ถังจงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาหน้านิ่วคิ้วขมวดมองเฉียวเหลียงและถามว่า “คุณเฉียว นี่คุณกำลังล้อเล่นใช่ไหม” เท่าที่เขารู้จักเจ้านายมา ท่านเกลียดแพทย์และโรงพยาบาลมาแต่ไหนแต่ไร มีเพียงคุณหนูเท่านั้นที่สามารถโน้มน้าวให้ท่านไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลได้ นับตั้งแต่คุณหนูประสบอุบัติเหตุ นายท่านก็ไม่เคยไปโรงพยาบาล ท่านปฏิเสธแม้แต่จะทานยา เขาจึงต้องคอยจู้จี้เพื่อให้ท่านทานยา… เฉียวเหลียงไม่ได้มาที่นี่พร้อมด้วยนิ้วของคุณหนูเพียงอย่างเดียว แต่เขายังนำแพทย์จำนวนมากมาด้วย เขาไม่กลัวถูกนายท่านไล่ตะเพิดออกไปหรือ
เฉียวเหลียงไม่สนใจสิ่งที่ถังจงคิด และขอให้เขานำทางไป “พ่อบ้านถังครับ ผมคิดว่าคุณคงเข้าใจว่าทำไมผมถึงทำแบบนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม สิ่งที่ซีซีใส่ใจมากที่สุดคือสุขภาพของคุณปู่ถัง ผมไม่สามารถนั่งอยู่เฉยๆ มองดูท่านป่วยได้หรอกครับ” เมื่อเห็นว่าถังจงดูเหมือนจะเชื่อถือในตัวเขาแล้ว เฉียวเหลียงก็กล่าวต่อไป “ซีซีคงไม่อยากให้คุณปู่ล้มป่วยเพราะเธอ จริงไหมครับ”
พ่อบ้านถังถกเถียงกับตัวเองอยู่ในใจครู่หนึ่ง ก่อนจะทำตามความประสงค์ของเฉียวเหลียงในที่สุด เขาหันหลังกลับและกล่าวว่า “คุณเฉียว กรุณาตามผมมา นายท่านกำลังรอคุณอยู่ในห้องทำงาน”
เฉียวเหลียงเดินตามพ่อบ้านถังเข้าไปในประตู อาห้าตามเขาเข้าไป ข้างหลังพวกเขาคือทีมแพทย์ รถบรรทุกพร้อมด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ขับผ่านประตูตรงเข้าไป หลังจากทุกคนเข้าไปข้างในแล้ว ก็มีคนมาปิดประตูทันที
แม้ว่าอาห้าจะเคยมาที่อุทยานเอ็มไพร์กับเฉียวเหลียงแล้วก่อนหน้านี้ แต่เขาไม่เคยเข้าไปข้างใน ทันทีที่ก้าวเข้าสู่อุทยานเอ็มไพร์เขาก็ตกตะลึงอย่างแท้จริง พระเจ้า นี่ไม่ใช่อุทยาน แต่เป็นวนอุทยาน! ไม่ ไม่ใช่สิ ที่นี่คือวนอุทยานพื้นที่ชุ่มน้ำ และใหญ่กว่าอุทยานพื้นที่ชุ่มน้ำหลายๆ แห่ง!
ที่นี่คือเมืองหลวง! ที่ดินทุกตารางนิ้วมีมูลค่า! คุณปู่ถังเป็นเจ้าของสวนขนาดใหญ่ในเมืองหลวง และทำเป็นบ้านของท่าน! ท่านร่ำรวยมหาศาล!
เมื่อมองดูเครื่องอุปกรณ์สร้างความบันเทิงที่นี่ ต้องใช้เงินมากเท่าไหร่ในการสร้างทุกอย่างนี้ขึ้นมา! โอ…พระเจ้า! เศรษฐีตัวจริง! ช่างร่ำรวยอะไรอย่างนี้! ไม่จำเป็นเลยสำหรับท่านที่จะออกไปโอ้อวดความมั่งมี ใครก็ตามที่ได้มาที่อุทยานเอ็มไพร์ สามารถบอกได้ว่าคุณปู่ถังร่ำรวยแค่ไหน!
เฉียวเหลียงเดินตรงไปข้างหน้าโดยไม่มองซ้ายมองขวา อาห้าถามขึ้นว่า “นายน้อยครับ แม้แต่นายน้อยก็ไม่สามารถมีบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ในเมืองหลวงได้ใช่ไหมครับ”
เฉียวเหลียงไม่สนใจคำถามของอาห้าโดยสิ้นเชิง ไม่ต้องพูดถึงที่ดินว่ามีราคาแพงแค่ไหนในเมืองหลวง และทุกวันนี้ถึงแม้คุณจะมีเงิน คุณก็ไม่สามารถหาที่ดินผืนใหญ่ขนาดนี้มาสร้างบ้านส่วนตัวของคุณได้ และพื้นที่ในใจกลางเมืองหลวงยังจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล ถึงแม้คุณจะวางแผนสร้างบ้านบนที่ดินส่วนตัวของคุณเอง รัฐบาลก็จะไม่อนุญาตให้ทำเช่นนั้นได้ ไม่ต้องพูดถึงว่าจะสร้างบ้านส่วนตัวขนาดใหญ่เท่ากับอุทยานเอ็มไพร์แห่งนี้
ที่ดินผืนนี้ถังเจิ้นหวาซื้อไว้เมื่อห้าสิบปีก่อน ส่วนเครื่องตกแต่งและอุปกรณ์เครื่องเล่นต่างๆ ที่นี่ ท่านก็ออกแบบสร้างขึ้นมาทีละนิด แม้จะดูเหมือนพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่บนพื้นที่กว้างใหญ่ พรั่งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย แต่ก็สร้างขึ้นยากกว่าพิพิธภัณฑ์จริงๆ มาก อุทยานเอ็มไพร์แต่ละส่วนสร้างขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ใช้เวลานานหลายทศวรรษ ถังเจิ้นหวาลงทุนด้วยความรักมากมาย รวมถึงความรักที่เขามีต่อซีซี ซึ่งไม่สามารถวัดได้ด้วยเงิน
เมื่อถูกเพิกเฉย อาห้าก็เม้มริมฝีปากนิ่ง มองดูเฉียวเหลียงก่อนจะพูดว่า “นายน้อยยอมรับมาสิครับ นายน้อยไม่รวยเท่าคุณปู่ถังใช่ไหมครับ”
“ใช่ ฉันไม่มีเงิน เพราะฉะนั้นโบนัสของนายเดือนหน้าก็จะไม่มี นายก็รู้ว่าฉันจน” เฉียวเหลียงตอบกลับทันที ขณะก้าวขึ้นรถบัสสำหรับพาชมอุทยาน
อาห้ายืนตกตะลึงนิ่งขึงด้วยท่าทางสับสน ขณะมองดูเฉียวเหลียงเดินตามถังจงอยู่บนรถบัสที่กำลังแล่นไปยังตัวคฤหาสน์ เขารู้สึกราวกับมีตัวอัลปากานับหมื่นตัววิ่งควบอยู่ในหัวใจ ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าเขาเพิ่งตายเพราะปากตัวเอง
โบนัส! ห้าล้านหยวน! เขาเพิ่งสูญเสียไปเมื่อกี้หรือ
อาห้ารีบวิ่งไล่ตามรถบัส “นายน้อยครับ ผมผิดไปแล้ว ลงโทษผมเถอะ! แต่อย่าหักโบนัสผมเลย! นี่เท่ากับฆ่าผมทั้งเป็นชัดๆ!”
ถังจงมองดูอาห้า ซึ่งวิ่งอยู่ด้านหลังรถบัสเหมือนสุนัขไล่ตามเจ้าของ แล้วอ้าปากค้าง เฉียวเหลียงกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เขาไม่ใช่ลูกน้องของผม ไม่ต้องไปสนใจหรอกครับ”
ถังจงพูดไม่ออก เฉียวเหลียงเป็นคนที่สร้างความประหลาดใจให้ผู้อื่นได้เสมอ
แต่เขาไม่ได้พูดอะไร รถบัสจอดลงหน้าคฤหาสน์ อาห้าแทบหมดลมหายใจ เขาเท้ามือทั้งสองลงบนเข่าเพื่อพยุงตัวเองไว้ และเงยหน้าขึ้นมองเฉียวเหลียงด้วยน้ำตาคลอ “นายน้อย ให้ผมวิ่งไล่ตามรถบัสตั้งห้านาทีแล้ว โปรดอย่าหักโบนัสผมเลยนะครับ!”
เฉียวเหลียงชำเลืองมองเขาแล้วคำรามออกมา “ฉันจนเกินกว่าจะจ่ายโบนัสให้นาย ถ้านายรับไม่ได้ ก็ลาออกได้นี่!”
“นายน้อยครับ โบนัสไม่มีความหมายอะไรแล้ว! ผมไม่ต้องการแล้วครับตอนนี้!” อาห้าร้องออกมา แล้วเปลี่ยนน้ำเสียงอย่างรวดเร็ว “ผมสาบานว่าจะทำงานให้นายน้อยอย่างซื่อสัตย์ตลอดไป โบนัสไม่มีอะไรเทียบได้กับนายน้อยเลยครับ”
เฉียวเหลียงตอบโต้ด้วยเสียงคำราม เขาหันไปมองหน้าอาห้าตรงๆ แล้วกล่าวว่า “ในเมื่อนายพูดแบบนี้ โบนัสของนายปีหน้าก็จะไม่มีด้วย นายควรเห็นใจเจ้านายจนๆ ของนายด้วยนะ” เมื่อกล่าวจบเขาก็หันหลังกลับ เดินตามพ่อบ้านถังเข้าไปในคฤหาสน์
ขณะมองตามหลังเฉียวเหลียงที่มีท่าทีไม่แยแส อาห้าก็คว้าตัวอาหก ซึ่งเดินมาพร้อมกับทีมแพทย์และร้องออกมาว่า “ฉันจะทำยังไงดี ฉันอยากลาออก”
อาหกเหลือบมองหน้าเขาก่อนจะผลักเขาออก แล้วเดินต่อไปข้างหน้าพร้อมกับตอบว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ลาออกเลย อย่ามารบกวนฉัน” เขายังคงมองคอมพิวเตอร์ในมือต่อไป ขณะนิ้วมือเขาเคาะลงบนคอมพิวเตอร์อย่างรวดเร็ว
อาห้าตะโกนใส่อาหก “อาหก นายไม่รักฉันแล้วหรือ”
อาหกไม่สนใจเขาและเดินต่อไป แพทย์กลุ่มนี้ทำงานกับอาห้ามาบ่อยครั้ง และคุ้นเคยกับเขามาก ขณะที่พวกเขาเดินผ่านอาห้า ทุกคนก็ตบไหล่เขาพร้อมด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจ
อาห้ายืนนิ่งอยู่กับที่โดยไม่พูดอะไรเลย
ในห้องทำงาน
ถังเจิ้นหวามองดูแถวของทีมแพทย์ ประกายความไม่พอใจพุ่งทะลุผ่านดวงตาท่านออกมา ท่านแสร้งทำเป็นงุนงง มองเฉียวเหลียงขณะถามเขาว่า “นี่เธอหมายความว่ายังไง เฉียวเหลียง ทำไมถึงพาหมอมาด้วยมากมาย”
เฉียวเหลียงหันกลับไปมองทีมแพทย์ที่ยืนอยู่เป็นสองแถว แล้วนั่งลงบนโซฟามองหน้าถังเจิ้นหวา กล่าวว่า “คุณปู่ถังครับ อย่าเพิ่งเข้าใจผมผิด ผมไม่ได้มีเจตนาจะสร้างความขุ่นเคืองให้ท่าน ผมสัญญาไว้ว่าจะมอบนิ้วของซีซีให้ท่าน แต่ผมไม่สามารถมอบให้ท่านได้ นอกเสียจากท่านจะยอมให้ผมตรวจสอบสุขภาพของท่านก่อน ไม่อย่างนั้นท่านจะไม่ได้นิ้วของเธอ”
ถังเจิ้นหวาหรี่ตาลง “พ่อหนุ่ม นี่เธอกำลังขู่ฉันเหรอ”
“คุณปู่ถังครับ ผมเป็นห่วงท่าน” เฉียวเหลียงตอบอย่างจริงจัง “ซีซีจากไปแล้ว และผมไม่สามารถปล่อยให้ท่าน ซึ่งเป็นคนที่เธอห่วงใยล้มป่วยได้”
ถังเจิ้นหวาท้าทาย “เธอคิดว่าเธอจะได้เดินออกจากอุทยานเอ็มไพร์ โดยไม่ให้นิ้วซีซีแก่ฉันหรือ”
เฉียวเหลียงท้าทายเช่นกัน “ท่านคิดว่าท่านจะได้กล่องในมือผม โดยไม่ให้ผมตรวจสุขภาพท่านก่อนหรือครับ”