ตอนที่ 705 ผลึกชีวิตครึ่งเซียน

Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน

ตอนที่ 705 ผลึกชีวิตครึ่งเซียน
ฉินหยุนนึกถึงเชี่ยวเย่ว์หลานและชี่เม่ยเหลียน ทั้งสองยังอยู่ที่ลาน
กว้าง เวลานี้เขายิ่งร้อนรน
“ไว้ค่อยว่ากันหลังเจี้ยนหลิงหลงกลับมา! ด้วยกำลังระดับนาง สมควร
รับมือเรื่องราวได้ไม่ใช่น้อย!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว
เจี้ยนหลิงหลงเร่งรีบบินไปยังลานกว้าง เมื่อนางอยู่ไม่ไกลเท่าใดนัก
นางได้เห็นหมอกสีดำอ่อนจางคละคลุ้งกลางอากาศ หลังเข้าไปใกล้
สีหน้านางต้องแปรเปลี่ยนกะทันหัน “พิษ!”
นางเร่งรีบนำเอาผ้าคลุมศีรษะโปร่งแสงออกมา ปกคลุมศีรษะตนเอง
ไว้มิดชิด จากนั้นจึงค่อยบินเข้าไปในลานกว้างต่อ
ขณะนางบินเข้าไป นางได้เห็นกลุ่มคนกำลังนั่งขัดสมาธิกันอยู่เบื้อง
ล่าง
ซากศพและชิ้นส่วนจำนวนมากของบุคคลในชุดดำกระจัดกระจาย
ทั่วพื้น พวกมันกำลังส่งออร่าอสูรอันชั่วร้ายแผ่ออกมา
และเจี้ยนสือเทียน ก็อยู่ในกลุ่มคนที่นั่งขัดสมาธิกับพื้น ใบหน้าพวก
เขาเหล่านั้นกลายเป็นสีดำ มีหยาดโลหิตไหลหลั่งจากมุมปาก
สถานการณ์ที่เห็นตอนนี้กล่าวได้ว่าเลวร้ายยิ่ง
เมื่อเจี้ยนหลิงหลงบินลงมา ผู้คนในลานกว้างต่างอุทาน
“หลิงหลง พวกเราติดพิษ เป็นพิษร้ายแรงยิ่ง!” เจี้ยนสือเทียนกล่าว
ด้วยน้ำเสียงเบา
“พวกเจ้ามันพึ่งพาไม่ได้!” เจี้ยนหลิงหลงที่ได้รับฟัง นางพ่นคำสบถ
พร้อมนำดาบออกมาคิดบุกเข้าหากลุ่มผู้ฝึกตนอสูร
ชายชราเส้นผมสีทองก็มีสภาพย่ำแย่ไม่ต่างกันนัก กระนั้นเขาไม่ได้
รับบาดเจ็บสาหัสใด เขาหัวเราะด้วยเสียงอันดัง “หากเจ้ามีความกล้า
เช่นนั้นจงมาสังหารพวกเรา! พิษพวกนั้นไม่อาจรักษาหากไม่มีพวก
เรา!”
เมื่อตูเทียนตี้ได้เห็นเจี้ยนหลิงหลง ดวงตานั้นลุกโชนเป็นประกาย
เขาเผยเสียงหัวเราะชั่วร้ายดังขึ้น “สตรีผู้นี้คือเจี้ยนหลิงหลง นาง
ครอบครองจารึกวิญญาณจ้าวเต๋า ขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์ และยังเป็น
โฉมงามยังเยาว์!”
เจี้ยนหลิงหลงที่มาถึง นางรู้สึกไม่ใคร่สบายใจเท่าใดนักที่ถูกมอง
โดยเหล่าอสูรมากมายเพียงนี้ น้ำเสียงลุ่มลึกของนางกล่าวคำออก
“ให้ข้าทิ่มแทงดวงตาสุนัขพวกเจ้าให้มืดบอด!”
กล่าวคำจบ นางคิดทะยานตัวพุ่งออก กระนั้นเจี้ยนสือเทียนกลับ
ตะโกนห้ามปรามนางไว้
“หลิงหลง อย่าได้เข้าไป พวกมันล้วนรอให้เจ้าปรากฏตัว!” เจี้ยนสือ
เทียนตะโกนดัง “เร่งรีบกลับมาที่ตรงนี้! ด้วยพวกเราอยู่ที่นี่ พวกมัน
จะไม่กล้าเข้ามาใกล้ แม้พวกเราติดพิษ แต่หากพวกเรายอมเอาชีวิต
เข้าเสี่ยง คิดลากพวกมันตายตกไปยังทำได้!”
เจี้ยนหลิงหลงไร้ซึ่งทางเลือก นางมีแต่ต้องถอยกลับ พร้อมช่วยโคจร
พลังของนางใส่เข้าร่างเจี้ยนสือเทียนช่วยสะกดพิษเอาไว้ นางสบถ
ออกเสียงเบา “หน้าโง่ พวกเจ้าเหตุใดติดพิษกันหมดเช่นนี้?”
“พวกเจ้าต่างเป็นครึ่งเซียน! ใช้ชีวิตกันมายาวนานนับหมื่นปี ล้วน
เป็นจิ้งจอกเฒ่า กระนั้นกลับถูกผู้อื่นใช้พิษใส่เช่นนี้หรือ!”
นอกจากบรรดาผู้ฝึกตนอสูร แทบทุกคนในที่นี้ล้วนติดพิษกันหมดสิ้น
“หยุดต่อว่าพวกเราได้แล้ว ไม่ใช่พวกคนของหุบเขาเซียนโอสถก็ย่ำแย่
เช่นพวกเราหรือไร?” เจี้ยนสือเทียนรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าใดนัก เขาสบถ
เสียงเบา “นั่นก็เพราะพวกอสูรนั่น!”
เปาเฉิงโฉ่วเอ่ยถามเสียงเบา “ฉินหยุนเล่า? เขาอยู่ที่ใด?”
“อยู่ในหอคอยของข้า ที่นั่นปลอดภัย! แล้วตอนนี้พวกเราควรทำ
อย่างไรต่อดี?” เจี้ยนหลิงหลงเอ่ยถาม
“รอ! รอจนกว่าพวกเราจะล้างพิษได้สมบูรณ์ รอจนกำลังเสริมมาถึง!”
เจี้ยนสือเทียนกล่าว “เจ้าต้องช่วยคุ้มกันฉินหยุนให้ดี!”
ที่ลานกว้าง เปาเฉิงโฉ่ว เจี้ยนสือเทียน และอีกหลายคนต่างรวมตัว
ล้อมเป็นวง ภายในวงกลมขนาดใหญ่ เป็นบรรดาศิษย์ผู้เยาว์เช่น
เจี้ยนหนันหู่และเจี้ยนรั่วหยาน
ด้านนอกวงกลม ทั้งหมดเป็นจักรพรรดิยุทธ์และครึ่งเซียน แน่นอน
ว่าภายใต้ผลของค่ายอาคมใหญ่ของนครแห่งดาบ จักรพรรดิยุทธ์
และครึ่งเซียนจึงเหลือระดับการฝึกฝนเพียงที่ราชันยุทธ์
ครึ่งเซียนจากหุบเขาเซียนโอสถตะโกนดังขึ้น “เร่งรีบส่งตัวฉินหยุน
เพื่อแลกกับยาถอนพิษได้แล้ว! พิษเช่นนี้แม้พวกเราครึ่งเซียนก็ไม่
อาจต้านทานเอาไว้ได้นาน คิดฟื้นตัวเป็นเรื่องยาก ความจริงที่ว่าต้าน
พิษได้จนถึงตอนนี้ก็ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว!”
ผู้คนของขุนเขาเซียนอัคคีคราม ขั้วอำนาจอื่น รวมถึงตระกูลและ
สำนักทั้งหลายต่างร้องตะโกนให้ส่งตัวฉินหยุนไป
ชายชราเส้นผมสีทองแค่นเสียงกล่าว “ข้าไม่ได้ต้องการเพียงแต่ฉิน
หยุน! ข้ายังต้องการต้นกำเนิดเซียน! สิ่งใดข้าชื่นชอบในตำหนัก
เซียนดาบ พวกเจ้าล้วนต้องส่งมอบให้แก่ข้าเพื่อแลกยาถอนพิษ!”
“กลุ่มคนสารเลวเช่นพวกเจ้าถึงขั้นกล้าดีก่อการเช่นนี้ในพื้นที่
ตำหนักเซียนดาบเราอย่างนั้นหรือ?” เจี้ยนหลิงหลงมีโทสะ นาง
ปล่อยดาบต้นกำเนิดออกมาควบคุมมันลอยลิ่ว
ชายชราเส้นผมสีทองเร่งรีบต้านรับไว้ด้วยฝ่ามือพร้อมกล่าวโกรธ
เกรี้ยว “มีแต่พวกเราจึงสามารถถอนพิษตาเฒ่าพวกนั้นได้! หากเจ้า
ไม่ส่งมอบตัวฉินหยุน เช่นนั้นพวกมันตาย แคว้นมหาดวงดาวของ
พวกเจ้าก็จบสิ้น!”
เจี้ยนหลิงหลงยิ่งมีโทสะ นางมองที่เจี้ยนสือเทียนพร้อมถามเสียงเบา
“พวกเจ้าคิดยืนขึ้นยังทำไม่ได้?”
“พวกมันล้วนมาจากเขตแดนลึกล้ำอสูรอ้างว้าง พวกเราไม่เคยพบ
เจอพิษเช่นนี้มาก่อน จะกล่าวโทษพวกเราด้วยเรื่องนี้ไม่ได้!”
“พวกเจ้ามันอ่อนแอ ถูกกวาดล้างจนหมดสิ้นก็สมควรแล้ว!” เจี้ยน
หลิงหลงสบถคำจบ นางจึงเร่งรีบบินออกไปจากลานกว้าง
เชี่ยวเย่ว์หลานนั่งอยู่ที่พื้นที่ภายในวงล้อม ชี่เม่ยเหลียนนอนอยู่บน
หน้าตักของนาง แม้ว่านางบาดเจ็บ กระนั้นตอนนี้หาได้ถูกพิษไม่
มีแต่นางและเชี่ยวเย่ว์หลานที่สามารถต้านหมอกพิษ ส่วนผู้อื่น ล้วน
ติดพิษกันทั้งสิ้น
“พี่เย่ว์หลาน พี่ชายต้องถูกแลกตัวกับยาถอนพิษหรือ?” ชี่เม่ยเหลียน
เป็นกังวล นางส่งเสียงสื่อสารต่อเชี่ยวเย่ว์หลานที่ยังคงใส่หน้ากาก
“อย่าได้กังวลไป! เสี่ยวหยุนย่อมไม่เป็นไร! เด็กสาวหน้าโง่ เหตุใด
เจ้าจึงปิดซ่อนตัวตนจากข้าและเสี่ยวหยุนกัน?” เชี่ยวเย่ว์หลานเอ่ยต่อ
ว่าอย่างไม่จริงจังนัก ทั้งยังหยิกมือน้อยของชี่เม่ยเหลียน
“ข้าเป็นกังวลว่าระหว่างงานประลองยุทธ์ พี่ชายจะต่อว่าข้า เป็นข้า
ต้องการให้เขาชนะ!” ชี่เม่ยเหลียนกล่าวคำ
“ก็ได้! ข้าเองก็ยินดีนักที่พบเจ้า! เสี่ยวหยุนจะยิ่งยินดีกว่าข้า อีกไม่ช้า
เขาสมควรมาที่นี่!” เชี่ยวเย่ว์หลานยิ้มกล่าว
“ไม่ได้ หากพี่ชายมา เขาต้องถูกจับตัวแน่! ทุกคนที่นี่ต่างติดพิษ ท่าน
และข้าไม่อาจเอาชนะกลุ่มคนเลวจากแดนอสูรอ้างว้างเหล่านั้นได้
ไหว!” ชี่เม่ยเหลียนพลันเผยความกังวล
“อย่าได้กลัวไป เสี่ยวหยุนเก่งกาจ เขาย่อมต้องจัดการตัวบัดซบ
เหล่านี้ได้!”
“จริงด้วย เสี่ยวเม่ยเหลียน เจ้าลักลอบเข้าไปตระกูลหลงได้อย่างไร?”
เชี่ยวเย่ว์หลานนึกขึ้นได้จึงเอ่ยถาม
“เดิม… เดิมเป็นเย่ว์เหม่ยที่ปลอมตัวเป็นหลงเย่ว์ ทว่านางได้พบข้า
เข้า นางจึงบอกต่อข้าว่ามีเรื่องอื่นต้องไปทำ ดังนั้นนางจึงให้ข้าไป
แทนที่ หลังจากนั้นนางก็ไม่กลับมาอีกเลย” ชี่เม่ยเหลียนกล่าว
“เย่ว์เหม่ยกระทำเกินเลยไปแล้ว นางถึงขั้นลากเจ้ามายุ่งเกี่ยวเรื่อง
เช่นนี้ เจอกันครั้งหน้าข้าต้องสั่งสอนนาง!” เชี่ยวเย่ว์หลานโกรธไม่
น้อย
“พี่เย่ว์หลาน อย่าได้ทำร้ายเย่ว์เหม่ยไป! เย่ว์เหม่ยกล่าวต่อข้า ว่าหาก
ชนะ ข้าจะทำให้ตระกูลหลงได้รับต้นกำเนิดเซียน จากนั้นเมื่อถึงเวลา
นางจะลักลอบขโมยมันไปให้แก่พี่ชาย แต่หลังจากนั้น ไม่ทราบว่า
เพราะเหตุอันใดนางจึงไม่กลับมา สุดท้ายแล้ว ข้าจึงได้แต่ตามคน
ของตระกูลหลงมายังที่นี่”
ชี่เม่ยเหลียนเป็นกังวลถึงเชี่ยวเย่ว์เหม่ยไม่ใช่น้อย
“อย่าได้ห่วงนางปีศาจน้อยนั่นแล้ว!”
เชี่ยวเย่ว์หลานทราบกระจ่างชัดดี ว่าน้องสาวของตนมักสร้างปัญหา
ไปทั่วทุกที่ นางแทบไม่มีอะไรให้ต้องกังวลห่วงหาถึงด้วยซ้ำ
พวกนางทั้งสองส่งเสียงสื่อสารพูดคุยกัน ถึงเรื่องราวตลอดช่วง
หลายปีที่ผ่านมานี้
ฉินหยุนกำลังแกะสลักโทเทมมังกรอยู่ภายในหอคอย เวลานี้แทบ
ใกล้เสร็จสิ้นแล้ว
เขาเพียงแต่วาดโทเทมมังกร หาได้ใช่การแกะสลักลงบนอุปกรณ์ใด
ดังนั้นจึงสามารถสำเร็จได้รวดเร็ว
เจี้ยนหลิงหลงกลับมาพร้อมใบหน้าสุมอัดด้วยโทสะ
“ผู้อาวุโสหลิงหลงท่านเป็นอะไร? ผู้ใดทำท่านมีโทสะเพียงนี้?” ฉิน
หยุนเอ่ยถาม
“ตัวบัดซบเจี้ยนสือเทียนและผู้อื่น เป็นพวกหน้าโง่ที่จัดการสวะ
เช่นนั้นยังทำกันไม่ได้!” เจี้ยนหลิงหลงกระทืบเท้าอย่างโกรธแค้น
นางนั่งเก้าอี้อย่างรุนแรงพลางหอบหายใจ “ข้าไม่ทราบแล้วว่าตอนนี้
ควรทำอย่างไรดี!”
ฉินหยุนสีหน้าแปรเปลี่ยน สายตาของเขาเหม่อไปครู่ ก่อนจะเอ่ยถาม
ด้วยความกังวล “ท่านหมายความว่าอะไร? ที่ลานกว้างเกิดเรื่องใดขึ้น?”
“กลุ่มคนหน้าโง่ของเจี้ยนสือเทียนล้วนติดพิษกันหมดสิ้น พวกมัน
ได้แต่นั่งกับพื้นนิ่งเฉยสะกดพิษไปเรื่อย! แน่นอนว่ากลุ่มตัวบัดซบ
จากเขตแดนลึกล้ำอสูรอ้างว้างพวกนั้นก็หวาดเกรงพวกเจี้ยนสือ
เทียนทุ่มสุดตัว ดังนั้นพวกมันจึงยังไม่บุกโจมตีอย่างเต็มที่!”
เจี้ยนหลิงหลงหันมองทางฉินหยุนและกล่าว “วาดโทเทมมังกรของ
เจ้าต่อไป เมื่อใดเสร็จ ข้าจะหนีไปพร้อมกับเจ้า! เจ้าและข้าต่างเป็น
เป้าหมายหลักของพวกมัน!”
ฉินหยุนกลายเป็นร้อนใจ นั่นก็เพราะเชี่ยวเย่ว์หลานและชี่เม่ยเหลียน
ยังอยู่ที่ลานกว้างแห่งนั้น ทั้งสองถือเป็นคนที่เขาห่วงหาถึงที่สุด พวก
นางไม่ต่างอะไรกับคนในครอบครัวของเขา
“สงบใจลงก่อน! เมื่อใดโทเทมมังกรเสร็จสิ้น ข้าจะไปพร้อมเจ้า!”
เจี้ยนหลิงหลงพบเห็นความกังวลผ่านสีหน้าฉินหยุน น้ำเสียงของ
นางนุ่มนวลพยายามปลอบประโลม
“ไม่ได้ ข้าไม่อาจไป! ที่ลานกว้างแห่งนั้น มีคนที่สำคัญต่อข้า ข้าต้อง
ช่วยพวกนางไว้ให้ได้!” ฉินหยุนกล่าว
“ผู้ใด? หรือแม่เด็กรั่วหยาน? ได้ยินว่านางมีใจให้เจ้านี่นะ!” เจี้ยน
หลิงหลงกล่าว
“ภรรยาข้าอยู่ที่ลานกว้างนั่น! แล้วก็ใช่ ข้าห่วงน้องหยานด้วย
เช่นกัน!” ฉินหยุนเผยเสียงร้อนรน
“เจ้ามีภรรยาแล้ว? ผู้ใดกัน? สงสัยนักว่าตัวตนเช่นใดเป็นภรรยาเจ้า
ได้?” ดวงตางดงามของเจี้ยนหลิงหลงเป็นประกายพร้อมเอ่ยถาม
อย่างนึกสงสัย
“นี่ไม่ใช่เวลาพูดกล่าวถึงเรื่องนั้น!” ฉินหยุนยิ่งร้อนรุ่มดังอัคคีแผด
เผา เขาได้แต่ต้องพยายามฝืนสงบใจแกะสลักโทเทมมังกรต่อไป
เจี้ยนหลิงหลงมองทางฉินหยุนพร้อมถาม “ฉินหยุน ที่พระราชวัง
เซียนยุทธภัณฑ์มีเซียนคงอยู่ ทั้งนางยังเป็นสตรี นางชราแล้วหรือไม่?”
“ไม่ชรา ทว่ายังสาว และงดงามยิ่ง! นางคือเซียน เหตุใดท่านจึงถาม?”
ฉินหยุนถามกลับ
“ให้นางออกมา!” เจี้ยนหลิงหลงยิ้มกล่าว “ในเมื่อนางแข็งแกร่งเพียง
นั้น นางเพียงพลิกฝ่ามือย่อมแก้ไขสถานการณ์ตอนนี้ได้! กล่าวถึง
เรื่องนี้ รูปลักษณ์นางเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับข้า? นางงดงามกว่าข้า
งั้นหรือ?”
“พวกท่านต่างงดงามในแบบของตน สีหน้าของนางเย็นเยือก หาได้
อ่อนโยนและมีเมตตาเช่นท่าน! แน่นอนว่าพวกท่านสองคนล้วน
เหมือนกัน นั่นก็คือความดุร้ายที่ซุกซ่อน!” ฉินหยุนถอนหายใจ
“บ่อยครั้งนางจะเก็บตัวฝึกฝน เรียกให้นางออกมาไม่ใช่เรื่องง่าย!”
ฉินหยุนในที่สุดจึงแกะสลักโทเทมมังกรเสร็จสิ้น “ให้ข้าออกไป
จัดการตัวบัดซบเหล่านั้น พวกมันถึงขั้นกล้าคุกคามภรรยาข้า ต้องส่ง
พวกมันลงนรกเสียให้หมด!”
เจี้ยนหลิงหลงมองที่แผ่นหนังสัตว์พร้อมอุทานชื่นชม นางกล่าวต่อ
ฉินหยุน “ลำพังเพียงเจ้า? คิดไปสั่งสอนบทเรียนต่อพวกมันที่มาจาก
เขตแดนลึกล้ำอสูรอ้างว้าง? ข้าเกรงว่าเมื่อใดเจ้าไปถึงที่นั่น เจ้าก็ติด
พิษไปก่อนแล้ว! ติดตามข้าออกไปสู่ภายนอก เรียกหากำลังเสริมยังดี
เสียกว่า!”
“ข้า ฉินหยุนผู้นี้ผ่านทะเลคลั่งมาก็มาก ยังมีอันใดที่ข้าไม่เคยพบเห็น
และเผชิญ?”
ฉินหยุนมีวิธีรับมือกับอสูรจากเขตแดนลึกล้ำอสูรอ้างว้างมากมายนัก
ยกตัวอย่าง เขาสามารถปล่อยจอมราชันดวงดาวอสูรออกมาพลิก
กลับสถานการณ์ได้
เจี้ยนหลิงหลงพบว่าไม่อาจเกลี้ยกล่อมฉินหยุน นางจึงกล่าว “หาก
เจ้าออกไป ก็มีแต่จะถูกพวกมันจับตัว! ตราบเท่าที่พวกมันจับตัวเจ้า
ได้ เมื่อนั้นพวกมันก็บีบบังคับให้หยางฉีเย่ว์ปรากฏตัวได้!”
“จารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวเย้ายวนต่อผู้คนจนเกินไป อสูรเหล่านั้น
ล้วนเดินทางมาจากเขตแดนลึกล้ำอสูรอ้างว้าง พวกมันตระเตรียมมา
เป็นอย่างดี เป้าหมายก็เพื่อชิงตัวเจ้า!”
“ผู้อาวุโสหลิงหลง ในหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรของข้ามีครึ่ง
เซียนตระกูลหลงอยู่! หากข้าปล่อยมันออกมา มันย่อมถูกสะกดพลัง
เหลือเพียงราชันยุทธ์ ท่านมีวิธีนำเอาแก่นเต๋าครึ่งเซียนของมัน
ออกมาหรือไม่?” ฉินหยุนกล่าวถาม
“ครึ่งเซียนไม่มีแก่นเต๋า ที่มีคือผลึกแก้วชีวิต! ผลึกแก้วชีวิตของครึ่ง
เซียนมีอำนาจเลิศล้ำ เจ้าคิดทำอะไร? ระเบิดใส่พวกมันอย่างนั้น
หรือ?”
“อย่าได้คิดแล้ว ข้ามั่นใจว่าผลึกแก้วชีวิตนั่นสามารถถล่มเกาะนี้
สังหารผู้คนแทบทั้งหมดจนตายตกได้!” เจี้ยนหลิงหลงกล่าว
“อย่าได้ห่วงเรื่องนั้น เพียงนำมันออกมาให้แก่ข้า!” ฉินหยุนนำเอา
หม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรออกมา
“ได้ วางใจข้าได้! สับฟันผู้คนออกเป็นชิ้นเนื้อ ข้าย่อมทำมาไม่น้อย
แล้ว รับประกันได้ว่าผลงานย่อมทำให้เจ้าพึงพอใจ!”
เจี้ยนหลิงหลงกลายเป็นยินดีขึ้นมา เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่นางจะได้
ทำอะไรอย่างการลงมือสังหารครึ่งเซียนด้วยตนเอง