ตอนที่ 110 ฟังหยวน แขกไม่ได้รับเชิญ

 

 

 

 

           “โจวโจว ผมเสียใจนะที่คุณพูดกับผมแบบนี้” ฟังหยวนทำท่ากุมหน้าอก 

 

 

ถังโจวโจวอยากจะอาเจียน “อย่าทำแบบนั้นค่ะ ไม่อย่างนั้นฉันจะให้คนมาไล่คุณออกไป!” 

 

 

ถังโจวโจวเหมือนจะได้ยินเสียงรถอีกครั้ง คราวนี้จะต้องเป็นหลินเหยาอย่างแน่นอน ถังโจวโจววิ่งออกไปดู แล้วก็เป็นหลินเหยาที่ลงมาจากรถแท็กซี่ หลินเหยาเพิ่งจะหยุดยืน ถังโจวโจวก็เริ่มบ่น “เหยาเหยา เธอนี่ช้าจริงๆ เลย ลูกชายเธอรอแย่แล้วเนี่ย” 

 

 

“ฉันถึงเอาของขวัญมาไถ่โทษให้เขานี่ไง” หลินเหยายื่นถุงของขวัญใบเล็กออกมาจากด้านหลัง เมื่อถังโจวโจวเปิดดู เธอก็พบว่ามันเป็นของเล่นเด็กที่หลินเหยาซื้อมาให้ลูกที่อยู่ในท้องของเธอ เธอรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมในทันที 

 

 

“เหยาเหยา เขายังอยู่ในท้องฉันอยู่เลย ถ้าเธอจะซื้อ เธอก็ควรจะซื้อให้ฉันก่อนไหม” 

 

 

“ตอนนี้ฉันอยู่ต่อหน้าลูกชายของฉัน เธอหมดความหมายแล้ว” ถังโจวโจวทุบหลินเหยาเบาๆ สองครั้ง ก่อนที่พวกเธอจะเดินเข้าไปในบ้านด้วยกันพร้อมเสียงหัวเราะ 

 

 

ป้าหลิวยกน้ำชามาให้ฟังหยวนแล้วแก้วหนึ่ง เมื่อเธอเห็นว่าถังโจวโจวพาเพื่อนเข้ามาเพิ่มอีก เธอก็เริ่มสงสัย คุณผู้หญิงบอกว่ามีแขกแค่คนเดียวไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมตอนนี้ถึงมีสองคน? 

 

 

ถังโจวโจวพาหลินเหยาไปที่ห้องนั่งเล่น ก่อนที่จะแนะนำให้เธอได้รู้จักกับฟังหยวน “นี่ฟังหยวน เพื่อนของเซ่าเชิน นี่หลินเหยา เพื่อนสนิทของฉันเอง” 

 

 

ฟังหยวนลุกขึ้นยืนและยื่นมือออกไป “ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณหลิน” 

 

 

หลินเหยาจับมือเขาอย่างสุภาพ “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะคุณฟัง” 

 

 

ลั่วเซ่าเชินพาลั่วอิงลงมาชั้นล่าง เขาพบว่าในห้องนั่งเล่นมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง “ฟังหยวน นายมาทำไม” 

 

 

ฟังหยวนหัวเราะเสียงดังลั่น “นายชวนฉันมาไม่ใช่เหรอ อาเชิน นายจำไม่ได้หรือไง” 

 

 

ลั่วเซ่าเชินเพิ่งนึกขึ้นมาได้ เมื่อเช้าฟังหยวนมาหาเขาที่บริษัท และนัดให้เขาออกไปกินมื้อเย็นด้วยกัน แต่เขาบอกปัด ฟังหยวนจึงถามหาสาเหตุ เขาก็เลยเผลอหลุดปากบอกเรื่องที่ถังโจวโจวจะชวนเพื่อนมากินหม้อไฟที่บ้านคืนนี้ 

 

 

           เมื่อฟังหยวนได้ยิน เขาก็โอดครวญขึ้นมาทันที เขาบอกว่าเขากลับมาตั้งนานแล้ว ลั่วเซ่าเชินยังไม่เคยชวนเขาไปกินข้าวเลยสักครั้ง เพราะฉะนั้นเขาจะถือโอกาสนี้ไปร่วมวงด้วย ในตอนนั้นลั่วเซ่าเชินไม่เห็นด้วย แต่ฟังหยวนไม่ฟัง เอาแต่พูดว่าจะมาให้ได้ 

 

 

           เมื่อลั่วเซ่าเชินกลับมาถึงบ้าน เขาก็ไม่ได้คุยกับฟังหยวนอีก เขานึกว่าอีกฝ่ายลืมเรื่องนี้ไปแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายแล้วฟังหยวนเองก็มีความสามารถอยู่เหมือนกัน ที่หาทางมาเองจนได้อย่างนี้ 

 

 

“เอาเถอะ ไหนๆ ก็มาแล้ว ให้ป้าหลิวเตรียมอาหารเพิ่มก็แล้วกัน” เมื่อลั่วเซ่าเชินเห็นว่าฟังหยวนสู้อุตส่าห์มาจนได้ เขาก็ไม่อาจไล่เพื่อนกลับไปได้ในตอนนี้ 

 

 

เมื่อฟังหยวนได้ยินลั่วเซ่าเชินพูดแบบนั้น เขาก็หันไปยิ้มให้ถังโจวโจวอย่างภาคภูมิใจ เขายิ้มเสียจนถังโจวโจวอยากจะตีเขาแรงๆ ให้เขาจำเอาไว้ว่าไม่ควรเยาะเย้ยเธอแบบนี้ 

 

 

ลั่วอิงวิ่งมาหาหลินเหยา ก่อนจะเอ่ยเรียกอย่างสนิมสนม “น้าหลินมาแล้ว หนูรอคุณน้าอยู่นานเลยค่ะ” ถังโจวโจวมองดูลั่วอิงที่กำลังพูดโกหกตาใส เธอกลับมาถึงบ้านไม่นานนี้เอง แล้วเพิ่งลงมาจากชั้นบนด้วย รอนานที่ไหนกันล่ะ 

 

 

แต่เมื่อหลินเหยาได้ยิน ถังโจวโจวก็ไม่คิดว่าเธอจะมีความสุขมากขนาดนี้ “จริงเหรอคะ ไม่เสียแรงที่น้ารักหนู ลั่วอิงดีกับน้าที่สุดเลย!” 

 

 

ถังโจวโจวเห็นว่าลั่วอิงสามารถหลอกให้หลินเหยาดีใจได้ เธอล่ะนับถือปากเล็กๆ ของลั่วอิงจริงๆ ไม่รู้ว่าดื่มน้ำผึ้งไปมากแค่ไหน คำพูดหวานๆ ถึงได้หลุดออกมาจากปากได้เรื่อยๆ อย่างนี้ 

 

 

“ลั่วอิงน้อยลืมคุณลุงไปแล้วหรือครับ ลุงเสียใจจัง เสียดายที่วันนี้ลุงเอาของขวัญมาให้หนูด้วย” ฟังหยวนพยายามแสดงตัว 

 

 

ทันทีที่ลั่วอิงได้ยินฟังหยวนบอกว่าเขาเอาของขวัญมาให้เธอด้วย เธอก็กระตือรือร้นขึ้นมาและรีบยิ้มหวานให้ฟังหยวน “จำได้สิคะ ลุงฟัง คุณลุงเอาอะไรมาให้หนูเหรอคะ” 

 

 

“เดี๋ยวลุงเอามาให้หลังทานข้าวเสร็จนะครับ ตอนนี้มันอยู่ในรถ” 

 

 

ป้าหลิวยกน้ำซุปที่ปรุงเสร็จแล้วและผักต่างๆ ออกมาวางไว้บนโต๊ะ บนโต๊ะนั้นเต็มไปด้วยอาหารละลานตา ถังโจวโจวและคนอื่นๆ นั่งลงที่โต๊ะ ก่อนจะเริ่มลงมือในทันที 

 

 

ฟังหยวนเป็นคนอารมณ์ขัน หลินเหยาเองก็คุยกับเขาได้อย่างถูกคอ บรรยากาศบนโต๊ะจึงดีแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อถังโจวโจวเห็นหลินเหยายิ้มแย้มอย่างมีความสุขเพราะฟังหยวน เธอก็กลัวว่าเพื่อนจะติดกับดักภาพลักษณ์ภายนอกอันแสนดีของเขา แต่เธอก็เกรงใจที่จะพูดเตือนออกมาตรงๆ เธอจึงได้แต่แอบลอบสังเกตสถานการณ์อยู่ข้างๆ 

 

 

อาหารบนโต๊ะหมดเกลี้ยง เมื่อมองดูแต่ละคน ก็จะเห็นว่าอิ่มกันจนหน้าท้องกลมดิก น้ำซุปที่ป้าหลิวทำนั้นอร่อยมาก มันเข้ากันได้ดีกับผักสดและเนื้อสัตว์ พวกเขากินกันจนเหงื่อท่วม แต่หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ร่างกายของพวกเขาก็อบอุ่นขึ้น 

 

 

หลังจากอาหารมื้อนั้น ลั่วอิงก็เอาแต่ถามถึงของขวัญของฟังหยวน ฟังหยวนเปิดประตูรถและหยิบกล่องของขวัญกล่องเล็กออกมาจากเบาะหลัง มันคือกิ๊บติดผมเพชร แม้แต่ถังโจวโจวยังตาลุกวาว ใจดีจริงๆ 

 

 

เมื่อลั่วอิงเห็นของขวัญที่ถูกใจ เธอก็เอ่ยปากชมเปาะ “คุณลุงฟังใจดีจัง ลั่วอิงรักคุณลุงที่สุดเลยค่ะ” 

 

 

ฟังหยวนยิ้มหัวเราะตามคำยอของลั่วอิง “ลั่วอิง ถ้าหนูชอบ รอบหน้าลุงจะเอามาให้อีกนะ” 

 

 

“จริงๆ นะคะ? ถ้าอย่างนั้นคุณลุงต้องมาบ้านหนูบ่อยๆ นะ” ลั่วอิงไม่เห็นแววตาของลั่วเซ่าเชินที่นิ่งงันไป เธอสนใจแค่เพียงว่าฟังหยวนเอาของขวัญมาให้ และแน่นอนว่ามันเป็นเรื่องดีสำหรับเธอ! 

 

 

“ได้ครับ ถ้าคุณพ่อหนูอนุญาต วันหลังลุงจะมาบ่อยๆ” ฟังหยวนมองไปที่ลั่วเซ่าเชิน แล้วเขาก็พบว่าสีหน้าของลั่วเซ่าเชินดูไม่ค่อยดีเท่าไร เขารู้ตัวว่าเขาอยู่ใกล้ลั่วอิงมากเกินไป ฟังหยวนหัวเราะหน้าตาเฉย อาเชินทำอะไรเขาในตอนนี้ไม่ได้หรอก 

 

 

ฟังหยวนสังเกตเห็นว่าถังโจวโจวแอบมองกิ๊บติดผมที่อยู่ในมือของลั่วอิงเป็นระยะ เขาทดไว้ในใจ ดูเหมือนว่าเธอเองก็ชอบของกระจุกกระจิกแบบนี้อยู่เหมือนกัน 

 

 

หลินเหยาเห็นว่าสีหน้าของลั่วเซ่าเชินดูไม่สบอารมณ์ แต่เธอไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เธอผลักถังโจวโจวเบาๆ จากนั้นก็ชี้ไปที่ลั่วเซ่าเชิน แล้วก็ชี้ไปที่ฟังหยวน เธอขยับรูปปากถามว่า “มีเรื่องอะไรกันเหรอ” หลินเหยาได้แต่สงสัยในใจ ทำไมสองคนถึงทำเหมือนว่าจะตีกัน เขาเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ? 

 

 

“เอาละ ลั่วอิง เอาของขวัญไปเก็บก่อนค่ะ เป็นเด็กเป็นเล็กไม่ควรไม่สุภาพแบบนี้นะคะ ไปขอของขวัญจากคนอื่นได้ยังไง” ถังโจวโจวให้ลั่วอิงมานั่งข้างๆ เธอ และเมื่อพูดถึงเหตุผล ลั่วอิงก็ไม่พูดถึงเรื่องที่จะให้ฟังหยวนเอาของขวัญมาให้อีกเลย 

 

 

ฟังหยวนเห็นว่าถังโจวโจวช่วยอาเชิน ‘พวกเขาเป็นสามีภรรยากันนี่ แต่ถ้าเธอเป็นของฉัน วันนี้เธอจะยืนอยู่ข้างฉันไหม?’ ฟังหยวนรู้สึกตัวว่าเขากำลังคิดมากเกินไป เขาจึงต้องปล่อยวางความคิด 

 

 

“เอาละ ผมไม่รบกวนแล้วดีกว่า ขอตัวกลับก่อนนะครับ ขอบคุณนะอาเชินที่ชวนฉันมากินข้าวมื้อใหญ่” 

 

 

“นี่ไม่ใช่มื้อใหญ่อะไร ถ้านายอยากให้ฉันเลี้ยงข้าว เดี๋ยวฉันจะหาร้านอาหารดีๆ แล้วเราค่อยไปกัน” เมื่อลั่วเซ่าเชินเห็นว่าฟังหยวนเหมือนจะละทิ้งความหวังจากถังโจวโจว เขาก็ปฏิบัติกับอีกฝ่ายอย่างดี 

 

 

เป็นพี่เป็นน้องกันมาตั้งหลายปี ใช่ว่าเป็นกันเล่นๆ แต่เพราะถังโจวโจว ดังนั้น ลั่วเซ่าเชินจึงต้องป้องกันการเข้าใกล้ของฟังหยวนเอาไว้ก่อน 

 

 

“โอเค ฉันจะรอ” ฟังหยวนมองไปที่หลินเหยา “คุณหลินครับ ผมเห็นว่าคุณไม่ได้ขับรถมา ถ้าอย่างนั้นมานั่งรถผมไหม วันนี้ให้ผมทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์คนสวยไปส่งคุณที่บ้านนะครับ?” 

 

 

หลินเหยาเห็นว่าฟังหยวนจริงใจ เธอจึงพยักหน้าตกลง ถังโจวโจวเองก็คิดว่ามันเป็นความคิดที่ดี เมื่อครู่นี้เธอยังคิดอยู่เลยว่า ‘ตอนนี้ฟ้าก็มืดแล้ว เหยาเหยาจะกลับบ้านยังไง เดี๋ยวให้เซ่าเชินไปส่งดีกว่า’ แต่ตอนนี้ฟังหยวนอาสาเอง ถ้าอย่างนั้นก็ดีมากๆ เลย 

 

 

“ฟังหยวน คุณต้องส่งเหยาเหยาให้ถึงบ้านนะคะ ไม่อย่างนั้นฉันเอาเรื่องคุณแน่” ถังโจวโจวยกกำปั้นเล็กๆ ของเธอขึ้นมาและพูดขู่ 

 

 

ฟังหยวนแค่รู้สึกว่าท่าทางของถังโจวโจวน่ารักมาก ถ้าเขาคิดจะทำอะไรหลินเหยา เธอคิดว่าเธอจะจัดการเขาได้เหรอ 

 

 

แต่ฟังหยวนจะไม่ทำให้ถังโจวโจวไม่สบายใจ เขาดูเหมือนจะล้อเล่น แต่ก็พูดอย่างจริงจังว่า “ไม่ต้องห่วงครับ เธอเป็นเพื่อนของคุณ ผมจะส่งเธอให้ถึงบ้านอย่างปลอดภัยเลย” 

 

 

หลินเหยาขึ้นไปนั่งบนรถของฟังหยวนและโบกมือให้ถังโจวโจว “โจวโจว เธอรีบเข้าไปเถอะ” 

 

 

“ขับรถดีๆ นะคะฟังหยวน เหยาเหยา ถึงบ้านแล้วส่งข้อความมาบอกฉันด้วยนะ” 

 

 

“รู้แล้วจ้ะ” หลินเหยาพยักหน้ารับในทันที ถ้าไม่ติดว่าดึกแล้ว เธอคงจะต้องคุยกับถังโจวโจวอีกสักพักแน่ 

 

 

ถังโจวโจวทอดมองรถของฟังหยวนจากไป จากนั้นเธอจึงกลับเข้าไปในบ้าน ลั่วเซ่าเชินเห็นว่าเธอกลับเข้ามาแล้วจึงเอ่ยถาม “กลับกันไปแล้วเหรอ” 

 

 

“ค่ะ เซ่าเชิน วันนี้ฟังหยวนเขามาได้ยังไง” จะมาแล้วทำไมไม่บอก ทำเอาป้าหลิวตกอกตกใจหมด ดีนะที่เธอซื้อมาเผื่อ มิเช่นนั้นคงไม่พอกิน 

 

 

“ผมคิดว่าเขาล้อเล่น ไม่คิดว่าเขาจะมาจริงๆ” ลั่วเซ่าเชินอธิบายเล็กน้อย ถังโจวโจวไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม เพราะอย่างไรเขาก็เป็นเพื่อนของลั่วเซ่าเชิน เธอไม่ควรเข้าไปยุ่ง 

 

 

ถังโจวโจวได้ขีดเส้นที่ชัดเจนแล้วสำหรับฟังหยวน ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากเป็นเพื่อนกับฟังหยวน แต่ทุกครั้งที่ฟังหยวนเจอเธอ เขามักจะพูดจาไร้สาระ ถังโจวโจวจะคิดว่าเป็นเรื่องจริงก็ไม่ได้ จะคิดว่าเป็นเรื่องหลอกก็ไม่ได้อีกเช่นกัน 

 

 

ฟังหยวนมาส่งหลินเหยาที่บ้าน ระหว่างทางเขาไม่ได้คุยกับเธออีก หลินเหยามองออกว่าเขาไม่อยากจะสนทนาด้วย เธอเองก็เลยไม่พูด เธอรู้สึกสงสัยในตัวฟังหยวนมาก ตกลงแล้วเขาเป็นคนยังไงกันแน่ ตอนที่อยู่บนโต๊ะอาหาร เขาร่าเริงมาก แต่ตอนนี้เขากลับนิ่งเฉยจนเหมือนคนละคน 

 

 

หลังจากหลินเหยาลงจากรถ “ขอบคุณที่มาส่งนะคะ คุณฟัง” 

 

 

“ไม่เป็นไรครับ” เมื่อเห็นว่าหลินเหยาหมุนตัวเดินไปแล้ว ฟังหยวนจึงขับรถออกมา 

 

 

หลินเหยาเดินไปสองก้าว เธอได้ยินเสียงรถไกลออกไปจากทางด้านหลัง หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อเธอรู้สึกว่าฟังหยวนไปไกลแล้ว เธอก็อดหันหน้ากลับไปมองไม่ได้ เขานี่แปลกคนจริงๆ… 

 

 

ฟังหยวนนึกถึงบรรยากาศบนโต๊ะอาหารในวันนี้ แม้ว่าลั่วเซ่าเชินจะไม่ค่อยพูด แต่ดวงตาของเขาก็จับจ้องไปที่ถังโจวโจวอยู่ตลอด ดูเหมือนว่าเขาจะใส่ใจเธอมาก นี่เขาไม่รู้สึกอะไรกับหันฮุ่ยซินแล้วจริงๆ เหรอ? 

 

 

ช่วงนี้หันฮุ่ยซินก็ไม่ได้มาหาเขา นี่มันดูสิ้นหวังมาก แต่เอาเป็นว่าถ้าเธอมาหาเขาอีก เขาก็จะไม่ช่วยเธอแล้ว ขอแค่ถังโจวโจวยังอยู่ดี เขาก็พร้อมที่จะเป็นอัศวินข้างกายเธอ 

 

 

ค่ำนี้ถังโจวโจวกินไปเยอะมาก เธอจึงลากลั่วเซ่าเชินออกมาเดินย่อยอาหาร ลั่วอิงไม่ได้ตามมาด้วย เธอกลับไปลองกิ๊บติดผมอันใหม่ที่ห้องของเธอ 

 

 

พวกเขาสองคนเหมือนกับคู่สามีภรรยาที่อยู่กินกันมานาน พวกเขาสามารถรู้สึกถึงกันและกันได้โดยที่ไม่ต้องสื่อสาร ถังโจวโจวเดินอยู่ข้างๆ ลั่วเซ่าเชิน หัวใจของเธอเต้นตึกตัก เธอรู้สึกว่ารอบตัวของเธอนั้นเงียบสงัด เธอได้ยินแค่เสียงหัวใจของเธอและลั่วเซ่าเชิน 

 

 

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่ลั่วเซ่าเชินกุมมือเธอเอาไว้แน่น เขาลองส่งเสียงออกมา “โจวโจว ถ้าวันข้างหน้าเราแก่ตัวไป เราก็จะเป็นแบบนี้ใช่ไหม ทุกวันหลังจากกินข้าวเสร็จ เราก็จะออกมาเดินเล่นด้วยกัน” 

 

 

“แน่นอนค่ะ” ลั่วเซ่าเชินจินตนาการถึงอนาคตอันงดงาม ถังโจวโจวเองก็หวังว่าเธอจะมีชีวิตแบบนี้ในอนาคต เธอหวังให้ชีวิตของเธอสงบสุขและเรียบง่าย ไม่ต้องมีจุดหักเหอะไรอีก 

 

 

พวกเขาเดินทอดน่องกันอยู่รอบหนึ่ง จากนั้นก็เดินกลับบ้านกันไป มือของพวกเขายังคงประสานกันไว้แน่น