ตอนที่ 711 มิตรสหายเก่าพบปะ

Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน

ตอนที่ 711 มิตรสหายเก่าพบปะ
ปิงชิงมองที่ต้นกำเนิดเซียนและกล่าว “ต้นกำเนิดเซียนมีมากพอแล้ว!
เจ้าเก็บต้นกำเนิดเซียนนี้เอาไว้!”
นางไม่ทราบว่าฉินหยุนทำอะไรกับราชันแคว้นเยี่ยมาบ้าง ดังนั้นจึง
คิดมอบสิ่งนี้ให้
“พี่สาวปิงชิง ท่านควรเก็บมันไว้ มันจะช่วยให้ท่านแข็งแกร่งขึ้น
โดยเร็ว เพื่อที่จะได้กลับไปยังแดนเซียนอ้างว้าง!” ฉินหยุนกล่าว
“เปาเฉิงโฉ่วมีอีกสอง รวมเข้ากับที่อยู่เบื้องล่างสระเซียนแห่งนี้จึง
เป็นสาม หากพวกมันเชื่อมต่อกัน พลังงานเซียนที่ควบแน่นออกมา
จะยิ่งเพิ่มพูน สำหรับข้า เท่านั้นก็เกินพอแล้ว!” ปิงชิงถือต้นกำเนิด
เซียนไว้พลางส่งมาให้ฉินหยุน
“อย่างนั้นข้าก็ไม่ขอมากมารยาทไป!” ฉินหยุนยิ้มพร้อมรับต้นกำเนิด
เซียนกลับคืนมา เพราะเขามีเจ้าตัวน้อยทั้งสามให้ต้องเลี้ยงดู
หากโมโม หยางหยาง และกระต่ายหยกเติบโตขึ้น พวกมันจะต้อง
ครอบครองพลังอันเลิศล้ำ
ปิงชิงถามขึ้น “แล้วชายคนเมื่อครู่เจ้าคิดนำไปทำอันใด? ข้ารับรู้ได้ว่า
ร่างเซียนของมันอ่อนแรงยิ่งนัก!”
กล่าวถึงเรื่องนี้ ฉินหยุนเองก็มีหลายเรื่องที่คิดหารือกับปิงชิง
“พี่สาวปิงชิง ข้าได้รับโลหิตเซียนและโลหิตอสูรมามากมายนัก ข้า
สามารถใช้โลหิตทั้งสองนี้ฝึกร่างเซียนอสูรได้หรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ย
ถามออกตามตรง
“ข้าไม่ทราบ!” ร่องรอยความหวาดกลัวเผยผ่านดวงตางดงามของปิง
ชิง นางส่ายศีรษะ “ร่างเซียนอสูรไม่ใช่ง่ายฝึกฝน! ไม่เช่นนั้น ทุกคน
คงฝึกฝนมันได้ไปแล้ว!”
ฉินหยุนคิดว่าเรื่องนี้ตนควรถามเซี่ยฉีโหรว เพราะนางคือผู้ฝึกฝน
ร่างเซียนอสูร
อย่างกะทันหัน เสียงของแม่เฒ่าหม่าพลันดังจากภายนอก “ผู้อาวุโส
สูงสุด ฉินหยุนอยู่ด้านในหรือไม่?”
ฉินหยุนเร่งรีบเปิดประตู จึงได้เห็นแม่เฒ่าหม่าพาสองสาวร่วมทาง
มา พวกนางสวมใส่ชุดขาวพร้อมมีผ้าปิดปกคลุมใบหน้า
ฉินหยุนย่อมทราบ ว่าทั้งสองคือเชี่ยวเย่ว์หลานและชี่เม่ยเหลียน
“ฉินหยุน ทั้งสองคนมาพบเจ้า!” แม่เฒ่าหม่ากล่าวคำเบา “คงไม่
สะดวกนักที่เจ้าจะต้อนรับพวกนางในตำหนักพระราชวังเซียน
ยุทธภัณฑ์กระมัง?”
“ย่อมต้องสะดวก! ท่านยายหม่า ท่านต้องการร่วมวงด้วยหรือไม่?”
ฉินหยุนยิ้มพลางเดินออกไป พร้อมคว้ามือของทั้งเชี่ยวเย่ว์หลานและ
ชี่เม่ยเหลียนไว้ ก่อนจะดึงพวกนางเดินร่วมทางกลับเข้าไปในตำหนัก
พระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์
“ย่อมไม่ ข้ายังมีเรื่องให้ทำอีกมากนัก!”
แม่เฒ่าหม่าตื่นตะลึง กระนั้น พอคิดว่าฉินหยุนคือผู้นำต้นกำเนิดเซียน
จำนวนมากมาสู่นครเซียนยุทธภัณฑ์ นางจึงคิดว่าผู้อาวุโสสูงสุดย่อม
ไว้หน้าเขาบ้าง
แม่เฒ่าหม่าจากไป ฉินหยุนจึงปิดประตู
ชี่เม่ยเหลียนถอดผ้าคลุมหน้าออก ใบหน้าสดใสอ่อนโยนของนาง
เผยยิ้มหวานอย่างสุขใจ
ฉินหยุนพอได้เห็นใบหน้าที่คลาดจากกันไปนาน เขารู้สึกยินดี มือ
ขณะนี้ยื่นเข้าไปลูบใบหน้านั้นอย่างอ่อนโยนแล้ว
“พี่ชาย ในที่สุดก็ได้พบท่าน!” ชี่เม่ยเหลียนโผเข้ากอดฉินหยุน น้ำตา
แห่งความยินดีไหลหลั่งผ่านแก้มของนาง
“เสี่ยวเม่ยเหลียน ตอนนี้เจ้าแข็งแกร่งกว่าข้าแล้ว!” ฉินหยุนหัวเราะ
พลางกอดนางไว้อย่างเบามือ จากนั้น เขาจึงช่วยปาดเช็ดคราบน้ำตา
ที่ใบหน้างดงามของนาง
ชี่เม่ยเหลียนยิ้มบาง “พี่ชาย ท่านต่างหากจึงแข็งแกร่งกว่าข้า! หาก
ไม่ใช่ท่าน พวกเราคงถูกอสูรพวกนั้นสังหารกันไปแล้ว! ท่านยาย
หยุนเหยาเองก็กล่าวว่าท่านเป็นวีรบุรุษผู้หนึ่ง!”
เชี่ยวเย่ว์หลานมองทางปิงชิงที่เดินเข้ามาใกล้จึงหัวเราะออก “ปิงชิง
นี่เจ้าสมควรเป็นผู้โชคดีที่สุดแล้ว เพราะเจ้านั้นยังมีชีวิตอยู่!”
“ปิง… พี่สาวปิงชิง!” เมื่อชี่เม่ยเหลียนได้เห็นความเย็นเยือกของปิง
ชิง ภายในจึงรู้สึกหวาดกลัวพร้อมหลบด้านหลังฉินหยุน
ปิงชิงหันมองทางฉินหยุนพร้อมกล่าว “ทั้งหมดก็เพราะชาติภพก่อน
ของฉินหยุนแล้ว เป็นเขาที่ทำให้ข้าถูกผนึกไว้!”
“ปิงชิง นอกจากเจ้าแล้ว พวกเราล้วนตายกันหมดสิ้น!” เชี่ยวเย่ว์หลาน
มองทางชี่เม่ยเหลียน นางถอนหายใจเบา “เจ้าสมควรต้องขอบคุณต่อ
ฉินหยุนแล้ว!”
ชี่เม่ยเหลียนเอ่ยคำเบา “พี่สาวปิงชิง เหตุใดข้ารู้สึกว่าท่านเปลี่ยนไป
มากนัก? ท่านไม่เหมือนดังเช่นเมื่อก่อน เป็นท่านน่ากลัวยิ่งกว่า!”
ฉินหยุนคาดเดาได้นานแล้ว ว่าชี่เม่ยเหลียนย่อมมีชาติภพก่อนเช่นกัน
“หลังประสบหลายเรื่องราว ข้าย่อมเปลี่ยนแปลง นับว่าดีแล้วที่ข้ายัง
ไม่คลุ้มคลั่งไปเสียก่อน!” ปิงชิงเดินไปพร้อมลูบใบหน้าชี่เม่ยเหลียน
เบามือ “เจ้าก็ยังคงเป็นเช่นเดิม งดงามและบริสุทธ์ิ หาได้เปลี่ยนไป
แม้สักนิด!”
“ปิงชิง เรื่องราวในอดีตล้วนปล่อยให้มันผ่านไป! ตอนนี้ข้าคือเชี่ยว
เย่ว์หลาน! และนางคือชี่เม่ยเหลียน!” เชี่ยวเย่ว์หลานกล่าว
“ได้ อดีตก็เป็นอดีต ตอนนี้ถือว่าได้เริ่มกันใหม่! หวังว่าพวกเรายังคง
เป็นสหายที่ดีต่อกันได้!” ปิงชิงมองทางฉินหยุนด้วยสีหน้าอันซับซ้อน
“พวกเราย่อมเป็นสหายที่ดีต่อกันเสมอ!” ฉับพลันนี้ ชี่เม่ยเหลียน
ค่อยเผยความยินดีพร้อมโผเข้ากอดปิงชิงเอาไว้แน่น
เชี่ยวเย่ว์หลานเดินไป ทั้งสามต่างยิ้มให้กัน ดวงตานั้นปริ่มน้ำตา
พลางสวมกอดกันไว้แน่น
แม้ฉินหยุนยินดี แต่เขาก็รู้สึกหมองหม่น เพราะมีแต่เขาที่ไม่ทราบว่า
ในอดีตเกิดเรื่องใดขึ้น
“เอาละ เช่นนั้นพวกเราคิดไปแล้ว!” เชี่ยวเย่ว์หลานกล่าว
“เย่ว์หลาน ไม่ใช่เจ้าบอกหรือว่าจะอยู่กับข้าสักเดือนหนึ่ง?” ฉินหยุน
เร่งร้อนเอ่ยถาม
“ข้าคิดไปเก็บตัวฝึกฝนกับเสี่ยวเม่ยเหลียน!” เชี่ยวเย่ว์หลานหัวเราะ
รับพร้อมกล่าว “ข้าจะให้รั่วหยานอยู่กับเจ้าแทนแล้วกัน อย่างไรแล้ว
นางก็เป็นภรรยาข้า!”
“พี่ชาย นับจากนี้ข้าจะไปอยู่ที่เกาะจันทราปีศาจ ภายหน้าพวกเรา
ย่อมได้พบกันบ่อยครั้งกว่านี้!” ชี่เม่ยเหลียนยิ้มกล่าว
“อืม ทางนี้เองก็ยินดีนักที่ได้พบหน้ากันอีกครั้ง!” ฉินหยุนหยิกที่
ใบหน้าของนางพลางกล่าว “ภายหน้าอย่าได้แอบลักลอบเข้าไปใน
กองกำลังที่แข็งแกร่งอีก มันอันตรายเกินไป!”
“เป็นเย่ว์เหม่ยที่ให้ข้าไปแทนที่…” ชี่เม่ยเหลียนบอกเล่าต่อฉินหยุน
เรื่องที่เชี่ยวเย่ว์เหม่ยฝากฝังให้นางทำ
“แม่เด็กน้อยนั่น เมื่อใดเจอกันอีกครั้ง บอกให้นางมาพบข้าโดยทันที
เรื่องนี้ต้องพูดคุยกับนางให้จริงจังแล้ว!” ฉินหยุนยิ้มพลางบ่นอุบ
“เห็นด้วย!” เชี่ยวเย่ว์หลานกล่าวก่อนจะดึงชี่เม่ยเหลียนไปทางประตู
ฉินหยุนและปิงชิงต่างออกไปส่งทั้งสองคนจากตำหนักพระราชวัง
เซียนยุทธภัณฑ์
“ปิงชิง ฝากดูแลเสี่ยวหยุนให้ดีด้วย! ได้เห็นพวกเจ้าไปกันได้ด้วยดี
ข้าก็ไม่คิดพูดถึงเรื่องราวในชาติภพก่อนแล้ว!” ก่อนเชี่ยวเย่ว์หลาน
จากไป นางได้กล่าวย้ำคำ
ฉินหยุนมองส่งเชี่ยวเย่ว์หลานและชี่เม่ยเหลียนไปจากตำหนักพระราชวัง
เซียนยุทธภัณฑ์
เมื่อทั้งสองจากไป ฉินหยุนจึงพึมพำ “เย่ว์หลานถึงกับไม่ยอมอยู่ต่อ!”
ปิงชิงกล่าว “ฉินหยุน ทั้งสองคนมีเรื่องให้ต้องทำยิ่งกว่า ดังนั้นจึงเร่ง
รีบเดินทางกลับ”
“เรื่องอันใดกัน?” ฉินหยุนถามกลับอย่างนึกสงสัย
“รักษาจิตวิญญาณ!” ปิงชิงกล่าว “ก่อนหน้านี้ ข้าสัมผัสได้ว่าจิตวิญญาณ
ของทั้งสองมีการตอบสนองแปลกประหลาด! คาดเดาว่าหลังกำเนิด
ขึ้นใหม่ จิตวิญญาณจึงได้รับผลกระทบ ในเมื่อทั้งสองผ่านการกลับ
ชาติมาเกิด ความทรงจำยังตื่นขึ้นก่อนกำหนด นี่จะต้องมีคนแอบ
ช่วยเหลือพวกนางอยู่แน่!”
ก่อนหน้านี้ฉินหยุนได้คาดเดา ว่าเซี่ยฉีโหรวได้ติดต่อหาชี่เม่ยเหลียน
เชี่ยวเย่ว์หลาน และเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเพื่อชี้นำพวกนางในการฝึกฝน
“พี่สาวปิงชิง วิญญาณยุทธ์ของเสี่ยวเม่ยเหลียนในชาติภพก่อนก็เป็น
วิญญาณยุทธ์กาลอวกาศหรือ?” ฉินหยุนถามออกด้วยความสงสัย
“นางครอบครองสองวิญญาณยุทธ์ เป็นวิญญาณยุทธ์กาลอวกาศ และ
วิญญาณยุทธ์ความทรงจำ!” ปิงชิงกลับไปนั่งข้างสระเซียนพลางกล่าว
ต่อ “วิญญาณยุทธ์ความทรงจำของนางทรงอำนาจยิ่ง มันสามารถ
ผนึกความทรงจำเลวร้ายยามที่นางเกิดความโศกเศร้าเอาไว้ได้!”
ฉินหยุนตระหนักถึงบางอย่างได้ ย้อนกลับไปตอนนั้น เซี่ยอู๋เฟิง มู่หรง
ต้าเหริน และฮั่วจงต่างได้เห็นวิญญาณยุทธ์ของชี่เม่ยเหลียน กระนั้น
ภายหลังพวกเขาไม่อาจจดจำได้ว่ามันคืออะไร
หลิงหยุนเอ๋อพลันกล่าว “เสี่ยวหยุน ไม่ใช่เย่ว์หลานบอกหรือว่าเจ้า
สูญเสียความทรงจำวัยเด็กส่วนหนึ่งไป? ข้าเองก็ไม่อาจพบความทรง
จำนั้นในจิตใจเจ้าได้ เห็นได้ชัดว่าต้องถูกนำออกไปด้วยพลังพิเศษ!”
“หากเป็นอย่างนั้น ก็มีแต่เสี่ยวเม่ยเหลียนที่ทำได้! ข้าสงสัยว่าพี่สาว
ของเจ้า จะเป็นคนบอกให้เสี่ยวเม่ยเหลียนนำเอาความทรงจำตอนนั้น
ของเจ้าออกไป!”
เรื่องราวกลับกลายเป็นซับซ้อนขึ้นมา ฉินหยุนรู้สึกว่าเซี่ยฉีโหรว
คล้ายจงใจเก็บซ่อนหลายเรื่องราวของตัวเขาเอาไว้
“พี่สาวปิงชิง ชาติภพก่อนหน้า ข้ามีสัมพันธ์อันดีกับพวกเม่ยเหลียน
หรือ?” ฉินหยุนถามขึ้น
“พวกเจ้าหาได้มีสัมพันธ์อันดีต่อกันไม่ เพราะพวกเราล้วนถูกเจ้าลวง
หลอก แต่หลังจากข้าถูกผนึก หลายปีผันผ่าน ข้าไม่ทราบแล้วว่าช่วง
นั้นได้เกิดเรื่องอันใดขึ้น! โดยสรุป มันต้องมีสาเหตุว่าทำไมตอนนี้
พวกเจ้าถึงดีต่อกันได้!”
ปิงชิงมองทางสระเซียนด้วยสีหน้าอันซับซ้อน “ข้าเองก็อยากทราบ
ให้กระจ่างชัด ว่าหลังข้าถูกผนึกมันเกิดเรื่องอันใดขึ้น!”
“ข้าขอตัวกลับไปพบมิตรสหายก่อน จากนั้นข้าค่อยกลับมาฝึกฝน
ร่วมกับท่าน!” ฉินหยุนไม่ต้องการนึกถึงเรื่องนี้อีก เพราะเขาไม่มี
เบาะแสใดในมือเลย
ปิงชิงพยักหน้ารับเบา
ฉินหยุนออกจากตำหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ เดินทางกลับ
บ้านพักของตนเอง เขานำเอาแผนที่หลุมฝังเซียนออกมาพร้อมหยด
เลือดลงไป
“เสี่ยวหยุน มีเรื่องอะไรหรือ? พบเจอเสี่ยวเม่ยเหลียนหรือยัง?” เซี่ยฉี
โหรวเอ่ยถาม
“ข้าพบนางแล้ว! นางและเย่ว์หลานได้ไปพบปิงชิง และได้กลายเป็น
มิตรสหายที่ดีต่อกันอีกครั้งหนึ่ง!” ฉินหยุนบุ้ยปากกล่าวคำ “พี่สาว
ข้ามีความรู้สึกว่าท่านกำลังปิดซ่อนหลายเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับชาติ
ภพก่อนของข้าเอาไว้!”
“ถูกต้อง เป็นข้าซ่อนไว้หลายเรื่องราวจริง! พวกมันเหล่านั้นส่งผล
กระทบต่อเจ้าได้ง่าย ดังนั้นข้าจึงไม่คิดอยากพูดถึงในเวลานี้! เย่ว์
หลานและผู้อื่นต่างทราบ เหตุผลที่พวกนางไม่บอกอันใดต่อเจ้า ก็
เพราะพวกนางมีความเห็นเช่นเดียวกันกับข้า!” เซี่ยฉีโหรวกล่าว
หยางฉีเย่ว์สามารถกลับชาติมาเกิด เรื่องนี้ทำเซี่ยฉีโหรวประหลาดใจ
ไม่น้อย เพราะนางไม่ได้ร่วมมือทางใดกับหยางฉีเย่ว์
และหยางฉีเย่ว์ ก็เก็บงำหลายเรื่องราวในชาติภพก่อนของฉินหยุน
เอาไว้
ฉินหยุนพอนึกถึงเรื่องนี้ เขาค่อยเชื่อว่าเซี่ยฉีโหรวมีเจตนาดี
“พี่สาว ข้าฝึกฝนร่วมกับปิงชิงแล้ว ครั้งพวกเราฝึกฝนพลังเซียนเก้า
วิวัฒน์ร่วมกัน ความเร็วฝึกฝนของพวกเราได้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล!”
ฉินหยุนยิ้มกล่าว
“เสี่ยวหยุน เจ้าช่างน่าทึ่ง ปิงชิงถึงขั้นปล่อยวางต่อเจ้า กระทั่งใช้พระ
สูตรหัวใจตะวันจันทรากับเจ้าได้!” เซี่ยฉีโหรวหัวเราะกล่าว “สม
แล้ว เสน่ห์ของเจ้าก็ยังคงมีดังเช่นชาติภพก่อน!”
“พี่สาว ข้าคิดอยากฝึกฝนร่างเซียนอสูร ข้าได้รับต้นกำเนิดเซียนมา
จำนวนหนึ่ง”
ถัดจากนั้น ฉินหยุนจึงบอกต่อเซี่ยฉีโหรวถึงเรื่องราวที่เขาได้รับ
โลหิตเซียนและโลหิตอสูรมาจำนวนมาก เขายังกล่าวโดยสรุปถึง
เรื่องราวที่ได้รับต้นกำเนิดเซียนมา
หลังได้รับฟัง เซี่ยฉีโหรวยังคงเงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นนางค่อย
กล่าว “เสี่ยวหยุน เจ้ามีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะฝึกฝนร่างเซียนแล้ว
กระนั้นที่เจ้าต้องการก็ยังอันตรายเกินไป! แต่เมื่อใดเจ้าฝึกฝนได้ ภาย
หน้ามันจะเป็นตัวส่งเสริมต่อเจ้าอย่างมหาศาล!”
“เป็นเรื่องดีที่ระดับการฝึกฝนเจ้ายังไม่สูงล้ำ และข้างกายยังมีเซียน
หญิงที่สนิทกัน หากเจ้าคิดฝึกฝนร่างเซียนอสูรข้าก็ค่อยวางใจได้!”
“ปิงชิงคือสตรีที่สามารถฝึกฝนร่วมกับเจ้าได้ อย่างนั้นนี่คงหมายความ
ถึงเจตนาแห่งสวรรค์! ด้วยนางช่วยเหลือ เจ้าน่าจะฝึกฝนร่างเซียนอสูร
ขึ้นมาได้!”
ฉินหยุนภายในตื่นเต้นยินดี ปากกล่าวถามออก “พี่สาว ข้าต้องทำ
อย่างไรบ้าง?”
“นำโลหิตเซียนและโลหิตอสูรแยกบรรจุไว้ จากนั้นค่อยนำแก่นเต๋าผู้
ฝึกตนอสูร หรือผลึกแก้วชีวิตอสูรครึ่งเซียนใส่ในโลหิตเซียน! สำหรับ
โลหิตอสูร ให้นำแก่นเต๋าหรือผลึกแก้วชีวิตครึ่งเซียนใส่เข้าไป!”
“รอจนกว่าเลือดในภาชนะจะมีการตอบสนอง หากเป็นไปได้ด้วยดี
โลหิตอสูรจะกลายเป็นสีทอง และโลหิตเซียนจะกลายเป็นโปร่งแสง!”
“ถึงตอนนั้น เจ้าค่อยผสมโลหิตทั้งสองเข้าด้วยกัน จากนั้นโลหิตทั้ง
สองจะทำปฏิกิริยาต่อกันจนร้อนขึ้นมา แล้วเจ้าค่อยแช่กายในนั้น!”
“สุดท้ายแล้ว ให้ปิงชิงอยู่เคียงข้างภาชนะ ให้นางฝึกฝนร่วมกับเจ้า
และใช้พลังเซียนอันแกร่งกล้า ชักนำโลหิตเซียนอสูรเพื่อขัดเกลา
ร่างกายเจ้า! แน่นอนว่ามันจำเป็นต้องให้เจ้าและปิงชิงต้องเรียนรู้วิชา
ร่างศักด์ิสิทธ์ิเซียนอสูร ข้าจะสอนวิธีการฝึกฝนมันให้แก่เจ้าเอง!”
หลังนางกล่าวคำจบ จึงเริ่มทำการส่งถ่ายวิชาร่างศักด์ิสิทธ์ิเซียนอสูร
ให้แก่ฉินหยุน