ตอนที่ 192 ไม่ยุติธรรม

ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง

เฉียวเหลียงวางสายโทรศัพท์ แล้วจัดการเก็บภาพสเก็ตช์กับแฟล็ชไดร์ฟทั้งหมดของถังซีเข้าไปในตู้นิรภัยใต้เตียงตามที่เธอขอ ตู้เซฟนั้นใหญ่มาก แต่เนื่องจากภาพสเก็ตช์มีจำนวนมาก พื้นที่ทั้งหมดจึงแทบไม่มีเหลือ เฉียวเหลียงเดินขึ้นไปชั้นบน หยิบชุดสีแดงลงมาจากที่แขวน ใส่ลงในกล่องแล้วถือออกไป 

 

 

ทางเดินใต้ดินนั้นไม่เตี้ย คล้ายๆ อุโมงค์ มีจักรยานอยู่ในนั้นคันหนึ่งอย่างที่ถังซีบอก คงเป็นพาหนะที่เธอใช้เป็นปกติเวลาใช้เส้นทางนี้ออกจากบ้าน อุโมงค์ไม่มืด มีสวิตช์ไฟที่ปลายทางทั้งสองด้านของอุโมงค์ เมื่อกดเปิดสวิตช์ไฟในอุโมงค์จะสว่างขึ้น เฉียวเหลียงขี่จักรยานช้าๆ ไปตามทางสู่ประตู และเมื่อเขาเห็นภาพวาดบนผนังอุโมงค์หัวใจเขาก็เริ่มปวดร้าว 

 

 

ทุกสิ่งทุกอย่างแสดงให้เห็นว่าเขาคือโลกทั้งใบของเธอ เพราะคนทั้งโลกทอดทิ้งเธอ เธอจึงปลีกตัวตัวเองออกจากคนอื่น ไม่น่าแปลกใจ… 

 

 

เฉียวเหลียงชะลอรถ กล่าวโทษตัวเองขณะมองดูภาพวาดบนผนังระหว่างทาง 

 

 

เวลานี้เขามีความคิดเพียงหนึ่งเดียวในใจ เขาอยากโบยบินไปหาถังซีและไม่แยกจากเธออีกเลย ไม่แม้แต่วันเดียว ไม่แม้แต่ครั้งเดียว 

 

 

เฉียวเหลียงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เร่งขี่จักรยานให้เร็วขึ้น ไม่นานเขาก็มาถึงปลายอุโมงค์ มีประตูหิน ซึ่งข้างๆ มีสวิตช์ เฉียวเหลียงเอื้อมมือไปกดสวิตช์ อีกด้านหนึ่งของประตูคือถนนด้านนอกอุทยานเอ็มไพร์ เฉียวเหลียงโทรหาบอร์ดีการ์ด หลังจากนั้นสองนาทีบอร์ดีการ์ดคนหนึ่งก็ขับรถมา เฉียวเหลียงส่งกล่องใส่ชุดให้เขาพร้อมกับบอกว่า “เก็บรักษาให้ดี” 

 

 

เฉียวเหลียงหันกลับมาและปิดประตูหิน บอร์ดีการ์ดรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเฉียวเหลียงออกมาจากประตูหิน แบบนี้… แบบนี้มัน… 

 

 

เมื่อเวลาที่เฉียวเหลียงเดินออกจากลิฟต์ และเสื้อผ้าในตู้ขยับกลับเข้าที่เดิม ถังจงก็มาเคาะประตูแล้วเดินเข้ามาพอดี เฉียวเหลียงเดินออกจากห้องแต่งตัว มองชายชราด้วยท่าทางสงบนิ่ง ถามว่า “คุณปู่ถัง ตรวจร่างกายเสร็จแล้วหรือครับ” 

 

 

ถังจงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ขณะเดินนำเฉียวเหลียงออกมาเขากล่าวว่า “คนที่คุณพามาล้วนมีความเชี่ยวชาญสูง นายท่านได้ทำการตรวจร่างกายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขอบคุณมากนะครับ คุณเฉียว” 

 

 

เฉียวเหลียงเลิกคิ้วให้ถังจง ซึ่งยิ้มอย่างอ่อนโยนและเริ่มอธิบาย “พูดตรงๆ นะครับ เป็นเรื่องปวดหัวมากที่จะขอให้นายท่านเข้ารับการตรวจร่างกาย สมัยที่คุณหนูยังอยู่ เธอคือคนที่สามารถเกลี่ยกล่อมนายท่านให้ไปตรวจได้ แต่ตอนนี้… นายท่านเริ่มดื้อขึ้นเรื่อยๆ พวกเราไม่มีใครเปลี่ยนใจท่านได้ ถ้าไม่ใช่ทีมแพทย์ของคุณ…” เขาหยุดชะงัก มองดูกล่องที่คลุมด้วยผ้าสีดำในมือเฉียวเหลียง จากนั้นก็กล่าวต่อไปเบาๆ “ถ้าไม่ใช่ทีมแพทย์ของคุณ ผมแน่ใจว่านายท่านจะยังลังเลที่จะเข้ารับการตรวจร่างกาย เพราะฉะนั้นผมจึงต้องขอขอบคุณคุณเฉียวมากๆ” 

 

 

เฉียวเหลียงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขานำทีมแพทย์มาที่นี่ในวันนี้ เพียงเพื่อเผื่อไว้ในกรณีที่ถังเจิ้นหวาไม่ต้องการไปโรงพยาบาลกับเขา เพราะถังเจิ้นหวาอาจกลัวว่าจะเป็นการนำหายนะมาสู่เอ็มไพร์กรุป หากเขาปรากฏตัวกับท่านในโรงพยาบาล นั่นคือเหตุผลที่เขานำทีมแพทย์มาที่นี่ 

 

 

ถังซีขอร้องเขาเป็นพิเศษ ให้ช่วยจัดการเรื่องตรวจร่างกายคุณปู่ของเธอ เมื่อนึกถึงดวงตาสดใสคู่นั้น เฉียวเหลียงก็เอ่ยขึ้นกับถังจง “พ่อบ้านถัง คุณโทรหาผมได้ทุกเมื่อ หากคุณปู่ไม่ยอมเข้ารับการตรวจร่างกายอีก” จากนั้นเขาก็มอบนามบัตรเขาให้ถังจง 

 

 

ถังจงเงยหน้าขึ้นมองเฉียวเหลียงด้วยความประหลาดใจ ชายหนุ่มกล่าวเรียบๆ ว่า “สุขภาพคุณปู่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้” 

 

 

ถังจงร้องไห้ออกมา เขายื่นมือทั้งสองไปรับนามบัตรเฉียวเหลียง และกล่าวเสียงแหบห้าว “ถ้าคุณหนูรู้ว่าคุณใส่ใจคุณปู่ของเธอมากแค่ไหน เธอคงจะมีความสุขมาก… น่าเสียดาย…” 

 

 

หลังจากหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เฉียวเหลียงก็เดินก้าวยาวๆ ลงไปชั้นล่าง เมื่อไปถึงในห้องทำงานของคุณปู่ถัง อาห้าก็เดินเข้ามาหาเขา ส่งรายงานผลการตรวจร่างกายให้เขา “ความดันโลหิตท่านค่อนข้างสูง และค่าคอเลสเตอรอลก็สูงด้วยเหมือนกันครับ แต่อย่างอื่นเป็นปกติทั้งหมด” เขากล่าวเสียงต่ำ 

 

 

เฉียวเหลียงเปิดดูรายงานจนหมดทุกหน้าแล้วส่งคืนให้อาห้า “ส่งไปให้คุณหนูเซียว” เขากระซิบ “นายรู้ใช่ไหม ว่าโรงพยาบาลของคุณหนูเซียวอยู่ที่ไหน” 

 

 

อาห้าส่งกล่องให้เฉียวเหลียงอย่างว่องไว รับรายงานมา และพยักหน้ารับ อย่างไรก็ตามเขายังสงสัยอยู่ว่า ทำไมเฉียวเหลียงจึงให้เขาส่งรายงานผลการตรวจร่างกายคุณปู่ถังไปให้คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณปู่ถังสักหน่อย แต่ในเมื่อนายน้อยสั่งเขาก็ต้องทำ 

 

 

ในเวลานั้นนั่นเอง ถังเจิ้นหวาก็เดินเข้ามาหาเฉียวเหลียงด้วยสีหน้าขึงขัง “ตอนนี้เธอมอบกล่องใบนั้นให้ฉันได้หรือยัง” ท่านถามอย่างเฉยเมย 

 

 

เฉียวเหลียงชะงัก บอกให้อาห้าพาคนอื่นๆ ออกไป จากนั้นก็ก้มลงมองกล่องในมือ ก่อนจะพยักหน้า และส่งกล่องให้ถังเจิ้นหวาด้วยมือทั้งสองข้าง พร้อมกับกระซิบว่า “ผมต้องขอโทษด้วย ผมพบเพียงนิ้วมือนิ้วนี้เท่านั้น” 

 

 

น้ำเสียงเฉียวเหลียงเบามาก มีเพียงเขาและถังเจิ้นหวาเท่านั้นที่ได้ยิน ขณะยืนอยู่ตรงกันข้ามเขา ถังเจิ้นหวาส่ายศีรษะอย่างแรงแล้วยื่นมือออกมา แต่มือท่านสั่นเทา ท่านกำมือและคลายออกซ้ำๆ หลายครั้ง ก่อนจะรับกล่องจากมือเฉียวเหลียง ท่านเปิดผ้าสีดำออก และได้เห็นเพียงนิ้วเล็กๆ ที่เน่าเปื่อยในกล่องแก้วเจียรนัย ท่านไม่อาจกลั้นน้ำตาที่ไหลพราก 

 

 

ถังจงยืนอยู่ด้านหลังถังเจิ้นหวา อดสั่นสะท้านไปทั้งร่างไม่ได้ เมื่อเห็นนิ้วเล็กๆ นิ้วนั้น คุณหนูผู้น่ารักและมีชีวิตชีวาตอนนี้เหลือเพียงนิ้วนิ้วเดียว… 

 

 

นายท่านจะยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างไร!  

 

 

ถังเจิ้นหวาถือกล่องไว้ด้วยมืออันสั่นเทา จากนั้นไม่นานท่านก็สงบลง เงยหน้าขึ้นมองเฉียวเหลียงแล้วถามว่า “เธอแน่ใจหรือ ว่านี่เป็นนิ้วของซีซีของฉัน” 

 

 

เฉียวเหลียงหลับตาลงและพยักหน้า “แน่ใจครับ ผมตรวจดีเอ็นเอแล้วตอนอยู่ที่ทะเลแปซิฟิก เป็นนิ้วของเธอครับ ผมต้องขอโทษ…” 

 

 

ถังเจิ้นหวาโบกมือไปมา “เธอไม่ต้องขอโทษ ไม่ใช่ความผิดของเธอ นี่คือชะตากรรมของซีซีของฉัน” 

 

 

“ได้โปรดดูแลตัวเองด้วยนะครับ” เฉียวเหลียงกล่าว ยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเสริมว่า “นั่นคือสิ่งที่ซีซีต้องการครับ” 

 

 

“ขอบคุณนะ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำเพื่อซีซี ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา” ถังเจิ้นหวากล่าวกับเฉียวเหลียงด้วยน้ำเสียงแสนเศร้า ขณะเฉียวเหลียงกำลังจะหันหลังกลับ “เธอทำเพื่อซีซีมามากพอแล้ว พยายามลืมเธอเสียต่อจากนี้ไป ฉันคิดว่าซีซีก็คงหวังให้เธอมีความสุข อ้อ…แล้วอีกอย่าง อย่ามารบกวนฉันอีก ฉัน…ไม่ต้องการพบเธออีกต่อไป” 

 

 

เฉียวเหลียงชะงัก แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “ผมต้องไปแล้ว ลาก่อน แล้วเจอกันนะครับ” 

 

 

หลังจากเฉียวเหลียงออกไป ถังเจิ้นหวาก็นิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นกับถังจง “พาฉันไปวัดบรรพบุรุษหน่อย” 

 

 

… 

 

 

เฉียวเหลียงก้าวออกจากอุทยานเอ็มไพร์แล้วมองย้อนกลับไป ก่อนจะขมวดคิ้วและหันกลับไปขึ้นรถ อาหกส่งกล่องใส่ชุดสีแดงของถังซีให้เฉียวเหลียง เขารับมาและเงียบไปนาน ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ไปสนามบิน” 

 

 

เฉียวเหลียงยังคงนิ่งเงียบระหว่างทางไปสนามบิน อาห้าลังเล แต่แล้วก็ตัดสินใจถาม “นายน้อยครับ ไม่คิดบ้างหรือว่าทำแบบนี้เป็นการไม่ยุติธรรมกับคุณหนูเซียว” 

 

 

เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว อาห้ามองดูเฉียวเหลียงในกระจกมองหลังแล้วกล่าวอีกว่า “ถึงนายน้อยจะจ้องหน้าผมแบบนั้น ผมก็ยังคิดว่าไม่ยุติธรรมกับคุณหนูเซียวอยู่ดี”