รอยยิ้มบนใบหน้าของฉิวจือเฉียนค่อยๆเริ่มจางหายไป
หลิวซีฉีกำลังหมายถึงอะไร?
แอร์โฮสเตสเป็นแค่คนรับใช้บนเครื่องบินงั้นหรอ?
แล้วเรื่องที่พนักงานต้อนรับแทบจะคุกเข่ารับใช้พวกเขาในชั้นเฟิร์สคลาสอีก?
ซึ่งฉิวจือเฉียนเองก็เคยเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเช่นกัน ทำให้เหมือนกับว่าตอนนี้ หลิวซีฉีนั้นกำลังพูดเหน็บแนมเธออยู่!
หลิวซีฉีเหมือนจะไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของฉิวจือเฉียน เธอยังพูดกับตัวเองต่อไป “ที่ฉันไม่ได้ไปทำงานที่เซี่ยกั๋วแอร์ไลน์ ก็เพราะว่าฉันรู้ว่านิสัยของแอร์โฮสเตสเหล่านั้นดี”
เธอรู้นิสัยของแอร์โฮสเตสจึงไม่ได้เข้าทำงานที่เซี่ยกั๋วแอร์ไลน์ นี่หมายความว่ายังไงกัน?
และตอนสัมภาษณ์ใครกันที่ไปติดสินบนกับกรรมการ?
และก็เนื่องจากมีคนรายงานผู้บริหารระดับสูงไม่ใช่หรือไง เซี่ยกั๋วแอร์ไลน์จึงไม่รับเธอเข้าทำงาน?
เดิมที ฉิวจือเฉียนคิดว่าการพูดคุยกันครั้งนี้ จะเป็นแค่การพูดคุยของเพื่อนร่วมห้องที่ไม่ได้เจอกันมาสองปีเท่านั้น
ถึงแม้ว่าหลิวซีฉีจะไม่ใช่เพื่อนที่สนิทมากนัก แต่พวกเธอก็มีความสัมพันธ์ฉันมิตรต่อกัน
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ดูเหมือนว่า…ความสัมพันธ์นั้นจะเปลี่ยนไปแล้ว
ความหวังดีที่เธอต้องการปฏิบัติต่อหลิวซีฉีในฐานะเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่ง แต่นั้นมันทำให้หลิวซีฉีต้องการอวดตัวตนของตัวเอง
หลิวซีฉีพูดด้วยน้ำเสียงขอโทษ “โอ้ ขอโทษที… ฉันไม่ได้จะพูดในสิ่งที่เธอกำลังคิดอยู่นะ… เพราะตอนนี้เธอไม่ใช่แอร์โฮสเตสแล้ว ดังนั้น ฉันคิดว่าเธอจะไม่สนใจมันแล้วซะอีก”
ฉิวจือเฉียนไม่ได้พูดตอบโต้อะไร
ในขณะนั้นเอง หลิวซีฉีก็สังเกตไปเห็นหลินฟานที่ยืนถัดจากฉิวจือเฉียนเข้าพอดี เธอถามอย่างสงสัย “คนนี่คือ… ”
“โอ้ ผมคือแฟนของจือเฉียนเอง ชื่อหลินฟาน” หลินฟานได้ตอบกลับ
“จือเฉียน ยินดีด้วยสำหรับการสละโสดนะ!” หลิวซีฉีพูดออกมาจากหัวใจของเธอจริงๆ
เพราะหลินฟานนั้นหล่อมาก
เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาเล็กน้อยเมื่อนึกถึงสามีของตัวเอง
พอพูดถึงหลินฟาน ใบหน้าของฉิวจือเฉียนก็แสดงรอยยิ้มอันแสนหวานออกมาอีกครั้งก่อนจะพูดว่า “ขอบคุณ”
เธอรู้สึกว่าสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของเธอก็คือการได้พบกับหลินฟาน
หลิวซีฉีมองไปที่รูปลักษณ์ที่มีความสุขของฉิวจือเฉียน เธอเองก็เริ่มรู้สึกไม่มีความสุข “หลินฟานใช่ไหม คุณทำงานอะไรอยู่?”
“ตอนนี้… ผมกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเจียงเป่ย” หลินฟานกล่าว
เมื่อหลิวซีฉีได้ยินคำตอบของหลินฟาน เธอก็แทบจะหัวเราะออกมา
เธออยากจะหัวเราะอย่างเยาะเย้ยที่ฉิวจือเฉียนได้แฟนที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่
ก็ใช่!
ที่ว่าหลินฟานนั้นหน้าตาดี!
แต่ความหล่อจะไปมีประโยชน์อะไร?
เอามาทานแทนอาหารสักมื้อได้ไหม?
แค่ใช้ชีวิตยังลำบากเลย
หลิวซีฉีเก็บรอยยิ้มของเธอไว้แล้วพูด “จือเฉียน ฉันอิจฉาเธอจริงๆ ที่ได้นักศึกษาวิทยาลัยมาเป็นแฟน … ในกรณีนี้ เขาต้องมีเวลาอยู่กับเธอเยอะมากแน่ๆ ทั้งสองคนคงมีความสุขมากๆจริงๆ! ”
“ไม่เหมือนกับฉันเลย! ที่เจอสามีที่ก่อตั้งบริษัทเป็นของตัวเอง จนไม่มีเวลามาอยู่กับฉันเลย… เขายุ่งอยู่ข้างนอกทุกวัน และฉันอาจจะได้เจอเขาทุกๆสิบวันหรือครึ่งเดือน”
หลิวซีฉีพูดต่ออย่างหมดหนทาง “เหมือนกับวันนี้ เขาเองก็ควรจะมากับฉันด้วย แต่ประธานของหยินซานกรุ๊ป และประธานของเมืองการค้าเสียวหวู่ต่างก็บอกว่าพวกเขาจะเชิญสามีของฉันไปทานอาหารค่ำซะได้!”
“เธอน่าจะเคยได้ยินชื่อหยินซานกรุ๊ป และเมืองการค้าเสียวหวู่มาบ้างใช่หรือเปล่า? นี่คือสองบริษัทใหญ่ที่มีมูลค่าทางตลาดตั้งหลายหมื่นล้าน!”
“อาจจะกล่าวได้ว่า ประธานสองคนนี้เป็นรุ่นพี่ของสามีฉันเอง พวกเขาพยายามชวนสามีไปทานอาหารค่ำ และสามีของฉันก็ไม่สามารถปฏิเสธได้…”
“แต่ที่น่าลำบากใจก็คือ สามีไม่สามารถรอให้พวกเขามาเชิญสามีไปทานอาหารได้ เพราะพวกเขาเป็นรุ่นพี่และสามีเป็นรุ่นน้อง”
“ดังนั้น สามีของฉันจึงต้องการจัดงานที่โรงแรมเอ็มเพอเรอร์ เพื่อเชิญพวกเขามาทานอาหารค่ำแทน…”
หลิวซีฉีพูดอย่างไหลลื่น น้ำเสียงในคำพูดของเธอดูอารมณ์ดีและเต็มไปด้วยความสดใส ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปตามสิ่งที่เธอพูดไว้อย่างแน่นอน
แต่ในความเป็นจริงละ?
ประธานของหยินซานกรุ๊ป และประธานเมืองการค้าเสียวหวู่ จะเป็นฝ่ายเริ่มเชิญสามีของเธอไปรับประทานอาหารค่ำได้ยังไง!
ความจริงแล้ว มันเป็นเพราะว่าสามีของเธอนั้นใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดในการเชิญเจ้าของหยินซานกรุ๊ปและประธานเมืองการค้าเสียวหวู่มาร่วมทานอาหารเย็นกัน
แต่อย่างไรก็ตาม หลิวซีฉีไม่กังวลเลยว่าเธอจะถูกจับได้ว่าโกหก
เพราะเธอเชื่อมั่นว่า ฉิวจือเฉียนและหลินฟานจะไม่มีวันไปรู้จักกับประธานหยินซานกรุ๊ปและประธานเมืองการค้าเสียวหวู่ได้
หลิวซีฉีพูด “แต่เธอควรรู้ว่าสามีของฉันทำงานอยู่ข้างนอกมาตลอดทั้งปี เขาไม่คุ้นเคยกับโรงแรมเอ็มเพอเรอร์เลย เลยยากที่เขาจะหาทางเช่าสักชั้นของโรงแรมเอ็มเพอเรอร์”
หลังจากหยุดชั่วคราว เธอก็พูดต่อ “ยังไงก็ตาม จือเฉียนและหลินฟาน เธอน่าจะอยู่ที่เจียงเป่ยมานานแล้วใช่ไหม? พอจะมีคนรู้จักในโรงแรมเอ็มเพอเรอร์บ้างรึเปล่า? ช่วยเราหาห้องในโรงแรมเอ็มเพอเรอร์สักห้องได้ไหม?”
หลิวซีฉีพูดอย่างไม่คาดหวัง
นักศึกษาชายกับแอร์โฮสเตสหญิง…จะไปรู้จักคนในโรงแรมเอ็มเพอเรอร์ได้ยังไงกัน?
น่าตลกจริงๆ!
แม้แต่สามีของเธอก็ไม่เคยรู้จักกับคนในของโรงแรมเอ็มเพอเรอร์เลย
มันคือโรงแรมเอ็มเพอเรอร์เลยนะ!
และที่เธอถามแบบนั้นออกไป ไม่ใช่ว่าเธอบ้าหรืออะไร!
จุดประสงค์ของเธอก็คือเพื่อแสดงความแข็งแกร่งของสามีตัวเองเท่านั้น
ตอนนั้นเอง หลินฟานก็ยิ้มขึ้นพร้อมกับพูดว่า “คนรู้จักของโรงแรมเอ็มเพอเรอร์หรอ? ผมก็พอจะอยู่บ้าง น่าจะสามารถช่วยคุณได้”
จากนั้น หลินฟานก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดเบอร์ของหวางเฟิงยี่ ผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมเอ็มเพอเรอร์
อีกฝ่ายกดรับสายอย่างรวดเร็ว
“คุณหลิน สวัสดีครับ” หวางเฟิงยี่พูดอย่างตื่นเต้น
หลินฟานพูด “คุณหวางเฟิงยี่ มีคนต้องการห้องที่โรงแรมเอ็มเพอเรอร์ มีที่ว่างเหลืออยู่ไหม”
หวางเฟิงยี่พูด “ล็อบบี้ส่วนใหญ่ของโรงแรมถูกจองไว้หมดแล้ว… ถ้าเขาต้องการครอบคลุมชั้นแรก เขาสามารถเลือกห้องหรูชั้นบนสุดของเราได้”
หลินฟานพยักหน้าและพูด “เอาล่ะ โอเค คุณสามารถติดต่อเขาได้เลย เขาไม่ขาดเงิน”
หวางเฟิงยี่พูด “ครับ!”
หวางเฟิงยี่สามารถเป็นผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมเอ็มเพอเรอร์ได้ พูดได้เลยว่าเขาเป็นคนมีความสามารถ เขาจะไม่เข้าใจคำพูดของหลินฟานได้ยังไง?
จากนั้นเขาก็โทรออกไปที่เบอร์ที่หลินฟานให้เขามาทันที
…………
หลิวซีฉีถามด้วยความสงสัย “หลินฟาน คุณเพิ่งส่งเบอร์โทรศัพท์ของสามีฉันไปให้ใคร?”
“ส่งให้ผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมเอ็มเพอเรอร์ เขาบอกว่าเขาสามารถจองห้องหรูชั้นบนสุดให้คุณได้” หลินฟานกล่าว
“จริงหรอ?” หลิวซีฉีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมเอ็มเพอเรอร์หรอ? ห้องหรูชั้นบนสุด?
ด้วยฐานะนักศึกษาของนายนะหรอ?
ฉันละอยากจะขำจนตาย!
หลินฟานพูดอีกครั้ง “แต่ดูเหมือนว่าคุณจะไม่อยากให้สามีของคุณ… ไปกินข้าวกับประธานหยินซานกรุ๊ป และประธานเมือการค้าเสียวหวู่ คุณอยากให้สามีมากินข้าวกับคุณมากกว่าใช่มั้ย งั้นเดี๋ยวผมจัดการให้นะ”
“ว่าแต่คุณเพิ่งบอกว่าสามีของคุณชื่อเฉินไคใช่ไหม?”
จากนั้น หลินฟานก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้งและโทรหาจางโจว ประธานของเมืองการค้าเสียวหวู่
ทันทีที่สายถูกเชื่อมต่อ เสียงที่เต็มไปด้วยความเคารพของจางโจวก็ดังขึ้น
“สวัสดีครับ คุณหลิน”
“จางโจว คุณจะไปทานอาหารเย็นกับใครบางคนที่ชื่อเฉินไคหรือเปล่า?” หลินฟานถาม
“เขาพยายามนัดกับผมตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ผมยังไม่ได้ตอบตกลงไป…” จางโจวพูดอย่างระมัดระวัง
แม้ว่าจางโจวจะเป็นคนทีมีความสามารถ
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญกับคำถามอย่างกะทันหันของหลินฟาน เขาก็จำเป็นต้องตอบอย่างระมัดระวัง
“ถ้าคุณไม่โอเคก็ไม่ต้องไปสิ! เขาต้องการทานอาหารเย็นกับภรรยาของเขา” หลินฟานพูด
“ครับ!” จางโจวตอบด้วยความเคารพ
จากนั้นหลินฟานก็โทรหาซ่งจื้อเฟิง ประธานของหยินซานกรุ๊ป
“สวัสดีครับ คุณหลิน”
“ซ่งจื้อเฟิง คุณมีนัดไปทานอาหารเย็นกับเฉินไคไหม?”หลินฟานถาม
ซ่งจื้อเฟิงพูดตามความจริง “มีครับ เขาจองร้านอาหารไว้สำหรับคืนนี้”
“เลื่อนออกไป คราวหน้าอย่าไปกินข้าวกับเขาอีก เขาอยากกินข้าวกับเมียมากกว่า” หลินฟานพูด
“ครับ” ซ่งจื้อเฟิงรีบตอบ