อะไรที่เปิดได้ก็ต้องเปิด เขาไม่อยากเสียเวลาใช้จอบขุดรูลอบเข้ามา มันทั้งเสียเวลาและอาจจะเกิดปัญหาขึ้นมาได้

 

“เจ้าทำได้ยังไง?” เย่ชิงเสวียนตกใจ เธอตกใจจนตอนนี้ก็ยังไม่หาย นี่มันเหนือไปกว่าสิ่งความเข้าใจของเธอ

 

“นี่ ข้าไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงดีเหมือนกัน มันเป็นวิชาลับที่เอาไว้ใช้ตอนจวนตัว ไม่ใช่สิ่งที่จะเอามาใช้ได้บ่อยๆ” อี้เทียนหยุนไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงดี ความสามารถเทเลพอร์ทนี้ บางทีที่โลกนี้คงไม่มี

 

“หระ…. หรือว่าจะเป็นการเคลื่อนย้ายในพริบตา!?” เย่ชิงเสวียนพลันคิดถึงความสามารถหนึ่ง

 

“การเคลื่อนย้ายในพริบตาอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนคิดแล้วพูดขึ้น “น่าจะประมาณนั้น จะเรียกว่าอย่างนั้นก็ได้”

 

การเคลื่อนย้ายในพริบตานี้ หลักใหญ่ใจความก็ขึ้นอยู่พลังธาตุมิติ มันสามารถทำให้เคลื่อนย้ายไปยังระยะทางสั้นๆ ได้ในพริบตา ถ้าสัมผัสวิญญาณไม่ดีล่ะก็ ไม่มีทางที่จะสำรวจเส้นทางที่จะไปได้ อาจจะไปโผล่ในที่ที่ไม่ต้องการได้

 

ดังนั้น ธาตุมิติจึงเป็นธาตุที่หายาก ทั้งยังมีพลังไม่สูงนัก มันสามารถใช้ในการเคลื่อนย้ายในพริบตา แต่สำหรับคนที่ไม่มีธาตุมิติก็สามารถใช้การเคลื่อนย้ายในพริบตาได้เช่นกัน เพียงแต่จะไม่ทรงพลังเท่ากับคนที่มีมันก็เท่านั้น

 

ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่น อย่างแหวนเก็บของนี่ก็ถือว่าเป็นธาตุมิติอย่างหนึ่ง ต้องให้คนที่มีธาตุมิติเป็นคนสร้างมันออกมา ยิ่งมีขนาดใหญ่เท่าไหร่ ก็จะยิ่งสุดยอดมากเท่านั้น

 

“หรือว่าเจ้าจะฝึกร่างกายเพื่อใช้วิชาเกี่ยวกับมิติเป็นพิเศษ?” เย่ชิงเสวียนมองเขาขึ้นๆ ลงๆ “แต่การเคลื่อนย้ายในพริบตาทำให้เคลื่อนย้ายได้ไกลขนาดนี้เลยเหรอ?”

 

“นี่สำคัญด้วยเหรอ?” อี้เทียนหยุนยักไหล่

 

“ก็ใช่ ยังไงเจ้าก็ไม่ใช่ศัตรู แต่การที่เจ้าสามารถเคลื่อนย้ายในพริบตาก็ถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจจริงๆ แต่จะยังไงก็ทำให้เราลดความยุ่งยากลงไปได้มาก” เย่ชิงเสวียนพยักหน้า พร้อมกับหยิบยันต์ออกมาสองใบออกมาจากแหวนเก็บของ “นี่คือยันต์ปกปิดตัวตนระดับต้าซือ”

 

เธอส่งยันต์ใบหนึ่งให้กับอี้เทียนหยุน แล้วพูดว่า “แปะนี่ไว้ มันจะช่วยปกปิดตัวตนของเจ้า ตราบเท่าที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณ ก็ไม่ง่ายที่หาพวกเราพบ”

 

“ได้ ไม่มีปัญหา” อี้เทียนหยุนรับยันต์ปกปิดตัวตนมาแปะเข้าที่ตัว หลังจากที่แปะลงไป เขาก็พลันรู้สึกว่าตัวเองกำลังหายตัวอยู่

 

ร่างของเขากลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมรอบๆ ถ้ามองจากไกลๆ น้อยคนที่จะพบว่ามีคนยืนอยู่ที่นี่

 

“ไปกันเถอะ ตามข้ามา ข้าคุ้นกับทางที่นี่ พอจะรู้ว่าที่ไหนที่ใช้เป็นที่คุมขัง ข้าคิดว่าพวกบรรพชนจะต้องถูกขังไว้ในส่วนลึกที่เขตกักกันวิญญาณ” เย่ชิงเสวียนอธิบาย “เขตกักกันวิญญาณสามารถลบล้างพลังวิญญาณ ทำให้ไม่มีทางฟื้นตัว การกักกันพลังวิญญาณนี้ ไม่เพียงแต่สามารถทำลายตันเถียนได้เท่านั้น แต่ยังสามารถสะกดพลังได้อีกด้วย”

 

เย่ชิงเสวียนกลัวว่าอี้เทียนหยุนจะไม่รู้ ดังนั้นจึงได้อธิบายให้ฟัง

 

“ในเมื่อเจ้าคุ้นเคยกับที่นี่ แล้วทำไมถึงไม่มีกุญแจล่ะ?” อี้เทียนหยุนถาม

 

“พวกเราคุ้นเคยก็จริงอยู่ แต่ก็แค่กับค่ายกลที่พวกเราสร้างเท่านั้น ส่วนตรวนนั้นพวกเราไม่ได้เป็นคนสร้าง ดังนั้นจึงไม่รู้ว่ากุญแจเป็นแบบไหน” เย่ชิงเสวียนรู้สึกช่วยไม่ได้ “เพราะงั้น กุญแจที่เจ้ามีจะเป็นของจริงหรือของปลอมนั้น พวกเราก็ไม่รู้เช่นกัน แต่ในเมื่อได้มาจากเฉิงเฟิง งั้นความเป็นไปได้ที่จะเป็นของจริงก็มีค่อนข้างสูง”

 

มีแต่อี้เทียนหยุนที่รู้ว่านี่เป็นกุญแจของจริง เพราะนี่เป็นของที่ระบบให้มาหลังจากสังหารเฉินเฟิงได้ เพราะงั้นมันจึงเป็นของจริงอย่างแน่นอน

 

“เรื่องพวกเราช้าไม่ได้ ไปกันเถอะ” อี้เทียนหยุนพยักหน้าแล้วพูดขึ้น

 

เย่ชิงเสวียนก็พยักหน้า จากนั้นก็เปิดประตูออกช้าๆ พร้อมกับใช้สัมผัสวิญญาณตรวจสอบดูข้างนอก เมื่อพบว่าไม่มีใคร เธอก็ส่งสัญญาณทางสายตาให้กับอี้เทียนหยุน พร้อมกับทำการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว อี้เทียนหยุนก็เคลื่อนร่างตามเธอไป แอบย่องเข้าไปยังเส้นทางนี้