ตอนที่ 861 วางยาพิษ

เนตรเซียนทะลุสมบัติ

ตอนที่ 861 วางยาพิษ

หยางโปประคองอวี่เหวินนั่งลง เขาสัมผัสแขนขวาของอวี่เหวิน ทันใดนั้นก็รู้สึกหดหู่ ” นายเป็นอะไรไป ? “

อวี่เหวินส่ายหัว เขานั่งลงและพูดกับหยางโป ” ช่วยฉันเตรียมยาเติมพลังชีวิตให้ฉันหน่อย “

 

หยางโปครุ่นคิดเล็กน้อย ” เห็ดหลินจือพันปีได้ไหม ? “

อวี่เหวินเหลือบมองไปที่หยางโปและพยักหน้าเล็กน้อย ” มีอีกไหม ? ” “ มันเหลือแค่ชิ้นเล็กๆ แต่ใช้มันไปก่อนเถอะ ” หยางโปกล่าว ” ฉันจะไปรวบรวมวัตถุดิบปรุงยามาเดี๋ยวนี้แหละ “

 

ลัวย่าวหัวที่อยู่ข้างๆกล่าวว่า ” ฉันจะโทรไปถามว่าในจีนมีสมุนไพรดีๆบ้างไหมนะ “

ในตอนนี้หยวนต๋าได้ยินข่าวก็รีบมา เขาตกใจมากเมื่อเห็นว่าอวี่เหวินมีท่าทางซึมหมดอาลัยตายอยาก

“ เกิดอะไรขึ้น ? ”

 

หยางโปเห็นหยวนต๋าและถามออกไปตรงๆทันที ” มีโสมพันปีไหม ? “

หยวนต๋ารีบกล่าวว่า “ พี่ชาย ของดีอย่างโสมพันปีผมจะไปมีได้ที่ไหน ? ผมมีแค่โสมไม่กี่สิบปีแล้วก็มีบัวหิมะอีกสองสามดอก มันน่าจะสามารถเติมเต็มพลังได้ ”

 

หยางโปกล่าวว่า ” งั้นก็รบกวนคุณแล้วล่ะ ช่วยไปเตรียมให้ทีนะ “

หยวนต๋าพยักหน้าและรีบไปเอาโสมและบัวหิมะมาทันที ส่วนหยางโปก็กลับไปหยิบเห็ดหลินจือพันปีที่ห้อง

 

ครั้งนี้ที่หยางโปมาอเมริกา เพื่อป้องกันเหตุสุดวิสัย เขาจึงเอาแค่เห็ดหลินจือชิ้นเล็กๆมาเท่านั้น ตอนแรกเขาไม่คิดว่าเห็ดหลินจือพันปีจะเป็นของดี ครั้งหนึ่งเห็ดหลินจือถูกมองว่าเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มพลังวิญญาณ แต่ภายหลังเห็ดหลินจือก็มีน้อยลงเรื่อยๆ เขาก็ประหลาดใจเมื่อยาชนิดนี้หายากมากจริงๆ !

 

การรักษาด้วยยาก็ซับซ้อนมากเช่นกัน หยางโปเพิ่งกินเห็ดหลินจือพันปีแบบดิบๆไป ซึ่งทำให้สิ้นเปลืองไปมากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตอนแรกอวี่เหวินก็ไม่ได้เตือนเขาถึงเรื่องนี้

 

แต่ในเวลานี้ เมื่อเผชิญหน้ากับยาที่หายาก อวี่เหวินจึงต้องเขียนใบสั่งยา มีแค่วิธีนี้เท่านั้นที่เขาจะสามารถได้รับยาที่หายากแบบนี้ !

 

หยางโปจดใบสั่งยาและส่งให้หยวนต๋าไปจัดการทันที

อวี่เหวินกลับไปที่ห้องและอาบน้ำ ไม่นานเขาก็เปิดประตูและเชิญหยางโปเข้าไป

 

หยางโปรู้ดีว่าอวี่เหวินต้องมีอะไรอธิบายให้เขาฟังแน่ๆ เรื่องบางเรื่องก็ไม่เหมาะกับการพูดคุยข้างนอก

เขาสามารถมองออกได้เลยว่าอวี่เหวินป้องกันหยวนต๋าด้วยซ้ำ !

 

เมื่อเข้ามาในห้องของอวี่เหวิน หยางโปก็สูดลมหายใจเบาๆ ปลายจมูกของเขาเขาได้กลิ่นเลือด เขาอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองอวี่เหวิน ผิวของอวี่เหวินเริ่มซีดลงและซีดเซียวมากขึ้น เขาเปิดประตูและเดินตัวสั่นกลับไปที่เตียงและนั่งลง

 

อวี่เหวินถือผ้านวมไว้ในมือข้างหนึ่งและมองไปที่หยางโป “ กระดาษ ! ”

หยางโปดึงสติกลับมาทันทีหยิบกระดาษและปากกาที่เขาเตรียมออกมา ลัวย่าวหัวเตรียมกระดาษและปากกาเอาไว้ให้เขา ตอนนั้นเขาก็สงสัยและไม่รู้ว่าลัวย่าวหัวหมายถึงอะไร ตอนนี้ดูเหมือนว่าลัวย่าวหัวจะเข้าใจความคิดของผู้คนมากกว่าเขาซะอีก !

 

เห็นได้ชัดว่าการใช้กระดาษและปากกาในการสื่อสารเป็นการป้องกันการดักฟัง !

อวี่เหวินเหลือเพียงมือซ้าย ดังนั้นการเคลื่อนไหวของเขาจึงดูช้าเล็กน้อย เขาเขียนคำพูดด้วยข้อความสั้นๆว่า

” ระวังหยวนต๋าเอาไว้ ! “

 

หยางโปมองไปที่อวี่เหวินด้วยความประหลาดใจ และเมื่อเห็นที่เขาเขียน “ คราวนี้ฉันใช้สถานที่ที่หยวนต๋าจัดให้ เพื่อหาหญ้าเปลวเพลิง แต่ฉันไม่ได้คิดว่าหยวนต๋าจะคาดเดาได้ ”

 

หยางโปรู้สึกประหลาดใจ เขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่อวี่เหวินและเขียนบนกระดาษว่า ” เขาทำมาถึงขั้นนี้ได้ยังไง หรือว่าเขาใช้ระเบิด ? ”

 

อวี่เหวินส่ายหัวแล้วเขียนว่า ” มีกับดักอื่นอีก จำเอาไว้ว่า อย่าได้ไปหลงกลเขาเด็ดขาด ! “

เพราะอวี่เหวินไม่มีพละกำลังมากนัก การสื่อสารระหว่างทั้งสองจึงใช้เวลาไปมากในการเขียนมาถึงตรงนี้

ในตอนนั้นเองหยางโปก็กำลังจะถามให้มากขึ้นก็มีเสียงเคาะประตู เขารีบวางกระดาษและลุกขึ้นเพื่อไปเปิดประตู

 

เมื่อเปิดประตูก็เห็นหยวนต๋ายืนอยู่ข้างนอก เขาถือถาดที่มีซุปสมุนไพรอยู่

” เพิ่งตุ๋นซุปสมุนไพรเสร็จก็รีบมาทันที หวังว่าคุณอวี่เหวินจะรีบกินยานี้เข้าไปแล้วอาการจะดีขึ้นในไม่ช้า ” หยวนต๋ากล่าวด้วยความจริงใจ

 

หยางโปรีบรับซุปสมุนไพรจากอีกฝ่ายและกล่าวว่า ” ของบคุณมากๆครับสำหรับความช่วยเหลือในช่วงเวลานี้ “

หยวนต๋ารีบพูด “ คุณหยาง คุณก็พูดตลกเกินไป ”

 

หยางโปถือซุปสมุนไพรมาวางไว้ข้างเตียง และจะช่วยประคองอวี่เหวินแต่พบว่าเขาได้หลับไปแล้ว

แน่นอนว่าหยางโปรู้ว่าอวี่เหวินเพิ่งคุยกับเขาแล้วเขาจะหลับไปได้ยังไง ? ในเมื่อเขาไม่ได้หลับ

งั้นไม่ต้องพูดก็เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการหลีกเลี่ยงที่จะเจอหยวนต๋า !

 

หยวนต๋ามองไปที่อวี่เหวินอย่างพินิจพิจารณาและเห็นว่าเขาหลับอยู่ เขาจึงพยักหน้าไปทางหยางโป

” ผมออกไปก่อนก็แล้วกัน “

 

หลังจากนั้นไม่นาน อวี่เหวินก็ค่อยๆตื่นขึ้นมา อวี่เหวินเหลือบมองไปที่หยางโป และจากนั้นก็มองไปที่ซุปสมุนไพร สายตาของเขาจับจ้องไปที่ซุปสมุนไพร ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไร แต่ความหมายก็ชัดเจนว่าเขาไม่ไว้ใจซุปสมุนไพร ! หยางโปลังเลเล็กน้อย แต่เขาไม่สนใจวัตถุดิบล้ำค่าในซุปสมุนไพร เขาถือซุปสมุนไพรและเดินไปที่หน้าต่าง ตรงด้านล่างนั้นมีกระถางดอกไม้สองกระถาง

 

หยางโปหยิบเข็มเงินและใส่ลงไปในซุปก่อน เข็มเงินก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง หยางโปเกือบจะผ่อนคลาย

เขาเทซุปสมุนไพรเล็กน้อยลงไปในกระถางต้นไม้ !

“ ครึกๆ ”

 

ทันใดนั้นก็มีเสียงของการกัดกร่อนดังเข้ามาในหู ภายใต้การกัดกร่อนของซุปสมุนไพร ดอกไม้ในกระถางก็ดูเหมือนจะหดตัวลง ทันใดนั้นต้นไม้ทั้งกระถางก็ตายในทันที !

 

หยางโปจ้องไปที่กระถางด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ เขาแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหยวนต๋าจะทำเรื่องแบบนี้

อีกฝ่ายใส่ยาพิษที่มีพิษร้ายแรงลงไปในซุปสมุนไพรของอวี่เหวิน !

 

หยางโปอดไม่ได้ที่จะหันไปมองอวี่เหวิน และเห็นว่าเขาก็เหลือบมองมาเหมือนกัน

ในสถานการณ์แบบนี้ หยางโปไม่ได้สังเกตมาระยะหนึ่งแล้ว เห็นได้ชัดว่าถ้าหากเรื่องที่อวี่เหวินบอกเป็นความจริง  งั้นอีกฝ่ายก็น่าจะวางกับดักเรื่องหญ้าเปลวเพลิง เพียงแต่พวกเขาไม่ได้คิดถึงว่าอวี่เหวินจะกลับมาจริงๆ และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เกือบจะโดนฆ่า !

 

อวี่เหวินกวักมือเรียกหยางโป ” เอาเห็ดพันปีทั้งหมดมาให้ฉัน ! และช่วยรักษาฉันด้วย ! “

ก่อนหน้านี้หยางโปไม่ได้ให้เห็ดหลินจือพันปีแก่อีกฝ่าย ในตอนนี้ก็เหลือเพียงเล็กน้อย เขายื่นให้อวี่เหวิน

อวี่เหวินหยิบมันและใส่เข้าปากโดยตรง เขาหยิบซุปสมุนไพรขึ้นมาอีกครั้งและกลั้นใจดื่มมันลงไป

เขานั่งขัดสมาธิบนเตียงและเริ่มบำเพ็ญฌาน

 

หยางโปถึงกับผงะ เขาจ้องไปที่อวี่เหวิน และเห็นว่าเขาอยู่ในสภาพปกติ แต่เขาไม่ได้มีท่าทางที่ดูเหมือนถูกวางยาพิษ เป็นไปได้ยังไง ?

 

อวี่เหวินเริ่มบำเพ็ญฌาน คงไม่ดีถ้ารบกวนอีกฝ่าย ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่นั่งรอ

หยางโปมีคำถามมากมายที่เขาไม่เข้าใจ เขาคิดไม่ออกว่าใครกันที่คิดจะทำร้ายอวี่เหวิน ? หญ้าเปลวเพลิงที่เขากำลังหาอยู่ที่ไหน ? เมื่อกี้นี้เกิดอะไรขึ้นกับชามซุปสมุนไพร ?

 

ในเวลานี้ลัวย่าวหัวกำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นด้วยความกังวลเล็กน้อย เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นหยวนต๋านั่งอยู่ตรงข้าม เขาก็อดไม่ได้ที่จะถาม ” คุณหยวนรู้ไหมว่าทำไมอวี่เหวินถึงได้รับบาดเจ็บสาหัส ? “

 

หยวนต๋าส่ายหัว ” คุณอวี่เหวินบอกลาผมเมื่อไม่กี่วันก่อน ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปไหน ผมก็ไม่คิดมาก่อนว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ! “

ลัวย่าวหัวจ้องไปที่หยวนต๋า เมื่อเห็นว่าการแสดงออกทางสีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปมากนักเขาก็พยักหน้าเบาๆ