ตอนที่ 454 จะฆ่าแกงกันอีกแล้ว

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ภาพลักษณ์ภายนอกของสำนักหุบเขาหมอเทวดานั้นดูไม่เลว เมื่อผู้อาวุโสที่สี่ได้ยินประโยคนี้เข้า ก็เกิดความฉงนสงสัย

ทวีปเซี่ยโจวนั้นทุรกันดาร หลายพันปีมานี้เกรงว่าจะมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีพลังความสามารถที่สามารถแผ่ขยายออกจากทวีปเซี่ยโจวได้ หากเรื่องเช่นนี้แพร่กระจายออกไป มันจะไม่เป็นผลดีสำหรับชื่อเสียงของเขา

เพียงสังหารสาวน้อยผู้หนึ่งเท่านั้น เขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลงมือโดยตรง เขามีวิธีเป็นร้อยที่จะทำให้นางตายไปอย่างเป็นปริศนา

“หึ!” หลังจากเสียงหึเสียงหนึ่ง ผู้อาวุโสที่สี่เก็บเอาพลังแรงกดดันของตนเองกลับไป  แต่ทว่าก่อนที่จะเก็บพลังความกดดันกลับไปนั้น ก็มีผงแป้งบางอย่างโรยลงรอบ ๆ ร่างของมู่เฉียนซี ประกายแสงเย็นวาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี เขาคิดที่จะเอาพิษมาลอบทำร้ายนาง ช่างไร้เดียงสาเสียจริง

ถึงแม้ผู้อาวุโสที่สี่จะรู้ว่ามู่เฉียนซีเป็นอัจฉริยะนักปรุงยาผู้หนึ่ง ทว่าพิษที่เขาใช้ไปนั้น แม้แต่ลูกศิษย์หลายคนรอบกายเขาก็ยังไม่สามารถแก้พิษได้ เจ้าเด็กสาวผู้นี้ก็อย่าหวังจะได้มีชีวิตรอดไปเลย

อย่างไรก็ตามมู่เฉียนซีไม่สนใจ นางหันหลังและจากไป ทันใดนั้นเชียนอ้าวเซี่ยก็วิ่งเข้ามาหานาง “ซีเอ๋อร์น้อยเจ้าไม่เป็นไร  เมื่อครู่นี้เจ้าทำให้ข้าตกใจกลัวแทบตายเลยจริง ๆ”

มู่เฉียนซีขมวดคิ้ว “ข้าไม่เป็นไร แล้วอีกอย่างหนึ่ง อย่าเรียกข้าว่าซีเอ๋อร์น้อย” “ถ้าไม่เรียกว่าซีเอ๋อร์น้อยจะให้เรียกขานอย่างไร อืม… หรือว่าเจ้าชอบให้เรียกว่าซีซีน้อยมากกว่า อวี้ เจ้าว่าเรียกเช่นไรไพเราะกว่ากัน ?”

มู่เฉียนซีกับน่าหลานอวี้กล่าวออกมาด้วยเสียงเย็นชาว่า “เจ้าไม่พูดจา นั่นจะไพเราะที่สุด”

เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวอย่างเศร้าโศกว่า “เจ้าทั้งสองคนนั้นเลวร้ายนัก ร่วมมือกันมารังแกข้า ซีซีน้อย ซีเอ๋อร์น้อย อย่างไรเสียข้าชอบก็พอแล้ว”

“เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะวางยาพิษทำให้เจ้าเป็นใบ้รึ ?” มู่เฉียนซีถามเสียงเหี้ยม

“วางยาพิษให้เขาเป็นใบ้จะดีกว่า”

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าอยากกลับไปที่หอหมอปีศาจ พวกเจ้าแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมันไป!”

เชียนอ้าวเซี่ยกะพริบตาปริบ ๆ แล้วกล่าวว่า “ซีเอ๋อร์น้อย คืนนี้เจ้าคงเบื่อหน่ายแน่ ให้ข้าอยู่เป็นเพื่อนพูดคุยกับเจ้าเถอะ”

“อืม ข้าก็จะอยู่พูดคุยเป็นเพื่อนกับซีเอ๋อร์ด้วย” “พวกเจ้า…” พวกเขามีความตั้งใจอันใด มู่เฉียนซีนั้นรู้ดี

“ข้าไม่เป็นไร ก็แค่ตาเฒ่ารนหาที่ตายผู้หนึ่งก็เท่านั้น หากพูดถึงอาถิงแล้ว เขานั้นมีหนทาง”

เชียนอ้าวเซี่ย “อาถิงผู้นั้นก็แค่เด็กน้อยที่ผมเพิ่งขึ้นไม่กี่เส้น เขาคงปกป้องซีเอ๋อร์น้อยได้ไม่ดี  ซีเอ๋อร์น้อยให้ข้าทำหน้าที่นั้นเถอะ”

น่าหลานอวี้รีบกล่าวสำทับ “ใช่ เห็นได้ชัดเลยว่าสติปัญญาของเจ้านั่นยังไม่เติบโตเพียงพอ ให้เขามาปกป้องเจ้า ข้านั้นวางใจไม่ได้จริง ๆ”

บุรุษบ้าสองคนนี้เพียงแค่มองเขาออกเท่านั้นมิใช่หรือ ? กลับกล้าพูดถึงเขาผู้เป็นศาลาเรือนรางเก้าชั้นไปต่าง ๆ นานา นับว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วจริง ๆ อาถิงขบกัดฟันอยู่ในมิติ มู่เฉียนซีกล่าว “พวกเขานั้นมีมหาจักพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่งหนึ่งคน ที่เหลือนั้นอย่างน้อยล้วนแต่เป็นจักรพรรดิแห่งภูตระดับสูง ข้าเองก็ไม่อยากให้พวกเจ้ามีอันตราย”

เชียนอ้าวเซี่ยและน่าหลานอวี้ตกตะลึง หนึ่งในพวกเขาไม่มีระดับการฝึกฝนเลย และอีกคนก็เป็นเพียงระดับจักรพรรดิเท่านั้น เมื่อต้องไปสนใจคนพวกนั้น พวกเขาก็ดูไม่พอใจ

เวลานี้น่าหลานอวี้ตกตะลึงเล็กน้อย ในพวกเขานั้นไม่ได้มีการฝึกยุทธ์ใด ๆ จะมีก็แต่เพียงระดับราชาผู้เดียว ซึ่งไม่เพียงพอให้เผชิญหน้ากับคนเหล่านั้นอย่างสิ้นเชิง

น่าหลานอวี้รู้สึกเสียใจภายหลังที่ตอนนั้นเขาเลือกที่จะเรียนการทำการค้า แต่ไม่เลือกที่จะฝึกยุทธ์

มาตอนนี้สตรีที่ตนเองชอบพอนั้นมีอันตราย ถึงเขาจะมีเงินก็ไม่สามารถจัดการปัญหาได้

เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวขึ้น “ซีซีน้อย เมื่อครู่เจ้าพูดถึงพวกเขา เจ้าเองก็เป็นห่วงเซี่ยเหมือนกันใช่หรือไม่ ?” “ถ้าหากข้าบอกว่าใช่ เจ้าจะกลับวังได้หรือยัง ?” มู่เฉียนซีถาม

“อืม ข้ากลับวัง แต่ข้าจะส่งยอดฝีมือมาช่วยปกป้องเจ้า ข้านั้นจะไม่ยอมให้ซีซีน้อยถูกทำร้ายแม้เพียงน้อยนิดในสถานที่ของข้า” ดวงตาคู่นั้นที่เหมือนกับน้ำแข็งฉายแววโหดเหี้ยมออกมา จากนั้นเขาก็ยิ้ม “ซีเอ๋อร์น้อย ข้าจะกลับวังแล้ว เจ้าจะต้องคิดถึงข้านะ”

น่าหลานอวี้รู้สึกแปลกประหลาด สหายผู้นี้ของเขา โดยปกติไม่ได้ว่านอนสอนง่ายเช่นนี้ วันนี้กลับยอมถอยกลับไปแต่โดยดี นี่ไม่เหมือนเขาเลย

น่าหลานอวี้รู้สึกแปลกใจ เซี่ยพูดได้ดีถึงเพียงนั้น วันนี้กลับถอยอย่างว่าง่ายไม่เหมือนเขาคนเดิม

“น่าหลานอวี้…”

“ข้าจะให้ยอดฝีมือจักรพรรดิระดับสูงมาปกป้องเจ้า  จงระวังตัวให้มาก หากสู้ไม่ได้ก็สามารถหลบซ่อนไปก่อนได้ระยะหนึ่ง” น่าหลานอวี้กล่าว

แม้แต่เชียนอ้าวเซี่ยยังไปแล้ว ตัวเขาเองก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้เรื่องรู้ความ แม้จะกังวลใจเป็นห่วงนาง แต่เขาก็จำต้องกลับไป มู่เฉียนซียิ้ม “เจ้าวางใจได้ ชีวิตของข้ามีค่ามาก ข้าจะไม่ยอมตายเป็นแน่”

น่าหลานอวี้ “จริงดังเจ้าว่า”

ผู้อาวุโสที่สี่ขมวดคิ้วมองสตรีอายุน้อยที่ยิ้มแย้มแจ่มใสราวกับบุปผาเบ่งบาน เห็น ๆ กันอยู่ว่านางนั้นโดนยาคร่าชีวิตของเขาไปแต่กลับยังไม่ตาย และยังสนทนาอยู่กับมิตรสหายของนางอย่างมีความสุข  เขาพึมพำกับตนเอง “หรือว่าร่างกายของแม่สาวน้อยผู้นี้นั้นจะสามารถป้องกันพิษทั้งร้อยชนิดได้ ?”

ผู้อาวุโสที่สี่กล่าว “จับตาดูสาวน้อยผู้นั้นเอาไว้ให้ดี อย่าให้นางหนีไปได้”

“ขอรับ!”

เดิมทีพวกเขาคิดว่าจะมีศิษย์น้องหญิงที่เข้ามาแย่งความรักจากผู้เป็นอาจารย์อีกหนึ่งคน แต่คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่านางจะไม่รู้ดีร้ายกล้าปฏิเสธเช่นนั้น จัดการเสียก็ดี

พวกเขาถือว่ารู้จักนิสัยของผู้เป็นอาจารย์ดี เจ้าเด็กนั่นไม่ไว้หน้าท่านอาจารย์เช่นนี้ ความตายเป็นสิ่งที่แน่นอนสำหรับนาง

ในคืนวันนั้น ผู้อาวุโสที่สี่รู้ว่ามู่เฉียนซียังไม่ตาย ท้ายที่สุดเขาจึงเคลื่อนไหวไปยังหอหมอปีศาจ

มู่เฉียนซียังไม่ได้เข้านอน นางกำลังจิบชาอย่างช้า ๆ  เมื่อรับรู้ถึงการมา นางก็กล่าวขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า “ท่านอายุปูนนี้แล้วแต่กลับมาโดยที่ไม่ได้รับเชิญ ไม่ได้รับการสั่งสอนมาหรืออย่างไร ?”

ผู้อาวุโสที่สี่แค่นเสียงเย็นชา “สาวน้อย เจ้ายังไม่ตายจริง ๆ  จงบอกข้ามา เจ้านั้นมีร่างกายที่พิษทั้งร้อยชนิดไม่สามารถทำอะไรได้ใช่หรือไม่ ?”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างไม่แยแส “หากใช่แล้วจะเป็นเช่นไร ? และถ้าหากไม่ใช่ล่ะจะเป็นเช่นไร ? มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผู้เฒ่าเช่นท่านเลย”

“ถ้าหากว่าใช่ละก็ ข้าสามารถให้โอกาสเจ้าได้อีกครั้ง”

บรรดาศิษย์หลายคนที่อยู่ข้างกายเขานั้นล้วนตะลึงตาค้าง ในเมื่ออาจารย์ให้โอกาสแม่สาวน้อยผู้นี้อีกครั้งหนึ่ง ใครเล่าจะไม่ตกใจ  ดูเหมือนว่าท่านอาจารย์จะให้ความสำคัญกับเด็กสาวผู้นี้อย่างมาก ถ้าหากว่านางได้เข้ามาในสำนักจริง ๆ  นั่นจะเป็นผลเสียต่อพวกเขาเหล่าศิษย์เก่าแน่นอน มู่เฉียนซี “โอกาสของท่านนั้นอย่าได้ให้ข้าเลย ถึงแม้ว่าจะให้โอกาสข้าถึงร้อยครั้ง ข้าก็จะไม่ตอบตกลงกับสวะเฒ่าเช่นท่านหรอก”

สวะเฒ่า!

ผู้อาวุโสที่สี่แทบกระอักเลือดออกมา เขาทนไม่ได้อีกต่อไปจึงยกมือชี้หน้านางพร้อมกล่าวว่า “สาวน้อย เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!”

— ตูม! —

เขาตบออกไปฝ่ามือหนึ่ง ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าความเร็วของตนเองลดลงไม่น้อยเลย

เพราะความเร็วของเขาล่าช้าไปไม่น้อยนี้ จึงได้ทำให้มู่เฉียนซีสามารถกระโดดลงจากหน้าต่างของหอหมอปีศาจได้

หอหมอปีศาจนั้นเป็นสถานที่ของนาง ถ้าหากว่าสู้กันขึ้นมาแล้วมันพังทลายลงมาทั้งหมด ความเสียหายจะใหญ่หลวงมากทีเดียว

ใบหน้าของผู้อาวุโสที่สี่เริ่มเป็นสีเขียว “บ้าจริง ๆ ในห้องนี้มีพิษ รีบตามมนางไป อย่าให้เด็กสาวนั่นหนีไปได้เด็ดขาด!”

พวกเขานั้นไล่ตามมู่เฉียนซีไปพร้อมกับทำการสกัดกั้นพิษไปด้วยในเวลาเดียวกัน ในที่สุดมุมมุมหนึ่งในทวีปเซี่ยโจว พวกเขาก็ดักมู่เฉียนซีเอาไว้ได้  พิษของนางนั้นไม่ได้มีผลอะไรมากนักกับระดับมหาจักรพรรดิ  แต่สำหรับพวกระดับจักรพรรดิเหล่านั้น กลับต้องกินยาเสียจนเบื่อหน่าย พวกเขามองไปทางมู่เฉียนซีด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร

“สาวน้อย เจ้าช่างกล้านัก!  กล้าที่จะใช้พิษกับพวกเราเหล่าลูกศิษย์แห่งหุบเขาหมอเทวดา”

“ข้ารู้สึกว่าศิษย์แห่งหุบเขาหมอเทวดาก็ไม่เท่าไร! พวกเจ้าโดนพิษของข้าไป แต่กลับใช้เวลานานสองนานกว่าจะรู้ตัว ช่างเชื่องช้าเสียจริง” มู่เฉียนซีกล่าวเหยียดหยาม

ผู้อาวุโสที่สี่หรี่ตามองมู่เฉียนซี เด็กสาวผู้นี้ไม่เพียงแต่มีพรสวรรค์การปรุงยาที่เหนือกว่าคนทั่วไป ความสามารถในการปรุงพิษก็แกร่งเป็นอย่างมาก นับว่าเป็นความสามารถพิเศษที่หาได้ยาก

เมื่อเหล่าลูกศิษย์เห็นผู้อาวุโสที่สี่เป็นผู้ที่รักในผู้ที่มีความสามารถและเกิดความใจอ่อนขึ้นมา ลูกศิษย์คนโตของเขาจึงกล่าวขึ้น “ท่านอาจารย์ เจ้าเด็กผู้นี้จะเอาไว้ไม่ได้นะขอรับ ด้วยนิสัยหยิ่งยโสโอหังและเอาแต่ใจของนาง แม้ท่านจะเลี้ยงสั่งสอนนางไป อย่างไรเสียนางก็เป็นหมาป่าตาขาวที่เลี้ยงไม่เชื่อง”

ผู้อาวุโสที่สี่เข้าใจแจ่มแจ้งขึ้นมาทันใด “เจ้าพูดมิผิด หากชุบเลี้ยงนาง เกรงว่าจะเป็นการเลี้ยงเสือไว้เป็นภัยภายหลัง ฆ่าทิ้งเสียจะดีกว่า”

.