ตอนที่ 421 ผู้มีพรสวรรค์

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 421 ผู้มีพรสวรรค์

ยุคสมัยนี้มิมีเหล็กกล้า !

ที่ภูเขาเฟิ่งหลินได้ใช้เตาหลอมทรงสูงในการหลอมเหล็ก สิ่งเจือปนภายในเหล็กมีน้อยกว่าเหล็กตามท้องตลาดมากแล้ว ดังนั้นจึงใช้มันแก้ไขปัญหาการระเบิดของปืนใหญ่หงอีได้

แต่มันยังมิเคยก้าวไปถึงเงื่อนไขของเหล็กกล้า !

เดิมทีฟู่เสี่ยวกวนมิได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถึงเยี่ยงไรเหล็กของภูเขาเฟิ่งหลินก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว เขายังมิมีแผนที่จะใช้เวลาและพลังงานไปกับการคิดค้นการผลิตเหล็กกล้า

แต่แล้วในเมื่อครู่ยามที่เขาได้ยินเสียงการตีเหล็กของโจวเถียเจี้ยงที่ดังเสียงใส ประจวบกับได้เห็นพลั่วที่กำลังตี ถึงได้ตระหนักถึงความสำคัญของเหล็กกล้าขึ้นมาได้

สิ่งที่เรียกว่ากรรมวิธีการถลุงเหล็ก คือการใช้คาร์บอนและเหล็กหลอมผสมกันตามสัดส่วนและเทลงบนปลายมีด ทุบตีครั้งแล้วครั้งเล่า ปลายมีดที่สมบูรณ์จะคม และแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

หากสามารถทำการหลอมเหล็กกล้าออกมาได้ถึงร้อยครา นี่จะเป็นสิ่งที่สามารถสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ได้เป็นแน่ !

ราชวงศ์ฮั่นในชาติที่แล้วได้พลิกกลับทางด้านการทหารของชนชาติซูยงหนู ด้านหนึ่งคือการขจัดความแตกต่างทางด้านความเร็วของม้าเลี้ยง และนอกจากนั้นยังมีอีกด้านที่สำคัญมากยิ่งนัก อาวุธของราชวงศ์ฮั่นเหนือกว่าของชนชาติซุยงหนูเป็นอย่างมาก

อาวุธของราชวงศ์ฮั่นได้สร้างขึ้นมาจากเหล็กกล้า โดยได้ใช้กรรมวิธีการคั่วเหล็กกล้า !

สิ่งที่สำคัญที่สุดสองประการสำหรับการคั่วเหล็กกล้า หนึ่งคืออุณหภูมิ ต่อให้มีเตาหลอมทรงสูงแล้ว แต่หากเตาหลอมยังมิก้าวหน้า อุณหภูมิของเตาก็ย่อมสูงมิถึง 1,600 องศา ดังนั้นหนทางที่ดีที่สุดคือการคั่วเหล็กกล้า

กรรมวิธีการคั่วเหล็กกล้าจนไปถึงการควบคุมปริมาณคาร์บอน อีกทั้งยังต้องใช้วิธีการอบชุบให้กลายเป็นเหล็กกล้า

และจนถึงวันนี้โจวเถียเจี้ยงคือช่างเพียงผู้เดียวที่เข้าใจการอบชุบให้กลายเป็นเหล็กกล้าจากที่ฟู่เสี่ยวกวนเคยพบพานมา ให้ตายเถอะนี่คือผู้มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม

ดังนั้นฟู่เสี่ยวกวนจึงมอบปัญหาที่ยากเกินจะแก้ให้แก่โจวเถียเจี้ยง คิดว่าหากเขาสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ เยี่ยงนั้นมิว่าจะด้วยหนทางใดเขาก็ต้องนำคนผู้นี้มาไว้ในมือของตนให้จงได้

โจวเถียเจี้ยงในยามนี้ก็ยุ่งเหยิงเป็นอย่างยิ่ง งานฝีมือนี้ได้รับการตกทอดมาจากบรรพบุรุษ เขาใช้แรงใจในการวิจัยมาถึงยี่สิบกว่าปี สำหรับการถลุงเหล็กแล้วเขาสามารถกล่าวได้ว่าตนนั้นฝึกฝนมาจนเชี่ยวชาญ

แต่หากจะต้องหลอมกระบี่ทั้งเล่มให้กลายเป็นเหล็กกล้า…เขาได้พยายามมาตลอดตั้งแต่ช่วงปีแรก แต่จนถึงวันนี้ก็ยังมิสำเร็จ

มิว่าจะทำเยี่ยงไร ปริมาณสิ่งเจือปนในเหล็กนั้นก็มีมากจนเกินมาตรฐาน ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตออกมานั้นมิได้มีความแข็งเทียบเท่ากับเหล็กกล้า

เห็นได้ชัดว่าคุณชายผู้นี้เข้าใจเรื่องเหล็กเป็นแน่ มิมีทางที่จะทำให้เขาอย่างลวก ๆ ได้ แต่ถึงเยี่ยงไรเขาก็จำเป็นจะต้องทำเพื่อให้ได้เงินก้อนนี้มา…

“ขอเอ่ยอย่างมิปิดบังคุณชาย แท้จริงแล้วข้าต้องการเงินเพื่อมาชุบชีวิต แต่วิธีการเปลี่ยนทั้งชิ้นส่วนให้กลายเป็นเหล็กกล้านั้น ข้าน้อยยังมิเชี่ยวชาญพอ มิทราบว่าคุณชายพอจะให้เวลาให้ข้าน้อยสักหน่อยได้หรือไม่ ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนครุ่นคิด “เจ้ามีกระดาษหรือไม่ ? ”

“…มีกระดาษเหลือง ใช้ได้หรือไม่ ? ”

“ได้ นำกระดาษเหลืองมา 2 แผ่น ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟัง”

“เจ้าอ่านออกเขียนได้หรือไม่ ? ”

“ได้ขอรับ ! ”

“เยี่ยงนั้นก็ดีมากยิ่งนัก”

โจวเถียเจี้ยงตกตะลึงอีกครา เป็นไปได้หรือไม่ที่คุณชายผู้นี้จะเชี่ยวชาญด้านการหลอมเหล็กกล้า ?

เขามิอยากจะเชื่อ !

เพราะใต้หล้านี้มีเพียงเหล็กและไร้ซึ่งเหล็กกล้า แม้แต่กรรมวิธีการถลุงเหล็กของตนเองนั้นก็มีเพียงหนึ่งในใต้หล้า หากบรรพบุรุษมิได้สั่งไว้ว่าห้ามออกไปจากผิงหลิง ป่านนี้เขาคงจะพาครอบครัวไปตั้งรกรากถิ่นฐานในเมืองใหญ่ไปแล้ว

เขานำกระดาษเหลืองมา ฟู่เสี่ยวกวนหยิบถ่านขึ้นมาหนึ่งก้อน เขียนและวาดลงไปบนกระดาษเหลืองนั้น

นี่คือวิธีการหลอมเหล็กกล้าที่ง่ายที่สุด

ฟู่เสี่ยวกวนวาดหม้อคั่วขึ้นมา และอธิบายให้กับโจวเถียเจี้ยง “ของสิ่งนี้คือเตาคั่วเหล็กกล้า องค์ประกอบนั้นก็ง่ายดายมากยิ่งนัก ขุดจนกลายเป็นรูปหม้อ ผนังด้านในเคลือบด้วยโคลนทนไฟ ยามลงมือปฏิบัติให้จุดไฟขึ้นมาก่อน รอจนไฟลุกค่อยเติมเศษส่วนของเหล็กลงไป แล้วปิดฝาหม้อเอาไว้ หากปิดฝาหม้อเอาไว้มิแน่นอาจจะเกิดแรงระเบิดเอาได้…”

เขาเขียนไปด้วยและกล่าวแนะนำไปด้วย เขียนไปเขียนมาได้อยู่สามหน้ากระดาษ และได้อธิบายราวหนึ่งชั่วยามโดยที่ไม่รู้สึกตัว เขาไม่ได้รู้สึกถึงท่าทางตกใจของโจวเถียเจี้ยงเลยแม้แต่น้อย และยิ่งไม่รู้เลยว่าจางเพ่ยเอ๋อร์ที่ลอบฟังอยู่บนหลังคาก็ตกใจเสียจนต้องยกมือขึ้นปิดปาก

“เหตุใดเขาถึงได้รู้มากมายถึงเพียงนี้ ? ”

“เขามิใช่นักวรรณกรรมที่มีความสามารถที่สุดในใต้หล้าหรอกหรือ ? ”

“คาดมิถึงว่าเขาจะยังสามารถสนทนาเรื่องการหลอมเหล็กกับช่างตีเหล็กได้ ! ”

จิตใจของจางเพ่ยเอ๋อร์สั่นสะท้านอย่างถึงที่สุด จึงได้ตระหนักถึงสิ่งของต่าง ๆ ที่ฟู่เสี่ยวกวนสร้างที่ซีซานขึ้นมา รู้แล้วว่าเหตุใดจึงยังมิมีผู้ใดสร้างขึ้นมาได้จนถึงวันนี้

และกรรมวิธีการคั่วเหล็กกล้าที่เขากล่าวมานั้น เกรงว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีการหลอมไปทั้งอุตสาหกรรม !

โจวเถียเจี้ยงตกตะลึงกับความเชี่ยวชาญของฟู่เสี่ยวกวน ความสงสัยที่มีอยู่ในหัวของเขาก่อนหน้านี้ได้หายไปอย่างง่ายดายด้วยคำอธิบายโดยละเอียดของฟู่เสี่ยวกวน แต่เขาทราบอยู่ลึก ๆ ว่านี่มิใช่เรื่องที่ง่ายดายเลย อย่างน้อยเขาก็ต้องผ่านการทดลองมานับครั้งมิถ้วนจึงจะสามารถเชี่ยวชาญกรรมวิธีขั้นสูงสุดทางด้านนี้ได้

เพียงแค่…โจวเถียเจี้ยงได้เริ่มสงสัยในตนเอง กรรมวิธีขั้นสูงถึงเพียงนี้ มีเหตุผลอันใดที่ชายผู้นี้ต้องส่งต่อให้ข้ากัน ?

ถึงแม้กรรมวิธีการถลุงเหล็กที่ตนได้สืบทอดมาจากบรรพบุรุษจะมีการอบรมสั่งสอน แต่ก็มิสามารถถ่ายทอดให้คนนอกได้ ต่อให้เป็นสตรีของตนเองก็มิมีทาง

สามารถส่งต่อให้บุตรชายได้เท่านั้น หากไร้บุตรชาย ก็ถือเป็นจุดจบของวิชานี้ไปเสีย

และเหตุผลที่ฟู่เสี่ยวกวนมอบกรรมวิธีการคั่วเหล็กกล้าให้แก่โจวเถียเจี้ยง กลับเป็นเพราะเขามีความเข้าใจในเรื่องนี้อยู่เล็กน้อยเท่านั้น

เขามิทราบว่าจะทำการอบชุบเยี่ยงไร สัดส่วนควรเป็นเท่าใด และกรรมวิธีนี้กลับมีเพียงโจวเถียเจี้ยงผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถทำได้

เขามิได้กังวลใจว่าโจวเถียเจี้ยงจะมีลูกเล่นอะไรกับเขา ด้วยตำแหน่งและสถานะของเขาในปัจจุบันนี้ การบีบโจวเถียเจี้ยงให้ตายมิได้ต่างอะไรจากการบีบมดเลย

“ตอนนี้เจ้ามองออกแล้วหรือไม่ ? ” ฟู่เสี่ยวกวนวางถ่านลงแล้วเอ่ยถาม

“ข้าน้อยเข้าใจแล้ว คำอธิบายของคุณชายทำให้ข้าน้อยเข้าใจได้ในทันที เพียงแค่…”

โจวเถียเจี้ยงละล้าละลัง และเอ่ยถามข้อสงสัยในใจออกไป “ที่คุณชายมอบวิธีการนี้ให้แก่ข้า มิทราบว่ามีเงื่อนไขอันใดหรือไม่ ? ”

“ง่ายดายมากยิ่งนัก ข้ามีเหมืองแร่อยู่ที่เมืองหลินเจียง เหล็กที่ข้าเผาออกมาได้นั้นดีเป็นอย่างมาก ยามที่เดินทางผ่านมาก็ได้ยินเสียงตีเหล็กกล้าของเจ้าเข้า จึงได้เดินเข้ามาดู เจ้าไปที่เหมืองเหล็กของข้าเถอะ ค่าตอบแทนทุกเดือนของเจ้าเท่ากับ 30 ตำลึง เจ้ามีหน้าที่รับผิดชอบหลอมเหล็กกล้าให้แก่ข้า ! ”

โจวเถียเจี้ยงรู้สึกประหลาดใจอีกครา ค่าตอบแทน 30 ตำลึง ย่อมทำให้เขาใจสั่นเป็นธรรมดา แต่ว่า…

เขาถอนหายใจออกมา แล้วกล่าวว่า “คุณชายขอรับ มิทราบว่าจะกล่าวเงื่อนไขอื่นแทนได้หรือไม่ ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนคิ้วขมวด “เจ้ามีปัญหาอันใดหรือไม่ ? ”

“มันมิใช่ปัญหาของตัวข้าเอง แต่คือคำสั่งของบรรพบุรุษ หากข้าสืบทอดวิชาการถลุงแร่ ชั่วชีวิตของข้าห้ามออกไปจากผิงหลิงเป็นอันขาด”

“ด้วยเหตุผลอันใดกัน ? ”

โจวเถียเจี้ยงเงียบไปหลายอึดใจ และกล่าวเสียงแผ่วว่า “เดิมทีต้นตระกูลของข้าคือช่างเหล็กของราชสำนัก ได้รับสั่งให้มาที่นี่จากราชวงศ์ก่อนหน้า ให้ไปหาเหมืองทองคำ ณ ภูเขาเขาผิงหลิง… หลังจากนั้นจึงได้ตั้งรกรากถิ่นฐานที่ผิงหลิงแห่งนี้ จนมาถึงรุ่นของข้าก็เป็นรุ่นที่แปดแล้ว การสืบทอดจึงมีมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษจนถึงตอนนี้”

ฟู่เสี่ยวกวนตื่นเต้นขึ้นมา “แล้วหาเจอหรือไม่ ? ”

โจวเถียเจี้ยงส่ายหน้า “บรรพบุรุษมิได้จดบันทึกเอาไว้ แต่ปีที่หนึ่งของราชวงศ์หยูก็ได้มีการส่งคนมาค้นหาที่ภูเขาผิงหลิงแล้วเช่นกัน กล่าวกันว่ามิมีการค้นพบเหมืองทองคำ แต่กลับพบแร่เหล็กในที่แห่งหนึ่ง เพียงแต่เหมืองแร่นั้นมิใหญ่มาก ดังนั้นจึงมิมีการขุดค้น”

“เจ้าเข้าใจการสังเกตภูเขาหรือไม่ ? ”

“ได้สืบทอดมาเช่นกัน”

“เจ้าเคยเข้าไปดูภายในภูเขาผิงหลิงหรือไม่ ? ”

“เมื่อสามปีที่แล้วข้าได้ตามหลานคนรองเข้าไปหนึ่งครา และได้ไปดูมาเล็กน้อย”

“เจ้ารู้สึกว่าคุ้มค่าพอให้ขุดเหมืองหรือไม่ ? ”

“แร่ในที่นั้นซับซ้อนมากยิ่งนัก กลบฝังลึกเป็นอย่างมาก ข้าหาก้อนแร่มาได้ในจำนวนน้อยนิดเท่านั้น หากต้องการสำรวจโดยละเอียด ก็ต้องกวาดโคลนเขาออกไป หากสามารถหาก้อนแร่ได้มากยิ่งขึ้น ก็จะพิสูจน์ได้ว่ามูลค่าของมันนั้นมีค่าเท่าใด”

ฟู่เสี่ยวกวนนิ่งเงียบไปชั่วขณะ “วิธีการหลอมเหล็กกล้านี้มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่ทราบ อย่าได้เผยออกไปข้างนอกเป็นอันขาด เจ้าทดลองดูก่อน นำตั๋วเงินเหล่านี้ไปเถิด ประเดี๋ยวข้าจะมาหาเจ้าอีกคราในอีกไม่กี่วันนี้”

“คุณชายมีนามว่าเยี่ยงไร ? ”

“ฟู่เสี่ยวกวน ! ”