ตอนที่ 186 ทำราวกับเขาเป็นดารา

ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง

เมื่อถังซีตื่นในเช้าวันรุ่งขึ้นเฉียวเหลียงยังอยู่ที่โรงพยาบาล เธอหาวอย่างงัวเงีย ยิ้มให้เขา แล้วขยี้ตาถามว่า “คุณยังอยู่ที่นี่เหรอ” 

 

 

เฉียวเหลียงส่งเสียงจากลำคอเบาๆ และจูบทักทายตอนเช้าแก่เธอเป็นคำตอบ ก่อนจะเข้าไปในห้องน้ำยกอ่างน้ำมาให้เธอล้างหน้า เขากล่าวว่า “ผมจะไปเมืองหลวงวันนี้ หลังจากนั้นจะไปยุโรปเหนือ อาจต้องใช้เวลาหลายวัน คุณอยู่ในโรงพยาบาลและอย่าทำให้ตัวเองบาดเจ็บอีก เข้าใจไหม” เขาจู้จี้ราวกับเป็นพ่อถังซี 

 

 

ถังซีพยักหน้าแล้วมองเขา “คุณไปยุโรปเหนือทำไมคะ ไปสำรวจตลาดหรือ ฉันจำได้ว่าเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปไม่มีธุรกิจที่ยุโรปเหนือนี่นา” เมื่อครั้งที่คุณปู่ขอให้เธอเข้ามาจัดการบริษัท เธอได้ใช้อำนาจในตำแหน่งของเธอตรวจสอบภูมิภาคที่เฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปมีธุรกิจอยู่ ถ้าเฉียวเหลียงไปปรากฏตัวในภูมิภาคใด เธอจะไม่ไปที่นั่น 

 

 

เอ็มไพร์กรุปมีสาขาในยุโรปเหนือ แต่เธอจำได้ว่าเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปไม่มี 

 

 

เฉียวเหลียงขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อถังซีถามคำถามนี้ จากนั้นเขาก็ตอบเสียงต่ำว่า “เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ผมจะเล่าให้ฟังหลังจากกลับมา ถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ผมจะแนะนำให้คุณรู้จักกับเพื่อนผมสองคน” 

 

 

ถังซีเลิกคิ้ว เพื่อนเฉียวเหลียงหรือ เขามีเพื่อนเป็นคนอื่นนอกเหนือจากเด็กคาบช้อนเงินช้อนทองในเมือง A ที่เติบโตขึ้นมากับเขาด้วยหรือ 

 

 

“เพื่อนอะไร” ถังซีอยากรู้อยากเห็นอย่างมากขึ้นมาทันที เพื่อนเฉียวเหลียงอย่างนั้นหรือ เขาหมายถึงเพื่อนประเภทเพื่อนกินหรือเปล่า 

 

 

เฉียวเหลียงบิดผ้าเช็ดตัว เช็ดหน้าให้ถังซี และตอบว่า “เพื่อนตาย ผมถูกส่งไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่อายุห้าขวบ จะกลับบ้านเฉพาะตอนปิดภาคเรียนประมาณสิบวัน ในฤดูร้อนและฤดูหนาวของทุกปี ผมกลับมาเรียนมัธยมที่เมืองจีนตอนอายุสิบห้าหรือสิบห้ากว่าๆ นี่แหละ” เมื่อจบคำพูดเฉียวเหลียงก็มองตาถังซีอย่างลึกซึ้ง กล่าวติดตลกว่า “เพราะฉะนั้นคุณควรขอบคุณพระเจ้าที่ผมได้ลับมา ไม่อย่างนั้นคุณจะได้พบคนที่เอาอกเอาใจคุณทุกอย่างอย่างผมได้ยังไง” 

 

 

“โอเค โอเค” ถังซีตอบเฉียวเหลียงด้วยรอยยิ้ม แล้วกล่าวว่า “ไปเยี่ยมคุณปู่ให้ฉันก็แล้วกัน แล้วตอนไปเยี่ยมท่าน ช่วยหาทางตรวจร่างกายให้ท่านอย่างละเอียดด้วยได้ไหมคะ ฉันเป็นห่วงท่าน” 

 

 

เมื่อได้ยินอย่างนี้เฉียวเหลียงก็พยักหน้าอย่างหนักแน่นทันที “คุณก็ต้องดูแลตัวเองด้วย ผมไม่อยากได้ยินว่าคุณเจ็บป่วยอีกแล้ว ตกลงไหม” 

 

 

ถังซีพยักหน้า เฉียวเหลียงจัดห้องพักคนไข้ของเธอให้เรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนจะโทรหาอาห้า และออกจากห้องไป 

 

 

… 

 

 

ทางด้านฉินซินหยิ่ง เธอกำลังหลับอยู่เมื่อถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือ เธอลุกขึ้นนั่งทันที อาจเป็นเพราะฝันร้ายหรือสภาพอากาศที่ร้อนเกินไป หน้าผากเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ เธอลูบหน้าอก พยายามสงบสติอารมณ์ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย ขณะเดินไปดื่มน้ำในห้องครัว 

 

 

“หาเจอหรือยัง” ฉินซินหยิ่งหนีบโทรศัพท์ไว้ระหว่างบ่ากับแก้ม พร้อมกับรินน้ำให้ตัวเอง ทางปลายสายอีกด้านหนึ่งพูดอะไรมาบางอย่าง เธอหยิบโทรศัพท์มาถือไว้ในมือข้างหนึ่ง และดื่มน้ำด้วยมืออีกข้างหนึ่ง ใบหน้าเธอสลดลง หลังจากนั้นไม่นานเธอก็คำรามและเย้ยหยัน “เอาเถอะ ช่างมัน ฉันไม่อยากเสียเวลากับพวกเศษเดนที่ออกมาจากคุก หล่อนทำอะไรไม่เป็นหรอก!” 

 

 

เธอวางสายโทรศัพท์ดูท่าทางจะโกรธ เธอไม่คาดคิดว่าเซียวโหรวจะมีพิษสงมากเหลือเกินอย่างนี้ ถึงขนาดดึงเฉียวเหลียงออกจากจุดยืนของเขาได้ในช่วงเวลาสั้นๆ และทำให้นักแสดงสาวตัวเล็กๆ เข้าไปอยู่ในคุกได้อย่างง่ายดาย ดูเหมือนว่าเธอจะต้องระมัดระวังในการรับมือกับเซียวโหรวคนนี้ให้ดีต่อไปในอนาคต 

 

 

ขณะคิด ประกายความชั่วร้ายก็วาววับในดวงตาฉินซินหยิ่ง เซียวโหรว… ฉันต้องทำให้แกรู้ให้ได้ว่าแกต้องเจอกับความทุกข์ทรมานขนาดไหน หากพยายามแย่งเฉียวเหลียงไปจากฉัน ฉันจะทำให้แกจดจำบทเรียนนี้ไปตลอดชีวิต!  

 

 

… 

 

 

ถังซีซึ่งยังคงนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล จามและขยี้จมูกไปมา แล้วบ่นกับหยางจิ้งเสียนที่กำลังปอกแอปเปิลให้เธอ “คุณแม่คะ ต้องมีใครบางคนพูดอะไรไม่ดีถึงหนูลับหลังแน่ๆ เลยค่ะ!” 

 

 

หยางจิ้งเสียนเงยหน้ามองถังซีซึ่งทำหน้ามุ่ยแล้วยิ้ม ส่งแอปเปิลให้เธอ “ใครจะมาพูดไม่ดีถึงลูกล่ะจ๊ะ ลูกต้องเป็นหวัด เพราะเตะผ้าห่มออกจากตัวแน่ๆ เมื่อคืนนี้” 

 

 

ถังซีเม้มริมฝีปากและเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “แล้วคุณแม่โทรหาคุณครูเหอหรือยังคะ เขาว่ายังไงบ้าง” 

 

 

ท่าทีของหยางจิ้งเสียนเปลี่ยนไป เธอถอนหายใจบอกว่า “คุณครูเหอกับครูประจำชั้นของลูกจะมาเยี่ยมลูกบ่ายวันนี้ เตรียมตัวให้พร้อมนะจ๊ะ” 

 

 

ถังซีอึ้ง “…” ทำไมเธอถึงต้องเผชิญหน้ากับเรื่องต่างๆ เหล่านี้ไม่หยุดหย่อน หลังจากกลายมาเป็นเซียวโหรว ทำไมคุณครูหัวหน้าระดับชั้นและครูประจำชั้นต้องมาเยี่ยมเธอ พระเจ้า เธอเกลียดการรับมือกับเรื่องพวกพวกนี้… 

 

 

… 

 

 

เฉียวเหลียงมาถึงสนามบินนานาชาติของเมืองหลวงพร้อมกับอาห้า ซึ่งที่นี่มีกลุ่มคนมารอรับพวกเขาอยู่ข้างนอกแล้ว เนื่องจากเฉียวเหลียงเป็นคนที่แต่งตัวดี ดูหล่อมาก มีเสน่ห์น่าหลงใหลมากกว่าดาราหนุ่มที่โด่งดังที่สุดในปัจจุบันเสียอีก การปรากฏตัวของเขาจึงก่อให้เกิดความวุ่นวายภายในสนามบิน แฟนคลับของคนดังบางคน ที่กำลังรอถ่ายรูปคนที่พวกเขาชื่นชอบอยู่ในสนามบิน เริ่มถ่ายภาพเฉียวเหลียงด้วยโทรศัพท์มือถือ 

 

 

เฉียวเหลียงหน้าบึ้งและส่งสายตาเย็นเยือกไปที่แฟนคลับเหล่านั้น ก่อนจะหันไปมองอาห้า ซึ่งแกล้งทำเป็นไม่สังเกตเห็น “นายน้อยครับ” เขาเริ่ม “เราไม่สามารถจองเส้นทางการบิน เนื่องจากการควบคุมการจราจรทางอากาศ เที่ยวนี้เราจึงต้องขึ้นเครื่องบินโดยสารครับ” 

 

 

เฉียวเหลียงมองเขาด้วยสายตาเย็นชา และอาห้ายกแขนขึ้นยอมแพ้ในทันที “ผมผิดครับ ผมผิด ผมจะบอกให้พวกเขาลบภาพออกเดี๋ยวนี้ครับ” 

 

 

ทันใดนั้นคนกลุ่มหนึ่งก็เข้ามาห้อมล้อมเฉียวเหลียงไว้ตรงกลาง แล้วพาเขาออกจากสนามบิน ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งตามอาห้าไปกันแฟนคลับไว้ และขอให้พวกเขาลบรูป 

 

 

เมื่อเห็นชายร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำ บรรดาแฟนคลับก็หวาดกลัวเล็กน้อย แต่ยังไงก็ไม่ยอมลบรูปถ่าย “เราถ่ายรูปด้วยโทรศัพท์มือถือของเราเอง ทำไมเราต้องลบด้วย” 

 

 

“ใช่ เขาอาจจะหล่อ แล้วไงล่ะ เขาคิดว่าเขาเป็นดาราใหญ่จริงๆ เหรอ!” แฟนคลับคนหนึ่งถือโทรศัพท์ไว้ แล้วจ้องมองอาห้าอย่างท้าทาย “ฉันไม่อยากลบ คุณจะทำร้ายฉันเหรอ” 

 

 

อาห้ารู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก จากการกระทำของแฟนคลับที่ไร้เหตุผลเหล่านี้ เขาขมวดคิ้วและตอบว่า “ไม่มีปัญหาอะไรที่คุณจะรอไอดอลของคุณที่นี่แล้วถ่ายรูปเขา แต่คุณไม่สามารถถ่ายรูปผู้ชายคนนั้นได้ ลบเดี๋ยวนี้!” 

 

 

“ทำไมฉันต้องลบ ผิดกฎหมายด้วยหรือที่ฉันจะถ่ายรูปเขา” แฟนคลับคนหนึ่งเอ่ยขึ้น และแฟนคลับคนอื่นๆ ก็บอกว่า “ใช่ ใช่ พวกเราไม่ได้ทำผิดกฎหมาย!” 

 

 

“พวกคุณทำผิดกฎหมาย!” อาห้าหรี่ตามองดูนาฬิกาข้อมือ และขมวดคิ้วอีก ถ้าเขาไม่แก้ปัญหานี้ให้ได้ภายในห้านาที นายน้อยจะต้องโกรธ! 

 

 

แม้ว่ารูปถ่ายของนายน้อยจะปรากฏในสื่อทางการเงินต่างๆ ในช่วงสองปีแรก แต่ข้อมูลเกี่ยวกับเขาในสื่อเหล่านี้ก็ถูกเขาลบออกหมดแล้ว ตอนนี้แม้แต่หนังสือพิมพ์ชั้นนำก็ไม่สามารถหารูปภาพเขาได้! คนพวกนี้กล้าถ่ายรูปเขาอย่างโจ่งแจ้งได้อย่างไร!