ขณะที่หลินฟานกับซูหนิงกำลังรับประทานอินทผลัมและพูดคุยกัน ปล่องไฟของบ้านหลังเล็กก็มีควันรอยขึ้นมาราวกับว่าหมึกสีขาวที่ลอยขึ้นไปบนในทะเลสาบสีฟ้า หลังจากหมึกสีขาวไหลและกระจายออกไป มันทำให้เกิดภาพที่สวยงามมาก
ผ่านไปครู่หนึ่ง อาเหม่ยก็โผล่หัวออกมาแล้วตะโกนว่า “พี่สาว พี่ชาย มากินข้าวกันเถอะ!”
หลินฟานตอบว่า “โอเค!”
จากนั้นเขาและซูหนิงจิงก็เดินเข้าไปในบ้านด้วยกัน
ทางเดินที่ต้องเดินไปสู่กระท่อมนี้ เป็นทางที่ซูหนิงใช้มาต้องแต่เด็ก เธอจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองเดินผ่านทางนี้มากี่ครั้งแล้ว
แต่คราวนี้ มันเป็นครั้งที่ซูหนิงจิงรู้สึกแตกต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
มันเป็นเพราะว่าเธอรู้สึกถึงหลินฟานที่ทั้งสูงและหล่อเหลาที่อยู่ถัดจากเธอ ทั้งกลิ่นอายและอุณหภูมิของผู้ชายแผ่ออกมาจากตัวของหลินฟาน…
ในความทรงจำของเธอ พ่อกับแม่จะเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กันในทางกลับบ้านแบบนี้
หัวใจของซูหนิงค่อยๆเต้นเร็วขึ้นอย่างลับๆ สีหน้าแห่งความเขิลอายค่อยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ
อาเหม่ยที่ยืนอยู่ข้างหน้าก็กระพริบตาโตๆของเธอก่อนจะถามด้วยความสงสัย “พี่สาว ทำไมหน้าพี่แดงจัง”
ซูหนิงจิงนั่งยองๆแล้วพูดอย่างเร่งรีบ “ที่ไหน…แดงที่ไหนกันเล่า…รีบไปกินข้าวเถอะ…”
จากนั้นเธอก็อดไม่ได้ที่จะก้มหัวลงและเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
ในบ้านหลังเล็กมีโต๊ะไม้ขนาดเล็กและเก้าอี้สองสามตัวซึ่งเรียบง่ายและเรียบร้อยมาก
หลังจากนั้น……
ซูหนิงจิงและอาเหม่ยก็ยกผักป่าผัด ซุปไข่รังบวบ หัวไชเท้าเค็ม ผักดอง ปลาตุ๋น หมูตุ๋นมาวางลงบนโต๊ะ
ความอยากอาหารของหลินฟานเพิ่มขึ้นทันทีหลังจากที่เขาได้กลิ่นที่ลอยออกมาจากอาหารเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าเขาก็สังเกตเห็นว่าทั้งซูหนิง อาเหม่ยและอาโปยืนอยู่ใกล้ๆกันและไม่ยอมนั่งลงบนเก้าอี้สักที
ทีแรก หลินฟานก็สงสัยอยู่นิดหน่อย
แต่ในไม่ช้าหลินฟานก็นึกถึงนิสัยการกินของซูหนิงและคนอื่นๆในการกิน ‘ของเหลือ’
“ซูหนิง อาเหม่ย คุณยาย มากินข้าวด้วยกันเถอะ”
อย่างไรก็ตาม ทั้งสามคนยังไม่ยอมเคลื่อนไหว
หลินฟานพูดต่อไป “ถ้าพวกคุณไม่มากินด้วยกัน ผมก็จะไม่กินเหมือนกัน”
“คุณยาย นั่งลงเถอะครับ”
“อันที่จริง ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว ทุกคนควรมารับประทานอาหารด้วยกันอย่างมีความสุข”
ขณะพูดหลินฟานก็ลุกขึ้นและช่วยคุณยายให้นั่งลง
คุณยายเองก็เข้าใจแล้วว่า ถ้าเธอยังรีรออยู่ คนอื่นก็จะไม่ได้กินและอาหารเองก็อาจจะเย็นลงอีก
ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าอย่างลังเลก่อนจะถอนหายใจออก “อาฟานถูกต้อง ตอนนี้ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว…”
“อาจิง อาเหม่ย นั่งลงและกินด้วยกันเถอะ”
ซูหนิงจิงและอาเหม่ยก็นั่งลงตามคำพูดของคุณยายทันที
เมื่อได้เห็นภาพนี้…
มันทำให้รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของหลินฟานทันที
แม้ว่าอาหารบนโต๊ะจะธรรมดามาก
แต่หลินฟานก็พอใจมากกับอาหารที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมแบบนี้
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว อาเหม่ยก็ล้างพุทราสองสามผลแล้วยื่นให้หลินฟาน
“กร็อบ!”
มันทั้งหวานและอร่อย
หลินฟานยืนอยู่หน้าประตู เขากินอินทผลัมพร้อมกับมองดูความงามของธรรมชาติในระยะไกล
มันดูว่างเปล่าและเงียบสงบ!
ในตอนนี้ หลินฟานรู้สึกว่าเวลาได้ถูกหยุดลง เขาอยากจะสนุกไปกับช่วงเวลาแบบนี้
ถ้าอยู่แบบนี้ตลอดไปคงจะมีความสุขมากใช่ไหมนะ?
อยู่ตลอดไป?
มีความสุข?
หลินฟานมองไปที่เครื่องเรือนที่เรียบง่ายในห้อง และจากนั้นก็มองไปที่เนินเขาที่อยู่ไกลออกไป
เขาถามออกไปว่า “อาเหม่ย คิดว่าคุณยายสามารถกินปลาและเนื้อได้ทุกมื้อในอนาคตหรือเปล่า? เพื่อที่จะได้มีชีวิตที่ดี”
ในวันนี้ เหตุผลที่เธอได้กินปลาและเนื้อสัตว์นั้น
นั่นเป็นเพราะหลินฟานและซูหนิงจิงไปซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตเมื่อเช้านี้
ไม่อย่างนั้น……
เกรงว่าวันนี้พวกเธอจะกินกันแต่ผักสดและผักดอง
“อืม!” อาเหม่ยพยักหน้าอย่างจริงจัง
“มันทำให้น้ำไหลเลยหรือเปล่า?” หลินฟานถามอีกครั้ง
“น้ำไหลเลยเลย!” เหม่ยได้ตอบกลับ
หลินฟานแตะไปที่หัวเล็กๆของอาหเหม่ยพลางพูดว่า “งั้นก็เอาถังน้ำมา”
หลังจากพูดจบ หลินฟานก็หยิบจอบและพลั่วขึ้นมา ก่อนจะเอาถุงเมล็ดกาแฟพรีเมียมออกมาไว้บนบ่าของเขา แล้วเดินช้าๆไปทางเนินเขา
จากนั้น หลินฟานก็หยิบจอบและเริ่มขุนดินในทำเลที่ดีที่สุดในการปลูกเมล็ดกาแฟ
ต้องรู้ก่อนว่า……
หลินฟานมีทักษะการโจมตีที่สวยงาม สมรรถภาพทางกายของเขานั้นแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปมานานแล้ว
นอกจากนี้ ไม่นานมานี้ เขายังพึ่งได้รับทักษะผู้เชี่ยวชาญในการปลูกมา…
การขุดและปลูกเมล็ดกาแฟของหลินฟานนั้นเรียบง่าย และดูง่ายดายเหมือนกับการดื่มน้ำเขาดูมีความเชียวชาญมาก
ตอนนั้นเอง อาเหม่ยก็กลับมาพร้อมกับถังน้ำ
ดังนั้น หลังจากขุดดินแลใส่เมล็ดแล้ว หลินฟานก็ได้งานรดน้ำเพิ่มมาอีกงานหนึ่ง
การเคลื่อนไหวของเขาราบรื่นและไหลลื่น ดูเป็นธรรมชาติมาก เขาเป็นเหมือนชาวนาเฒ่าที่ทำนาทำชวนมาหลายปี
ฉากนี้……
อยู่ในสายตาของซูหนิงจิงที่เพิ่งล้างจานเสร็จ
ในสายตาของซูหนิง หลินฟ่านเหมือนกับไม่ได้ทำการเกษตรอยู่เลย ราวกับว่าเขาเป็นจิตรกรวาดภาพที่สง่างาม เป็นเหมือนนักเปียโนที่เล่นดนตรีได้ไพเราะ…
ท่าทางสง่างาม!
แถมยังเท่ห์มาก!
ชั่วขณะหนึ่ง แววตาของซูหนิงฉายแววลุ่มหลงเล็กน้อย
เมื่อเวลาผ่านไป ภาพที่พระอาทิตย์กำลังตกดินอยู่ด้านหลังของหลินฟานทำให้ความงามนี้งามจนถึงขีดสุด!
ร่างของเขาเปล่งแสงอย่างระยิบระยับภายใต้แสงตะวันยามอัสดง
ช่วงเวลานี้……
หลินฟานกลายเป็นดวงอาทิตย์ในหัวใจของซูหนิง!
[ทักษะ: ผู้เชี่ยวชาญในการปลูก เสน่ห์ไร้ขีดจำกัด! 】
“ตุบ ตุบ ตุบ!”
หัวใจของซูหนิงเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ…
ต่อมา เสียงเตือนก็ดังขึ้นมาในใจของหลินฟาน
【ติ๊ง! ออร่าเสน่ห์ ( 10% ไม่สามารถลืมได้ )! 】
นี่…
หลินฟานตกตะลึงนิดหน่อย
เมื่อตอนที่เกิดช่วงเวลาที่ยากจะลืมเลือนครั้งล่าสุด มันเป็นตอนที่เขาขับรถอยู่ และตอนนั้นเขาก็ไม่ได้อยู่กับใคร
ตอนนี้ มันถูกกระตุ้นในตอนที่เขากำลังทำฟาร์มอยู่หรอ?
คราวนี้คือใคร?
หลินฟานเหลือบมองอาเหม่ยที่เพิ่งนำถังน้ำมาข้างๆ เขาเริ่มใช้ดวงตาแห่งความจริงอย่างเงียบๆ
[คะแนนรูปร่างหน้าตา: 90]
[คะแนนความชื่นชอบ: 70]
คะแนนความชื่นชอบอยู่ที่ 70 คะแนน มันเป็นความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ถึงขั้นหลงเสน่ห์จนลืมไม่ลง
แถมตอนนี้……
เธอยังอายุเพียงแค่สิบสองหรือสิบสามปี…
โทษเบาสุดคือจำคุก 3 ปี และโทษสูงสุดก็คือประหารชีวิต!
เมื่อเห็นหลินฟานมองมาที่ตัวเอง อาเหม่ยก็อดไม่ได้ที่จะกระพริบตาสีดำราวกับอัญมณีของเธอแล้วถามด้วยความสงสัย “พี่ชาย เกิดอะไรขึ้น มีอะไรอยู่บนใบหน้าของฉันหรอ?”
หลังจากพูดจบ เธอก็อดไม่ได้ที่จะเช็ดหน้าของตัวเองด้วยมือที่เปื้อนโคลน
เดิมทีแล้ว มันไม่มีอะไรอยู่บนใบหน้าของเธอ
แต่ตอนนี้…มันมีแล้ว
อาเหม่ยก็รู้สึกได้เช่นกัน เธอรีบกวักน้ำออกมาจากถังแล้วล้างหน้าอย่างรวดเร็ว
หลินฟานส่ายหัวและแตะไปที่คางของเขาอยู่ครุ่นคิดอีกครั้ง
ไม่ใช่อาเหมย แล้วเป็นใครกัน?
เขาค่อยๆมองไปรอบๆ…
ช่วงเวลาต่อมา หลินฟานและซูหนิงจิงก็ได้มองหน้ากัน
เวลา…ดูเหมือนว่าจะถูกหยุดลงอย่างกะทันหัน
ซูหนิงเองตกตะลึงอย่างสมบูรณ์
[คะแนนรูปร่างหน้าตา: 95]
[คะแนนความชื่นชอบ: 98]
กลายเป็นว่าซูหนิงคือคนที่ไปกระตุ้นออร่าเสน่ห์ที่ยากจะลืมเลือนนั่นเอง