องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 419 ท่านพ่อของเธอตรงไปตรงมา
แม่ทัพฉีกล่าวพร้อมกับเปล่งรัศมีออกไป ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองท่านพ่อของเธอ จู่ๆ ก็นึกขึ้นมาได้ว่าแผนการของท่านพอของเธอนั้นช่างแยบยลและลึกซึ้งอย่างมาก
ถึงแม้จะเป็นการโอ้อวด แต่จุดประสงค์หลักของเขานั้นไม่เพียงแค่พูดโอ้อวดอย่างง่ายดายเช่นนั้น
จวินเจิ้งตงหัวเสีย “เจ้าไม่ต้องมาพูดจาโอ้อวดต่อหน้าข้า เจ้าก็ไม่ได้เก่งไปกว่าข้าสักเท่าไรหรอก เจ้าและข้าต่างก็เป็นขุนนาง ลูกสาวของเจ้าถูกบังคับให้เป็นพระชายาเย่อยู่ในเมืองหลวง ลูกสาวของข้าถูกบังคับให้เป็นพระชายาตวนในเมืองหลวง ลูกสาวของข้าถูกทำโทษประหารชีวิตไปแล้ว เจ้าก็ไม่ได้ดีไปกว่าข้านักหรอก
เจ้าอย่าลืมว่า เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล เพียงแค่ยังไม่ถึงเวลาของเจ้า ต้องมีสักวันที่ลูกสาวของเจ้าก็จะต้องตายไปเช่นนั้น ถึงตอนนั้นเจ้าก็เหมือนกับข้า”
ฉีเฟยอวิ๋นถาม “ท่านแม่ทัพจวิน ท่านคิดว่าที่จักรพรรดิแต่งตั้งพวกข้าก็เพื่อต้องการควบคุมแม่ทัพอย่างท่านและท่านพ่อข้าอย่างนั้นหรือ?”
“เช่นนั้นเจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?” แม่ทัพจวินมีสีหน้าไม่ดีนัก “ข้าจะทำอย่างไรก็ต้องตาย ช้าหรือเร็วก็ตายเหมือนกัน เดิมทีข้าสามารถซื่อสัตย์จงรักภักดีได้ กักขังภรรยาและลูกๆ ข้าก็ยอมแล้ว แต่กลับทำให้ลูกสาวของข้าตายไป จะให้คนที่เป็นพ่ออย่างข้าทนได้อย่างไร?
หลายปีมานี้ข้าจวินเจิ้งตงไม่กล้าพูดว่าข้าทำได้ดีที่สุด แต่ก็มีความจงรักภักดี ข้าคอยปกป้องคุ้มครองพื้นที่เขตชายแดน คิดว่าข้าไม่คิดถึงครอบครัวของข้าหรืออย่างไร?
มีความโกรธเกลียดมากมายเพียงใดถึงต้องฆ่าลูกสาวของข้าให้ตาย นางอายุเท่าไรเอง?”
จวินเจิ้งตงพูดพลางร้องไห้ไปพลาง ฉีเฟยอวิ๋นกลับรู้สึกเสียใจขึ้นมา
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองแม่ทัพฉีและกล่าวว่า “ท่านพ่อ ท่านไม่ได้บอกเรื่องลูกสาวของเขากับเขาหรอกหรือ?”
“พูดอะไรอีก คนก็ตายไปแล้ว จะมีอะไรให้ต้องพูดอีก พูดไปเขาจะยิ่งเสียใจ”
“……” ฉีเฟยอวิ๋นพูดไม่ออก พ่อของเธอตรงไปตรงมามาก!
“ท่านแม่ทัพจวินก็รู้ว่าท่านพ่อของข้าเป็นคนตรงไปตรงมา มีเรื่องบางเรื่องเขาก็ไม่ต้องการให้ท่านรู้สึกปวดใจ ฉะนั้้นจึงไม่ได้บอกท่าน แต่ข้าจำเป็นต้องพูดกับท่านว่าจวินฉูฉู่ลูกสาวของท่านเป็นคนที่ชั่วร้ายอย่างมาก” ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเศร้าใจ แต่ยังคงตัดสินใจที่จะพูดความจริงออกมา
เมื่อจวินเจิ้งตงได้ยินที่ฉีเฟยอวิ๋นพูดออกมา เขาค่อยๆ จ้องมองฉีเฟยอวิ๋นตาเขม็ง จนทำให้เธอรู้สึกตกใจ
“เจ้าคนเลวพูดจาแต่เรื่องเลวๆ!”
จวินเจิ้งตงคำราม แม่ทัพฉีรู้สึกไม่ยอม “เจ้าสารเลว อวิ๋นอวิ๋นลูกสาวข้าบอกเจ้าด้วยความหวังดี แต่เจ้ากลับข่มขู่อวิ๋นอวิ๋น หากนางตกใจไปเพราะคำพูดของเจ้า คอยดูข้าจะถลกหนังของเจ้า”
“แม่ทัพฉี พวกเจ้าสองคนพ่อลูกไม่ใช่คนดีอะไร จวินฉูฉู่ลูกสาวของข้าตายไปแล้ว แต่พวกเจ้ากลับยังพูดเช่นนี้ หากข้าออกไปได้ข้าจะไม่มีวันอภัยให้พวกเจ้า” จวินเจิ้งตงต้องการหลบหนีออกมาจากข้างใน แต่เท้าของเขาถูกล่ามโซ่เอาไว้ และไม่สามารถขยับไม่ไหนได้ และข้อเท้าก็มีรอยเลือดออกมา
ฉีเฟยอวิ๋นพูดด้วยความโมโห “หุบปากซะ ใครให้เจ้าพูดตะคอกท่านพ่อของข้า”
จวินเจิ้งตงตกตะลึง แม่ทัพฉีก็ตะลึงเช่นเดียวกัน
จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นจึงลูบท้องเพื่อป้องกันจะมีอันตรายถึงเด็กในท้อง
ใบหน้าอันเย็นชาของฉีเฟยอวิ๋นหันไปมองจวินเจิ้งตงและกล่าวว่า “ท่านฟังข้าพูดให้จบ หากคิดว่าข้าพูดไม่ถูกต้อง เช่นนั้นต่อไปข้าก็จะไม่พูดแล้ว แต่ท่านเป็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ท่านยังไม่ตายก็น่าจะได้ยินข่าวคราวมาบ้าง ตั้งแต่จักรพรรดิจนไปถึงตลาด จวินฉูฉู่ลูกสาวของท่านเป็นคนดีหรือเลวอย่างไรก็น่าจะพอถามได้
ท่านคิดว่าลูกสาวของท่านเป็นคนดี แต่คนอื่นก็อาจไม่ได้คิดเช่นนั้น
ลูกสาวของท่านตายไปแล้ว ข้าก็พอจะเข้าใจความรู้สึกคนผมหงอกส่งคนผมขาวของท่าน แต่ท่านลองนึกดู หากท่านอ๋องตวนตายไป อวิ๋นหลัวจวิ้นจู่ตายไป หรือข้าตายแล้ว พ่อแม่ของพวกเราจะไม่เสียใจอย่างนั้นหรือ?”
“เจ้าพูดอะไรนะ?” จวินเจิ้งตงไม่เข้าใจและรู้สึกว่าคำเหล่านี้ฟังดูแปลกๆ
ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่เกรงใจ เล่าเรื่องความชั่วร้ายของจวินฉูฉู่ให้จวินเจิ้งตงฟังทั้งหมด จวินเจิ้งตงตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “พวกเจ้าสองคนพ่อลูกใส่ร้ายลูกสาวข้า พวกเจ้าเป็นคนเช่นไรคิดว่าข้าไม่รู้หรือ คนในเมืองหลวงมีหรือที่ไม่รู้ว่าเจ้าไร้ยางอายแค่ไหน ตกหลุมรักท่านอ๋องเย่แล้วใช้กลอุบายเพื่อให้ได้มาครอง จวินฉูฉู่ลูกสาวของข้าจะเป็นอย่างที่เจ้าพูดได้อย่างไร?”
ฉีเฟยอวิ๋นส่ายหน้า “เรื่องที่ควรพูดไปก็พูดไปหมดแล้ว ท่านเชื่อหรือไม่เชื่อข้าก็ไม่ามารถทำอะไรได้ แต่ทางที่ดีท่านลองถามท่านพ่อและครอบครัวของท่านดู เรื่องนี้ท่านราชครูจวินรู้ดีกว่าใครทั้งนั้น และข้าขอบอกท่านว่า ลูกสาวคนที่สองของท่านเกือบตายเพราะเงื้อมมือของลูกสาวคนโตของท่าน
เพียงเพราะจวินฉูฉู่ต้องการเป็นฮองเฮาจึงคิดกลอุบายต่างๆ นางโกรธเกลียดข้าและต้องการฆ่าข้า และไม่ใช่แค่เพียงครั้งเดียว
อีกทั้งนางตายเพราะตัวนางเอง หากไม่ใช่เพราะนางต้องการฆ่าอวิ๋นหลัวจวิ้นจู่ในลมหายใจสุดท้ายของนาง นางก็คงไม่ตายเพราะหัวใจวายหรอก
ท่านรู้เพียงว่านางตายไปแล้ว ท่านที่เป็นพ่อกลับไม่ถามว่านางตายได้อย่างไร?”
จวินเจิ้งตงพิงไปที่ถังไม้ดวงตาไร้วี่แวว
แม่ทัพฉีมองจวินเจิ้งตงแล้วรู้สึกสงสาร จากนั้นจึงจูงฉ๊เฟยอวิ๋นออกไปข้างนอก
เมื่อสองพ่อลูกกลับออกไป ฉีเฟยอวิ๋นรีบอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปพบแม่ทัพฉี
ฉีเฟยอวิ๋นออกมาจากข้างในก็เห็นแม่ทัพฉียืนเอามือไพล่หลังอยู่หน้ากระโจมใหญ่ ฉีเฟยอวิ๋นเดินเข้าไปใกล้และแม่ทัพฉีก็หันมามองลูกสาว เขากลัวว่าลูกสาวจะรังเกียจ จึงรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้กลิ่นอะไรที่ไม่ดี
“ท่านพ่อ ดูเหมือนท่านจะไม่มีความสุข” ฉีเฟยอวิ๋นมองออก
แม่ทัพฉีถอนหายใจออกมา “อวิ๋นอวิ๋น อันที่จริงจวินเจิ้งตงก็พูดถูก พวกเราต่างก็ใช้ชีวิตอยู่ภายนอกเพื่อปกป้องรักษาอาณาเขตชายแดน พวกเจ้าอยู่ในเมืองหลวงก็เพื่อควบคุมพวกข้า?”
“ท่านพ่อ ท่านสับสนมาตลอด ทำไมถึงคิดได้แล้วล่ะเจ้าคะ?”
ฉีเฟยอวิ๋นยิ้มอย่างเป็นมิตร แม่ทัพฉีพยักหน้าและยื่นมือออกมาลูบศีรษะของฉีเฟยอวิ๋น “พ่อหวังว่าพ่อยังเป็นหนุ่มและอวิ๋นอวิ๋นยังเล็กอยู่ เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วงอีกแล้ว
พ่อแก่แล้ว อวิ๋นอวิ๋นก็โตขึ้นแล้ว แต่ต้องมีสักวันที่เราจะไร้ประโยชน์ขึ้นมา หากไร้ประโยชน์ขึ้นมาจะทำเช่นไร?
จวินเจิ้งตงก็เป็นเพราะเขาไร้ประโยชน์แล้ว เมื่อไม่มีประโยชน์อีกต่อไปลูกสาวของเขาก็ไม่เป็นที่โปรดปรานอีกแล้ว
พ่อหวังอย่างยิ่งว่าเจ้าจะเจอคนดีๆ แต่เจ้ากลับชอบเขา พ่อกลัวว่าวันข้างหน้าเขาจะเปลี่ยนใจและอวิ๋นอวิ๋นเองจะเป็นทุกข์”
“ท่านพ่อวางใจได้ ลูกจะไม่ทุกข์อย่างแน่นอน ลูกจะมีแต่ความสุข”
แม่ทัพมองไปที่ลูกสาวโดยไม่รู้ว่าควรพูดอะไร ทำได้เพียงพูดเรื่องอื่น เมื่อพูดถึงจวินฉูฉู่ แม่ทัพฉีก็กล่าวว่า “คนก็ตายไปแล้ว อภัยให้นางได้ก็อภัยให้นางไป ไม่ต้องไปพูดให้เขาโกรธเคืองอีกแล้ว เพราะอย่างไรเสียเขาก็สูญเสียลูกสาวไปแล้ว”
“ท่านพ่อ หากข้าถูกฆ่าตาย และคนที่ฆ่าข้าคือจักรพรรดิ ท่านจะทำอย่างไรหรือ?” ฉีเฟยอวิ๋นถามก็เพียงเพื่อต้องการทดสอบ อันที่จริงในใจของเธอก็เข้าใจก่อนหน้าแล้วว่าพ่อของเธอจะไม่ยอมอย่างแน่นอน ไม่ว่าใครเป็นคนฆ่าเธอ
เป็นอย่างที่คิด เมื่อแม่ทัพฉีได้ยินก็ดวงตาจ้องเขม็งขึ้นมา “หากเขากล้า พ่อจะสับเขาเป็นชิ้นๆ ให้ละเอียดไปเลย”
“ท่านพ่อ ท่านต้องการทำซาลาเปาหรือ?” ฉีเฟยอวิ๋นหมดคำจะพูด
แม่ทัพฉีเหลือบมองลูกสาว “อวิ๋นอวิ๋น สัญญากับพ่อ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นขอให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไป”
“ท่านพ่อ ข้ายังต้องกตัญญูต่อท่านมากๆ ฉะนั้นข้าต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป” แม่ทัพฉีรู้สึกซาบซึ้งในเหตุการณ์เช่นนี้ เมื่อเห็นจุดจบของจวินเจิ้งตง ท่านพ่อของเธอก็เริ่มรู้สึกเป็นกังวล
ฉีเฟยอวิ๋นคิดว่า หากเธอยังเป็นเจ้าของร่างเดิมละก็ คนที่ร้องตะโกนโวยวายอยู่ในห้องน้ำก็อาจไม่ใช่จวินเจิ้งตง คงจะเป็นท่านพ่อของเธอ
ความสามารถของเจ้าของร่างเดิมนั้น ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจวินฉูฉู่เลย
พ่อของเธอไม่เคยยอมแพ้เลยสักครั้ง ไม่ว่าจะร้ายหรือดี พ่อของเธอก็ยังคงรักเธอ
“พ่อไม่ต้องการความร่ำรวย พ่อหวังเพียงแค่เจ้ามีชีวิตที่ดี นับว่าท่านอ๋องเย่ก็ยังพอมีใจ พ่อก็จะไม่คิดถึงเก่าๆ อีก อนาคตหากเขาไม่ดีต่อเจ้า พ่อจะตัดหัวของเขา” แม่ทัพฉีกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง
ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้า “แน่นอนเจ้าค่ะ”
สองพ่อลูกยืนอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงเดินกลับไปพร้อมกัน