เจ้าปีศาจลั่วเฟิงหลับตาตลอด แต่มิได้หลบเลี่ยง มั่วชิงเฉินจึงแทงเข้าตรงๆ
มั่วชิงเฉินจับศรทองแหลมคมพร้อมโคจรพลังเต็มที่ ต้องการแทงเข้าไปให้ลึกที่สุด ทว่าพอเหลือบมองสีหน้าที่ซีดขาวของเจ้าปีศาจลั่วเฟิง ก็พลันชะงัก พูดเสียงสั่น “ตู้รั่ว…”
ศรทองแหลมคมในมือ อย่างไรก็แทงไม่ลง
พอเจ้าปีศาจลั่วเฟิงได้ยิน ขนตาก็สั่นไหว อย่างไรก็ยังไม่ลืมตาขึ้น
มั่วชิงเฉินยิ้มเศร้า “ตู้รั่ว เป็นเจ้าแน่ๆ ใช่ไหม”
ถ้าเป็นเจ้าปีศาจลั่วเฟิง เหตุใดถึงไม่หลบไม่หลีก เห็นชัดว่าจงใจแสร้งทำเป็นจะฆ่าตน จากนั้นก็พุ่งเข้าหาศรทองแหลมคมเอง
“ตู้รั่ว เจ้าตัวยุ่ง ศิษย์ไม่รักดี ลืมตาเดี๋ยวนี้!” มั่วชิงเฉินมือสั่นจนจะจับศรทองแหลมคมไม่ได้อยู่รอมร่อ
เป็นเพราะสวรรค์เห็นว่าที่ผ่านมา นางใช้ชีวิตราบรื่นเกินไป ถึงได้เล่นกลกับนางเช่นนี้หรือ
เจ้าปีศาจลั่วเฟิงฆ่าศิษย์พี่กับอวี้เฉิง ความแค้นของพวกเขา ทำไห้นางไม่มีทางอยู่ร่วมโลกกับมันได้ แต่ตู้รั่ว เป็นศิษย์ของนางนะ!
สองมือกุมมือที่สั่นเทาของมั่วชิงเฉิน เสียงสิ้นหวังของตู้รั่วดังขึ้น “อาจารย์ ศิษย์ไม่มีหน้ามาพบท่าน…”
ว่าพลางสองมือออกแรง ให้ศรทองแหลมคมที่มั่วชิงเฉินจับอยู่ แทงเข้าท้องน้อยตน
“ตู้รั่ว หยุดมือเดี๋ยวนี้!” มั่วชิงเฉินตะโกนเสียงดัง
ตู้รั่วมือสั่น หลับตาพูด “อาจารย์ สองมือนี้ ฆ่าลั่วหยางกับอวี้เฉิง เจินจวินสองท่าน ไม่ว่านายของมันเป็นใคร ล้วนไม่สมควรมีชีวิตอยู่อีก ศิษย์ก็อยากให้เขาตายไปเสีย!”
“เจ้าหุบปาก!” มั่วชิงเฉินกัดริมฝีปากอยู่อย่างนั้น ก่อนยิ้มเศร้า “ตู้รั่ว เจ้ากลับมาแล้วใช่ไหม เจ้าลืมตาบอกข้าหน่อยว่า เจ้ากลับมาแล้วใช่หรือไม่”
เนิ่นนาน ตู้รั่วจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น ความโศกเศร้าและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในแววตา ทำให้เขาไม่มีทางกลับไปเป็นหนุ่มน้อยเหมือนเดิมอีก
เขาจ้องมองมั่วชิงเฉินอย่างลึกซึ้ง แล้วยิ้ม “อาจารย์ ในใจท่านชัดเจนดี ร่างกายนี้อาจเป็นของข้า และอาจเป็นของเจ้าปีศาจ แต่ข้าในตอนนี้ไม่อาจครอบครองมันตลอดไป ดังนั้น โอกาสจะเสียไม่ได้ ฆ่าเขาเสีย!”
ว่าแล้วก็ออกแรงดึงมือของมั่วชิงเฉินเข้ามาทันที
มั่วชิงเฉินแทบจะอบรมสั่งสอนตู้รั่วด้วยตัวนางเองในทุกย่างก้าว ดูแลจนเติบใหญ่ เหตุใดจะไม่ชัดเจนในความคิดของเขา พริบตาที่สองมือของเขาออกแรง นางก็ดึงศรทองแหลมคมกลับ ความคมของศรทองแหลมคมกรีดโดนฝ่ามือนาง โลหิตสายหนึ่งสาดกระจาย
ตู้รั่วเจ็บแปลบหัวใจขณะมองโลหิตที่สาดออก “อาจารย์ เหตุใดถึงทำเช่นนี้!”
มั่วชิงเฉินหน้าซีดขาว จ้องมองตู้รั่วเขม็ง “ตู้รั่ว ข้าลำบากสั่งสอนเจ้าจนเติบใหญ่ ไม่ได้ต้องการให้เจ้ามา
ฆ่าตัวตาย!”
สีหน้าที่บอกไม่ถูกวาบขึ้นบนใบหน้าตู้รั่ว เขาเหลือบมองพื้น แล้วมองมั่วชิงเฉินพลางยิ้มบางๆ “อาจารย์ แล้วท่านเล่า ท่านก็ไม่คิดจะมีชีวิตอยู่ใช่หรือไม่ เช่นนั้นเหอกวงเจินจวิน อาจารย์ที่สั่งสอนท่านมาเล่า เขาควรจัดการกับตัวเองอย่างไรดี”
มั่วชิงเฉินได้ยินก็อึ้ง ร่างที่หลุบตาลง นั่งดื่มเพียงลำพังของกู้หลีพลันวาบขึ้นในความทรงจำ
คำสอนที่นับไม่ถ้วนนั่น ความผูกพันและความคิดถึงนับครั้งไม่ถ้วน ยังมีความคาดหวังที่บีบคั้นอีก นางควรเอาอะไรไปตอบแทน
ศิษย์ที่เลวที่สุดในปฐพี จริงๆ แล้วก็คือนาง!
ขณะที่ตู้รั่วพูดถึงกู้หลี มั่วชิงเฉินก็ใจลอย ตู้รั่วจึงลงมือรวดเร็วดุจสายฟ้าฟาด จับมือของมั่วชิงเฉิน แทงศรทองแหลมคมเข้าท้องตนเอง
รอจนมั่วชิงเฉินได้สติ ก็ทันแต่ขยับศรทองแหลมคมออกไปหน่อย แต่มันก็แทงเข้าไปลึกมากแล้ว
“ตู้รั่ว!”
โลหิตเป็นสายไหลลงจากมุมปาก ตู้รั่วยิ้ม “อาจารย์ ท่านอย่าโกรธไปเลยนะ ศิษย์…ศิษย์ทำลายความสุขของท่าน ตายไปไม่ใช่เรื่องน่าเสียดาย ตอนนี้ก็แค่สม…ปรารถนาแล้ว…”
พูดถึงตรงนี้ พ่นโลหิตออกมาคำหนึ่ง แล้วร่างก็ล้มไปด้านหลัง
แต่มั่วชิงเฉินพลันรับตู้รั่วไว้ ก่อนปล่อยพลังวิญญาณเข้าไปสำรวจ พบว่าศรทองแหลมคมไม่เพียงแทงทะลุท้องน้อย ยังคาอยู่บนจิตดั้งเดิมกลางตันเถียนอีก
จิตดั้งเดิมนั่นเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้าย ใบหน้าจึงเปลี่ยนไปเป็นระยะ บัดเดี๋ยวเป็นตู้รั่ว บัดเดี๋ยวเป็นเจ้าปีศาจลั่วเฟิง บัดเดี๋ยวเป็นครึ่งปีศาจหลิง
มั่วชิงเฉินยิ้มเศร้าๆ “ตู้รั่ว เหตุใดเจ้าถึงได้โหดร้ายกับตัวเองเช่นนี้!”
ถ้าไม่ใช่เพราะนางขยับศรทองแหลมคมออกไปหน่อย ก็จะแทงเข้ากลางจิตดั้งเดิมพอดี ไม่ว่าจะเป็นเจ้าปีศาจหรือตู้รั่ว ตอนนี้จิตวิญญาณคงแตกกระจายล่องลอยไปแล้ว!
จึงค่อยๆ ดึงศรทองแหลมคมออกอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็นำโอสถที่เตรียมไว้แต่แรกป้อนเข้าปากตู้รั่ว แล้วจึงนำยาวิญญาณห้ามเลือดลูบไปที่ปากแผล ดึงเถาวัลย์มัดวิญญาณออกมาพันแผลให้ จากนั้นก็ยกมือขึ้นเรียกอีกาไฟ
“นายท่าน…” อีกาไฟเอ่ยปาก พร้อมเสียงร้องไห้
มั่วชิงเฉินยิ้มให้มัน “อู๋เย่ว์ ตอนผ่านเคราะห์อัสนี ข้ากำชับเจ้าว่าอย่างไร เจ้าลืมแล้วหรือ”
อีกาไฟสั่นหัวอย่างแรง “ข้าไม่ลืม ท่านบอกว่าอย่าทำเรื่องไร้สาระแบบเมื่อก่อนอีก ต้องฟังคำของท่าน รอให้พวกเขาน้อยจำแลงกายเสร็จ ก็รีบพาพวกมันไป”
“ผู้ที่ชอบหาเรื่องอย่างเจ้า นับว่าทำให้ข้าวางใจได้ครั้งหนึ่ง แต่ตอนนี้สถานการณ์เกิดการเปลี่ยนแปลง…”
อีกาไฟเบิ่งตากลมเล็ก แล้วตะโกนอย่างยินดีปรีดา “นายท่าน เจ้าปีศาจตายแล้ว เราไปด้วยกันใช่ไหม”
มันเข้าใจ ก่อนหน้านี้ที่นายท่านให้มันพาพวกเขาน้อยไป เพราะคิดว่าต้องตายแน่ๆ
นี่ก็คือสาเหตุที่ว่า เหตุใดมันไม่บุ่มบ่ามแบบเมื่อก่อนอีก ถ้านายท่านตาย อย่างน้อยพวกมันยังอยู่ แค้นนี้ ช้าเร็วก็ต้องชำระ!
มันยิ่งไม่มีทางปล่อยให้พวกนายท่านตายอย่างไม่ชัดเจน ต้องนำความจริงกลับไปด้วย
พอเห็นแววตาของอีกาไฟเต็มไปด้วยความหวัง มั่วชิงเฉินก็ยื่นมือออกไปลูบหัวมัน
“อู๋เย่ว์ ตอนนี้เจ้าปีศาจยังไม่ตาย แต่บาดเจ็บสาหัส จิตดั้งเดิมเข้าสู่ภาวะหลับลึก ไม่มีทางตื่นขึ้นมาในช่วงระยะเวลาสั้นๆ อีกสักครู่ ข้าจะหาที่ทางแถวนี้ รักษาพวกลั่วหยางสักหน่อย เจ้าก็พาเจ้าปีศาจ ยังมีเขาน้อย หมาป่าน้อยที่จำแลงกายแล้ว อยู่คุ้มครองข้าพร้อมกัน”
“นายท่าน เหตุใดไม่ฆ่าเขา!” อีกาไฟจ้องมองเจ้าปีศาจอย่างโกรธแค้น
มั่วชิงเฉินยิ้มขมขื่น “เขาเป็นเจ้าปีศาจ และก็เป็นตู้รั่วด้วย”
นางจะทำอย่างไรได้ ขอเพียงมีโอกาสเพียงเสี้ยวหนึ่ง นางยินยอมใช้เถาวัลย์มัดวิญญาณอายุแสนปีมัดเขาไว้ตลอด ไม่อาจมองดูเขาตายไปต่อหน้าต่อตา
“อู๋เย่ว์ เจ้าจดจำไว้แล้วใช่ไหม” มั่วชิงเฉินจ้องมองอีกาไฟ
อีกาไฟพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก
อาจเป็นเพราะดื่มสุราชั้นเลิศในน้ำเต้าเข้าไป มั่วชิงเฉินในตอนนี้จึงเต็มไปด้วยพลัง โน้มตัวลงพยุงเยี่ยเทียนหยวนกับหลัวอวี้เฉิงขึ้น วางไว้บนไหมเกล็ดน้ำแข็ง แล้วกระตุ้นให้ไหมเกล็ดน้ำแข็งวนเวียนอยู่ในป่าเขา จนพบถ้ำที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง
อีกาไฟทำสัญลักษณ์ทิ้งไว้ให้พวกเขาน้อยสะดวกในการตามหา แล้วพาเจ้าปีศาจตามมาด้านหลัง พอไปถึงก็เฝ้าปากถ้ำไว้
มั่วชิงเฉินใช้กระบี่คมกริบตัดส่วนท้องของถ้ำให้กว้างขึ้น นำเตียงหยกหนึ่งเตียงมาวางไว้ จากนั้นก็จัดให้เยี่ยเทียนหยวนกับหลัวอวี้เฉิงนอนเคียงข้างกันบนเตียง
ทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ นางก็หยิบน้ำเต้าขึ้นมาดื่มสุราอึกแล้วอึกเล่า พอดื่มจนเพียงพอ ก็เช็ดปากตามอำเภอใจ แล้วจึงก้มลงจ้องมองคนทั้งสอง จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิ ค่อยๆ กระตุ้นพลังบริสุทธิ์ในร่าง
ร่างของมั่วชิงเฉินค่อยๆ ถูกแสงวิญญาณเจ็ดสีโอบล้อม ตลอดทั้งร่างลอยขึ้นช้าๆ
คำพูดที่หลัวอวี้เฉิงเคยพูดเมื่อนานมาแล้ว ก้องอยู่ข้างหู ‘สหายมั่ว เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่า อาจเป็นเวลาเนิ่นนานหลังจากนี้ ตอนที่อิทธิฤทธิ์คืนโฉมของเจ้าแข็งแกร่งในระดับหนึ่ง จะเกิดอะไรขึ้น’
‘ไม่แน่นะ เจ้าอาจทำให้คนชราคืนความเป็นเด็ก ตายแล้วฟื้นอย่างไรเล่า’
อวี้เฉิง เจ้าเฉลียวฉลาดเรื่อยมา คาดเดาได้แม่นยำดุจเทพเจ้า ครั้งนี้ เจ้าต้องพูดไม่ผิดแน่ ใช่ไหม
มั่วชิงเฉินยกมุมปากขึ้น ริมฝีปากแย้มยิ้มบางๆ จากนั้นสองมือก็เคลื่อนไหวเร็วขึ้น
ฝ่ามือซ้ายขวาปล่อยแสงวิญญาณสายหนึ่งออกมา บิดรวมกัน ค่อยๆ กลายเป็นภาพมายาของมือขนาดใหญ่ ลอยอยู่ด้านบนของเยี่ยเทียนหยวนและหลัวอวี้เฉิง
มือใหญ่ค่อยๆ ยกขึ้น คล้ายกำลังประคองพิณหนึ่งคันที่มองไม่เห็น แสงวิญญาณเจ็ดสีทยอยตกลงมาดุจดอกไม้ไฟ เข้าสู่ร่างของคนทั้งสอง
ผิวของคนทั้งสองภายใต้การแทรกซึมของแสงวิญญาณ ดูเปล่งปลั่งและเงางามราวกับหยกขาว สีเขียวอ่อนค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีขาวหยกที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ทว่ายังคงหาสัญญาณชีพไม่พบ
มั่วชิงเฉินพลันลืมตา จ้องมองคนทั้งสองอย่างลึกซึ้ง เสียงถอนหายใจเบาๆ ดังก้องอยู่ในถ้ำ
ไม่ได้จริงๆ หรือ
ไม่สิ อิทธิฤทธิ์คืนโฉม ในเมื่อสามารถทำให้วัตถุทุกชนิดคืนสภาพดังเดิมได้ เช่นนั้นก็ต้องทำให้พวกเขาฟื้นคืนจากความตายได้!
เช่นนั้น หรือเพราะระดับบำเพ็ญเพียรไม่เพียงพอ
คิดถึงตรงนี้ มั่วชิงเฉินก็หยุด ก้มหน้ามองมือตัวเอง แล้วมองคนทั้งสองที่ไร้ซึ่งพลังชีพ จากนั้นก็ตัดสินใจในทันที
ยกมือขึ้น เคลื่อนมาตรงทรวงอก ยิงแสงวิญญาณหนึ่งสายออกจากนิ้ว ตรงเข้าสู่กลางทรวงอกตนเอง
เกิดความเจ็บปวด แต่มั่วชิงเฉินคลับคล้ายไม่รู้สึกใดๆ ขนาดคิ้วก็ไม่ขมวดแม้แต่น้อย
นิ้วเคลื่อนออกช้าๆ เส้นโลหิตอันน่าตื่นตระหนกเส้นหนึ่งถูกดึงออกจากทรวงอก จากนั้นก็ไม่ลังเลใจแต่อย่างใด ดีดใส่มือใหญ่ที่หมุนอยู่กลางอากาศ
ปลายข้างหนึ่งของเส้นโลหิตเชื่อมต่อกับทรวงอกของมั่วชิงเฉิน ปลายอีกข้างหนึ่งเชื่อมต่อกับกลางฝ่ามือใหญ่ เส้นชีพจรลอยขึ้นในนิ้วทั้งห้าของมือใหญ่ และมีชีวิตขึ้นมาทันที แสงวิญญาณเจ็ดสีก็ยิ่งตกลงอย่างรวดเร็ว
หนึ่งวัน สองวัน สามวัน
ขณะมองดูคนทั้งสองบนเตียงหยก มั่วชิงเฉินที่มีสีหน้าซีดขาวก็พึมพำ “ยังขาดอีกนิดเดียว ยังขาดอีกนิดเดียว ข้าต้องใช้อะไรถึงจะดี…”
มองเข้าไปในร่างตน กวาดตาไปยังกึ่งกลางตันเถียน พอเห็นเปลวไฟสีน้ำเงินอ่อน แววตาก็ทอประกาย “จริงสิ ไฟชีวิต!”
ไฟจริงของผู้บำเพ็ญเพียรถูกจุดขึ้นในระดับหลอมลมปราณ และไม่มีวันดับนอกจากเสียชีวิต นั่นเป็นเพราะสิ่งที่สนับสนุนมันคือไฟชีวิต
ไฟชีวิตแม้ต่างกับเลือดหัวใจ แต่มีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมเหมือนกัน ล้วนเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับผู้บำเพ็ญเพียร ถ้าให้เปรียบเทียบกันจริงๆ ขึ้นมา ก็มีค่ามากกว่าอยู่บ้าง
ถ้าเสียเลือดหัวใจไป สิ่งที่สูญเสียก็คือปราณดั้งเดิมและแก่นปราณ แต่ถ้าสูญเสียไฟชีวิต สิ่งที่ถูกกลืนกินก็คือ ศักยภาพของชีวิต!
พอคิดได้ มั่วชิงเฉินก็รีบโคจรพลังบริสุทธิ์ในร่าง ให้กลายรูปเป็นกริชหลิงหลง เคลื่อนไปยังตำแหน่งไฟชีวิต ซึ่งตามสัญชาตญาณแล้ว ไฟชีวิตจะถอยไปซ่อนตัวอยู่ด้านหลัง
มั่วชิงเฉินตั้งสมาธิ พริบตาเดียวก็เข้าสู่สภาพจิตใจที่ปราศจากสิ่งรบกวน คล้ายผู้ยืนดูอยู่ด้านข้าง มองดู
กริชหลิงหลงขุดไฟชีวิต จากนั้นนางก็อ้าปาก พ่นลูกปัดไฟเม็ดเล็กๆ ออกมา ให้จมเข้าไปในภาพมายามือใหญ่ทันที
แสงสว่างเจ็ดสีที่มือใหญ่ระเบิดออก ไม่เพียงภายในถ้ำสว่างไสวดุจตอนกลางวัน ภูเขาทั้งลูกล้วนปกคลุมไปด้วยแสงวิญญาณเจ็ดสี
ลมหายใจอันเคร่งขรึมและศักดิ์สิทธิ์เปล่งรัศมีออกจากมือใหญ่ มันยังคงกะพริบช้าๆ อย่างเป็นจังหวะ คล้ายกำลังดีดพิณอยู่
ครั้งนี้มีท่วงทำนองเซียนหลั่งไหลออกมาจริงๆ
ท่วงทำนองเซียนเนิบนาบ มีบ้างไม่มีบ้าง ทำนองสูงต่ำเจ็ดสีกลั่นตัวเป็นสสาร ทยอยเข้าสู่ร่างของเยี่ยเทียนหยวนกับหลัวอวี้เฉิง
ขั้นตอนนี้ดำเนินติดต่อกันไม่รู้นานเท่าใด ใบหน้าของเยี่ยเทียนหยวนกับหลัวอวี้เฉิงค่อยๆ มีเลือดฝาด
มั่วชิงเฉินจ้องมองพวกเขา แล้วยิ้มอย่างพอใจ จากนั้นก็ล้มลงกับพื้น
ผมดำสลวยเต็มศีรษะของนาง กลายเป็นสีขาวบริสุทธิ์ราวหิมะ ไม่มีสีอื่นใดเจือปนแม้แต่น้อย