ตอนที่ 279 แผนสํารอง

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 279 แผนสํารอง

ตอนที่ 279

 

แผนสํารอง

 

“กิ้วววว”ร่างของอสูรปักเป้าบินเข้าไปหาอัตตาก่อนเป็นอย่างแรก มันจะไม่ขยายร่างสู้อีกแล้วตราบใดที่ไปจูเหวินยังอยู่ในบริเวณ

 

“หนอยย” อัตตากัดฟันกรอดพลางใช้กระบี่รับร่างของอสูรปักเป้าเอาไว้ หนามทั่วร่างของอสูรปักเป้ามีพิษอาบอยู่ หากโดนเข้าต่อให้เป็นมารก็บาดเจ็บได้ ทําให้อัตตาต้องพยายามป้องกันร่างของอสูรปักเป้าเอาไว้

 

เปรี้ยง! เมื่ออสูรปักเป้ารับมือกับอัตตาแล้ว ตะกละและโลภะก็หันมาเล่นงานไปจูเหวินทันทีเพราะพวกมันไม่ทราบว่าอสูรปักเป้ามีฝีมือแค่ไหน แต่อัตตานั้นแข็งแกร่งมาก ไม่นานก็คงสามารถจัดการอสูรปักเป้าได้

 

“บังอาจทําแผนของพวกเราทั้งหมด” โลภะว่าพลางเรียกเอาคราดออกมาจากมิติของมันพร้อมวาดกระบวนท่าออกมาอย่างพิลึกพิลั่น

 

เคร๊งๆๆๆๆๆ คราดในมือโลภะรวดเร็วมาก แถมยังเป็นวิชาต่างกันหลากหลายวิชาที่ใช้ออกมาแบบไม่มีทิศทางอีกต่างหาก เพียงแต่เมื่อเจอกับดวงตาสีแดงของไปจูเหวินวิชาพิสดารก็ดูจะใช้ไม่ได้ผลเท่าไหร่

 

“หนอย ข้าอุตส่าห์รวบรวมวิชามาตั้งมากมาย” โลภะกัดฟันกรอดพลางใช้ทักษะต่างๆที่มันรวบรวมมาโลภะนั้นคือบาปแห่งความโลภ สิ่งที่มันเลือกที่จะโลภนั้นคือวิชาต่อสู้ มันแย่งชิงวิชาจากสํานักโน้นสํานักนี้มามากมายเพื่อฝึกฝนทําให้ในหัวของมันตอน นี้มีวิชาหลากหลายรูปแบบผสมปนเปกันอยู่มากมาย หากเจอคนอื่นวิชาของมันจะดูวุ่นวายจับทางไม่ได้ แต่ต่อให้มีวิชาดีเท่าไหร่เมื่อโดนมองทันทั้งหมดก็ไร้ความหมาย

 

ตูม!! คราดของโลภะโดนฝ่ามือเพลิงพิโรธดันกลับจนร่างของโลภะลากถอยไปด้านหลัง ข้อเสียของการมีวิชามากมายนั้นคือไม่มีความหนักแน่นในแต่ละวิชาไม่เหมือนกับไปจูเหวินที่ใช้ 18 ฝ่ามือท่องแดนอสูร มาตั้งแต่แรก แต่ละกระบวนท่าหนักแน่นกว่าโลภะหลายเท่า

 

ตูม!! กระสุนวายุของตะกละพุ่งเข้ามาหาไป๋จูเหวิน แต่ด้วยความเร็วของท่าอัสนีข้ามฟ้าทําให้กระสุนวายุไม่อาจโจมตีโดนไป๋จูเหวินได้เลยแม้แต่ลูกเดียว

 

ปึก!! ฝ่ามือเพลิงพิโรธกระแทกเข้าใส่หน้าท้องของตะกละ แต่ก็เป็นเช่นเดิมหน้าท้องหนาๆของมันรับแรงกระแทกได้อย่างดีเยี่ยมทําให้ฝ่ามือเพลิงพิโรธแทบจะไร้ผล

 

เปรี้ยง!! ไป๋จูเหวินไม่หยุดอยู่แค่นั้น มันอัดฝ่ามือตราประทับอัส นี้ลงไปอีกฝ่ามือเพื่อหวังโจมตีภายในของตะกละ แต่น่าเสียดายไขมันของมันกลับลดแรงโจมตีได้แม้กระทั้งกระแสพลังของฝ่ามือประทับอัสนี ทําให้ตะกละไม่ได้รับบาดเจ็บอย่างที่คิด

 

“อัตตาเจ้ามัวทําอะไรอยู่โลภะถามพลางมองไปทางอัตตา มันจะมัววุ่นวายอะไรกับอสูรปลาตนเดียวกัน

 

“กิ้ววว”ยามนี้อัตตาแทบจะเข้าไปช่วยโลภะกับตะกละไม่ได้ เพราะอสูรปักเป้ากําลังวนเวียนโจที่มันอยู่รอบๆ แม้จะไม่ได้ขยายร่างทําให้กําลังน้อยลง แต่ผิวหนังของอสูรปักเป้าก็แข็งแกร่งและมีหนามที่แหลมคมอยู่ ตรงกันข้ามแม้จะไม่ได้ขยายร่างพลังอสูรในตัวอสูรปักเป้าก็ไม่ได้น้อยลงแต่อย่างไร ทําให้มันสามารถควบคุมลมได้เฉกเช่นที่อสูรระดับบรรพกาลขั้นสูงสมควรทําได้ เมื่อมีแรงขับมหาศาลทําให้ร่างเท่าลูกบอลของมันพุ่งไปมาได้อย่างน่าหวาดกลัว

 

“หนอยย” อัตตากัดฟันกรอดพลางเรียกต้นไม้ออกมาจากพื้น มันพยายามสร้างกรงรากไม้เพื่อขังอสูรปักเป้าเอาไว้เพียงแต่

 

โครม!! ร่างเล็กๆของอสูรปักเป้าแทบไม่ต่างอะไรกับกระสุนปืนมันพุ่งทะลวงรากไม้เข้าใส่อัตตาอย่างน่าหวาดกลัว หากไม่ใช่เพราะกระบี่ของมันคือกระบี่มารที่ไม่สามารถทําลายได้ การรับมืออสูรปักเป้านั้นคงยากกว่านี้เป็นแน่

 

“คุณชาย” อัตตายังเข้ามาช่วยไม่ได้ แถมไป๋จูเหวินก็รับมือยากเต็มไม้น้อย ทําให้การปรากฏตัวของเหล่าองครักษณ์ทําเอาเหล่ามารสะดุ้งโหยง ตอนแรกพวกมันได้รับรายงานว่าไป๋จูเหวินมีเรื่องวิวาทกับผู้ติดตามของชูเฟิงก็แปลกใจพอแล้ว นี่กลับมาเห็นผู้ติดตามรวมทั้งองค์ชายชูเฟิงที่สมควรจะไม่มีพลังวิญญาณกลับใช้กระบวน ท่าออกมาแทบไม่ต่างจากพวกยอดฝีมือเช่นนี้ ความน่าสงสัยก็เข้ามาแทนที่ความกังวลของเหล่าองครักษณ์ทันที

 

“พวกมันเป็นมาร รีบจัดการพวกมันซะ”ไป๋จูเหวินพูดพลางใช้พลังลมปราณมังกรออกมา พริบตานันตะกละก็ขนลุกวาบ เพราะมันเคยโดนฝ่ามือเพลิงผลาญคร้อยสํานึกไปก่อนหน้านี้แล้ว แม้แต่ร่างของมันยังแทบทนไม่ไหวไม่ต้องพูดถึงโลภะที่มีพลังป้องกันอ่อนกว่าตนเลย

 

“ไม่ได้การแล้ว ต้องตามราคะมา”โลภะว่าพลางมองไปทางอัตตา มันยังเอาแต่วุ่นวายกับอสูรปลาอยู่เลยแล้วยัยราคะมันไปไหนกัน

 

กึก…กึก…. ยามนี้ร่างของอู๋หมิงโดนราคะกดเอาไว้บนเตียงจนขยับไม่ได้ นางบีบคออี้หมิงและปิดปากอู๋หมิงเอาไว้ไม่ให้ขยับและ ไม่ให้ส่งเสียงยามนี้ความตกใจของอู๋หมิงทำให้มันได้สติจากความหลงไหลที่มีต่อเพิ่งมีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้จะแปลกใจที่เฟิงมี่มีพลังวิญญาณ แต่ตอนนี้พลังที่เอ่อล้นของนางกลับทําให้อู๋หมิง คิดอย่างอื่นไม่ออกนอกจากคําว่ามารเท่านั้น

 

“อยู่นิ่งๆสิเพคะ”เฟิงมี่พูดพลางเลื่อนมือที่จับคอของอู่หมิงเอาไว้ มาปลดเสื้อของมันช้าๆ กําลังของนางเหนือกว่าอู๋หมิงหลายขั้น แค่กดปากของมันไว้ก็สามารถทําให้อู๋หมิงขยับไม่ได้แล้ว

 

“พลังวิญญาณของท่านมันนิลิ้มลองจริงๆ”เฟิงมี่ยิ้มพลางใช้ลิ้น เลียไปบนแผงอกของ อู๋หมิงอย่างเคลิบเคลิ้ม ใบหน้าของนางแดงซานพร้อมกับกลิ่นอายยั่วยวนที่แผ่ออกมารอบๆ หากไม่ใช่เพราะ นางใช้กําลังกดร่างของอี้หมิงเอาไว้แบบนี้มันอาจจะเคลิ้มตามไป แล้วก็เป็นได้

 

เหล่าองครักษณ์ข้างนอกไม่มีท่าที่จะเข้ามาแม้แต่น้อย พอเห็นว่ามันกับเฟิงมี่กําลังอยู่บนเตียง พวกมันก็เหมือนจะพยายามรักษามารยาทเอาไว้ไม่เข้ามารบกวนแม้ข้างนอกจะมีเรื่องวุ่นวายก็ตาม ทําเอาอู๋หมิงอยากจะตบรางวัลให้จริงๆ หากนางที่ขี่มันอยู่ไม่ใช่มารละก็

 

มาร…อู๋หมิงคิดอยู่ครู่หนึ่งพลางพยายามนึกข้อความในตําราที่เจ้าอาวาสฝากฝังมันเอาไว้ก่อนที่จะส่งคืนให้หยงเว่ยไป มันได้อ่านเนื้อหาในตําราและจดจําเอาไว้แล้ว เพียงแต่มันยังไม่ได้เริ่มฝึกเท่านั้น แต่ตอนนี้มันจําเป็นต้องใช้วิชาในตําราเทวะปราบมารเสียแล้ว

 

เปรี้ยง!! อัจฉริยะอย่างอูหมิงแม้จะเว้นว่างจากการฝึกฝนไปนาน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะฝีมือตกลง มันเองก็เป็นคนหนึ่งที่สามารถฝึกวิชาต่างๆได้อย่างรวดเร็ว ทําให้ยามนี้ทั่วร่างของมันปรากฏแสงสีขาวออกมาเช่นเดียวกับตอนที่เจ้าอาวาสใช้วิชาเทวะปราบมารสู้กับพวกมาร

 

“อะไร…”เฟิงมี่ถอยออกมาทันทีเมื่อแสงสีขาวเข้ามากระทบร่าง แม้จะพลังอ่อนด้อยกว่าแต่วิชาเทวะปราบมารก็มีผลร้ายแรงกับเหล่ามาร

 

เปรี้ยงๆๆๆๆๆๆ อู๋หมิงเรียกกระบออกมาก่อนจะใช้กระบี่ประกายอัสนี้ใส่ร่างของเฟิงมี่ทันที แน่นอนว่ากําลังของอู๋หมิงส่งกระบี่ทัณฑ์สวรรค์ทะลุผิวหนังของเฟิงมี่ไม่ได้ แต่ด้วยแสงจากวิชาเทวะ ปราบมารก็ทําให้เฟิงมีปวดแสบปวดร้อนได้เช่นกัน

 

“หนอย” เฟิงมี่คํารามหมายจะตอบโต้ แต่เพราะเสียงการต่อสู้ดัง ขึ้นทําให้เหล่าองครักษณ์เข้ามาช่วยอู๋หมิงทันที

 

“องค์จักรพรรดิ ปลอดภัยนะขอรับ”เหล่าองครักษ์รีบเข้ามา ขวางระหว่างอู๋หมิงและเฟิงมีทันทีทําให้เฟิงมี่มีท่าที่ไม่ชอบใจนัก นางหยิบเอาชุดที่พื้นขึ้นมาสวมอีกครั้งพลางเรียกพัดหยกขาวออกมาจากมิติของตนเอง

 

“น่าเสียดายนะองค์จักรพรรดิ ข้านึกว่าจะได้เสพสุขกับท่านเสียอีก”เฟิงมี่ว่าพลางถอยออกมาช้าๆ องครักษณ์ของอู๋หมิงต่างเป็นยอดฝีมือ หากนางวู่วามอาจจะโดนรุมจนเสียเปรียบได้ แถมตัวอู๋หมิงยังใช้วิชาเทวะปราบมารได้อีก

 

“ข้าไม่เสียดายเลย”อู๋หมิงว่าพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก โชคดีที่พลังยั่วยวนของเฟิงมี่ไม่เหมือนพลังดึงดูดอสูรของไปจูเหวิน หากได้สติแล้วก็ไม่ได้จะโดนสะกดง่ายๆ

 

“ร่างข้า…มันร้อยเหลือเกิน”เฟิงมีพูดเบาๆพลางจับไปตามร่างกายของตนเองช้าๆ

 

ฉึกๆๆๆ พริบตาต่อมาเสาน้ําแข็งหลาบสิบแห่งก็แทงเข้าใส่เหล่าองครักษ์อย่างรุนแรง พร้อมกับพัดในมือของเฟิงมี่ที่กลายเป็นกระบี่น้ําแข็งในพริบตา

 

ฟุบๆๆๆ กระบี่น้ําแข็งของเฟิงมี่ฟันร่างของเหล่ายอดฝีมืออย่างรวดเร็ว ทําเอาเหล่าองครักษ์ล้มลงไปนอนกับพื้นทันทีเพราะบาดแผลของพวกมันต่างเต็มไปด้วยเกร็ดน้ําแข็ง

 

“นังมารร้าย” องครักษ์คนหนึ่งกัดฟันพูดพลางละลายน้ําแข็งที่ไหล่ของตน แต่พลังของเฟิงมี่นั้นไม่ธรรมดาเลย แม้แต่พลังเซียนของเหล่าองครักษ์ก็ไม่อาจต้านไอเย็นของนางได้

 

“ในเมื่อที่นี่มีคนวุ่นวายนัก ข้าก็คงต้องพาท่านไปที่อื่น” เฟิงมี่ว่าพลางชี้มาทางอู๋หมิง นางไม่ยอมพลาดชายคนนี้แน่ๆ เมื่อครู่นางแค่ตกใจกับพลังเทวะปราบมารเท่านั้น หากอดทนหน่อยก็ไม่เจ็บมากแล้ว

 

ฟุบ!! ร่างของเฟิงมี่ทะยานเข้ามาหาหมิงอย่างรวดเร็ว แต่เพราะอู๋หมิงคือมือกระบี่ที่มีความเร็วเป็นจุดเด่น ทําให้นางจับตัวอู๋หมิงได้ยากมาก

 

แกร๊กกก! อยู่ๆพื้นก็โดนน้ําแข็งเกาะจนหมดทําให้เท้าของอู๋หมิง โดนไอเย็นเล่นงานก่อนที่เพิ่งจะเข้ามาหมายจะคว้าตัวอู๋หมิงเอาไว้

 

เปรี้ยง!! ปราณกระบี่สายหนึ่งพุ่งเข้าใส่หน้าของเฟิงมี่อย่างจัง ทําเอานางเสียหลักไปครู่หนึ่ง

 

“ใครกัน”เฟิงมี่ว่าพลางมองไปทางปราณกระบี่ที่พุ่งเข้ามา

 

“อาจารย์…”อู๋หมิงมองไปทางผู้ที่เข้ามาช่วย แค่เห็นปราณกระบี่ก็ทราบได้แล้วว่าผู้มาคือใคร เพียงแต่อาวุโสเทียนหมิงนั้นมีอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม

 

“ท่าน…นี่ท่าน…”อู๋หมิงเบิกตากว้างมองอาวุโสเทียนหมิงด้วยดวงตาตื่นตะลึง พลังของอาวุโสเทียนหมิงที่อยู่จุดสูงสุดของระดับเทียนเซียนขั้น 10 มานานหลายสิบปี ในที่สุดมันก็ขยับขึ้นไปอีกขั้นแล้ว

 

“ไม่ใช่มารทุกตนที่จะกลับใจได้สินะ” อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางชี้ปลายนิ้วมาที่เฟิงมี่ แม้เฟิงมี่จะมีพลังวิญญาณแต่ระดับพลังวิญญาณก็ต่ำเกินไปไม่สามารถเอามารวมกําลังรบของนางได้ ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับคนระดับเจ้าสวรรค์สองตนปะทะกันเลย แถมฝั่งอาวุโสเทียนหมิงยังมีอู๋หมิงที่ใช้วิชาเทวะปราบมารได้อีกนางเสียเปรียบอย่างชัดเจนไม่เลยไม่ใช่หรือ

 

แกร๊กก!! กําแพงน้ําแข็งถูกสร้างขึ้นมารอบๆตัวเฟิงมีทันที ก่อนที่ร่างของเฟิงมีจะพุ่งหายไปจากจุดนั้น

 

“พวกเจ้า หนีกันได้แล้ว” เฟิงมี่ว่าพลางพุ่งเข้ามาหาพวกอัตตา

 

“ราคะ ระวัง” อัตตาตะโกนพลางพุ่งเข้ามาทางราคะ นางสัมผัสพลังอสูรไม่ได้ทําให้ลืมมองไปเลยว่าอัตรากําลังสู้กับอะไร พริบตานั้นร่างของอสูรปักเป้าก็พุ่งกระแทกร่างของเฟิงมี่เข้าอย่างจัง

 

เปรี้ยง! ร่างของเฟิงมี่ลอยหรือไปอีกทาง แม้จะไม่ตกกระแทกพื้นแต่ก็มีรอยเข็มหลายสิบเข็มบนอกของนาง

 

“บ้าเอ้ย ถอยก่อน” ราคะคํารามพลางเร่งพลังมารป้องกันพิษของอสูรปักเป้าเอาไว้ เมื่อมารตนอื่นๆเห็นท่าที่เลวร้ายพวกมันก็ได้ แต่ถอยออกไปเท่านั้น

 

“แผนแตกหมด ไม่นึกว่าพวกอาณาจักรอู๋จะมีกําลังแข็งแกร่งแบบนี้ด้วย” ราคะว่าพลางเข้ามาเกาะร่างของอัตตาเอาไว้

 

“แล้วจะเอายังไงต่อ แบบนี้ก็ใช้พวกอาณาจักรอู๋ไม่ได้แล้ว” อัตตาว่าพลางพยุงร่างของราคะเอาไว้ไม่นึกเลยว่าจะมีมนุษย์หลุดจากการสะกดของนางได้

 

“ใช้แผนสํารอง ข้าจะรวบรวมพลังวิญญาณให้ถึงระดับเทียนเซียน พอถึงตอนนั้นตาแก่นั่นก็ไม่ใช่คู่มือข้าแล้ว”เฟิงมี่ว่าพลางหายใจเข้าลึกๆ พิษของอสูรปักเป้าไม่ใช่ธรรมดาเลย

 

“แล้วก็ ฝึกมารตนอื่นๆให้พร้อม เราจะใช้มารยอดฝีมือ 108 ตน บุกให้ราบคาบ”