บทที่ 1295 งานประชุมการค้า

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1295 งานประชุมการค้า

แปลโดย iPAT

“เป็นเช่นนั้น!” เมื่อได้ยินคำอธิบายของฮวาตี้ การแสดงออกของเฟิงเจียงจึงเปลี่ยนแปลงไป

แน่นอนว่าชูอิงผู้นี้ก็คือฟางหยวนที่ปลอมตัวมา

หลังจากเก็บมิติช่องว่าง เขาพบร่องรอยของการต่อสู้ระหว่างผู้อมตะ

ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาติดตามร่องรอยดังกล่าวมาเพื่อดูว่าเขาจะสามารถฉกฉวยผลประโยชน์ใดได้บ้าง ท้ายที่สุดเขาก็พบผู้อมตะฮวาตี้กับอีกคนกำลังถูกศัตรูไล่ล่า

และผู้ที่ไล่ล่าพวกเขาคือผีดิบอมตะระดับเจ็ด ณ จุดนี้ ตัวตนเช่นนี้กลายเป็นอ่อนแอต่อหน้าฟางหยวนไปแล้ว

ฟางหยวนเคยช่วยผู้อมตะฮวาตี้มาก่อน นั่นเป็นเพราะเขาต้องการสร้างสายสัมพันธ์กับผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเมี่ยวหมิงเฉินที่อยู่เบื้องหลังผู้อมตะฮวาตี้

คนผู้นี้มีวิธีเข้าไปสำรวจปลาวาฬมังกรฟ้า

ปลาวาฬมังกรฟ้าเป็นสัตว์อสูรของเทพอมตะสวรรค์พิภพ มันถูกปลุกมิติช่องว่างและมีคลังสมบัติขนาดใหญ่เก็บไว้ภายใน

มันเหมือนพังพอนหางสุนัขของเทพอมตะตะวันเดือด

แต่สติปัญญาของปลาวาฬมังกรฟ้าไม่ได้รับการพัฒนา นั่นทำให้มันทำได้เพียงว่ายน้ำไปอย่างอิสระในทะเลตะวันออกตามสัญชาตญาณของมันเท่านั้น

นอกจากนี้เทพอมตะสวรรค์พิภพยังจัดตั้งค่ายกลวิญญาณไว้บนร่างของมัน นี่ทำให้มันปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ

ปลาวาฬมังกรฟ้ามีนิสัยอ่อนโยนและไม่มีอันตราย แต่พลังป้องกันของมันทำให้ผู้คนที่ต้องการทำร้ายมันไม่สามารถทำสิ่งใด

ตามข่าวลือที่เป็นความลับจากชีวิตแรกของฟางหยวน เทพอมตะสวรรค์พิภพทิ้งมรดกที่แท้จริงไว้ในร่างของปลาวาฬมังกรฟ้าตัวนี้

ฟางหยวนจำได้ว่าเมี่ยวหมิงเฉินเคยสำรวจปลาวาฬมังกรฟ้าหลายครั้ง อย่างไรก็ตามแม้เขาจะได้กำไรบางอย่าง เขาก็ยังไม่ได้รับมรดกที่แท้จริงตั้งแต่ต้นจนจบ

เป็นธรรมดาที่ฟางหยวนจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ดังนั้นเมื่อเห็นผู้อมตะฮวาตี้ถูกไล่ล่า เขาก็ตระหนักว่านี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก เขาสามารถฉวยโอกาสนี้เพื่อแสดงความปรารถนาดีต่อเมี่ยวหมิงเฉินได้อีกครั้ง

ดังนั้นเขาจึงปรากฏตัวขึ้นและขับไล่เก้อเหวินไป

เขาไม่ได้แปลงร่างเป็นมังกรดาบบรรพกาล

เพราะร่างมังกรดาบบรรพกาลไม่สามารถเปิดเผยได้ในช่วงเวลานี้

เนื่องจากหลิวกวนซื่อใช้มันสังหารเย่หลิวชุนซิงที่ภาคเหนือ

ตอนนี้หลิวกวนซื่อกลายเป็นเจ้าของแม่น้ำหวนคืนที่สามารถต่อต้านผู้อมตะระดับแปด ชื่อเสียงของเขาโด่งดังไปทั่วโลก ผู้อมตะเกือบทุกคนรู้จักเขา

ผู้คนนับไม่ถ้วนสนใจหลิวกวนซื่อและพยายามอนุมานเกี่ยวกับเขา

ความจริงที่ว่าหลิวกวนซื่อใช้ร่างมังกรดาบบรรพกาลเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้ดี หากฟางหยวนใช้มัน ผู้อมตะคนอื่นๆจะสามารถเชื่อมโยงเขากับหลิวกวนซื่อ

นี่คือภาระของชื่อเสียง

อย่างไรก็ตามแม้ฟางหยวนจะไม่สามารถเปลี่ยนเป็นมังกรดาบบรรพกาล เขาก็ยังสามารถเปลี่ยนเป็นมังกรทะเลสีน้ำเงิน สัตว์อสูรที่เป็นเอกลักษณ์ของทะเลตะวันออก

มันเป็นสัตว์อสูรบรรพกาลเช่นกัน แต่พลังของมันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับมังกรดาบบรรพกาล

อย่างไรก็ตามวิญญาณอมตะลมหายใจมังกรของฟางหยวนยังสามารถใช้งานได้

สิ่งที่ต้องกล่าวถึงก็คือเหตุผลที่ลมหายใจมังกรทะเลสีน้ำเงินสามารถเอาชนะผีดิบอมตะบนเส้นทางแห่งสายฟ้าเก้อเหวินเป็นเพราะฟางหยวนใช้วิญญาณความพยายามพร้อมกัน

วิญญาณความพยายามเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด หลังจากได้รับมันมา ฟางหยวนทำความเข้าใจและเรียนรู้ความสามารถบางอย่างของมันมาแล้ว

นอกเหนือจากการพิชิตแม่น้ำหวนคืน วิญญาณความพยายามยังทำให้วิญญาณดวงอื่นๆทำงานได้ยาวนานมากขึ้น

ตัวอย่างเช่นลมหายใจมังกรทะเลสีน้ำเงิน

หากฟางหยวนใช้เพียงวิญญาณอมตะลมหายใจมังกร มันอาจไม่สามารถทำลายเสาสายฟ้าของเก้อเหวิน

แต่เมื่อใช้มันร่วมกับวิญญาณความพยายาม พลังอำนาจของลมหายใจมังกรงจึงก้าวเข้าสู่ระดับใหม่

แน่นอนว่าฟางหยวนไม่สามารถรักษาลมหายใจมังกรเอาไว้ได้นานเกินไป เพราะมันจะสร้างภาระให้กับลำคอของเขา

โชคดีที่เก้อเหวินล่าถอยอย่างรวดเร็วหลังจากตระหนักถึงความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้

“สหายท่านนี้คือ?” ฟางหยวนมองเฟิงเจียน

“ข้าเป็นหนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาของนายท่านเมี่ยวหมิงเฉิน เฟิงเจียง ท่านชู ท่านช่วยชีวิตข้า ข้าสงสัยว่าข้าจะสามารถตอบแทนท่านได้อย่างไร?” เฟิงเจียงแนะนำตัวทันที

“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ ข้าเพียงบังเอิญผ่านมาทางนี้เท่านั้น แม้ข้าจะเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ แต่ข้าไม่สามารถอดทนต่อการกระทำอันชั่วช้าของปีศาจเหล่านี้ โดยเฉพาะเมื่อเทพธิดาฮวาตี้เป็นคนที่ข้ารู้จัก ดังนั้นข้าจึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่ช่วย” ฟางหยวนถ่อมตน

ได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ ผู้อมตะฮวาตี้และเฟิงเจียงรู้สึกประทับใจฟางหยวนมากขึ้น

ผู้อมตะทั้งสามพูดคุยกันครู่หนึ่งก่อนที่ผู้อมตะฮวาตี้จะถอนหายใจกล่าว “น่าเสียดาย มีผงวัฎจักรปีอยู่มากมาย ตอนนี้พวกมันคงอยู่ในมือของเก้อเหวินแล้ว ความพยายามของเราไร้ผล เราควรสร้างค่ายกลวิญญาณให้มากกว่านี้”

เฟิงเจียงปลอบใจ “เสี่ยวตี้ อย่าโทษตัวเอง ทะเลตะวันออกกว้างใหญ่มาก เก้อเหวินพบค่ายกลวิญญาณนี้โดยบังเอิญขณะที่พวกเราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกลวิญญาณ เราทำดีที่สุดแล้ว หากต้องการซ่อนพวกมันให้ลึกกว่านี้ พวกเราต้องมีวิญญาณอมตะ”

ฟางหยวนยิ้ม “แม้จะสูญเสียผงวัฏจักรปีแต่สามารถรักษาชีวิต ตราบเท่าที่ยังมีชีวิตก็ยังมีความหวัง อย่าท้อแท้ มีได้ย่อมมีเสีย นี่แหล่ะชีวิต ผู้ใดจะสามารถได้รับชัยชนะหรือพ่ายแพ้ตลอดไป”

เฟิงเจียงหัวเราะ “ท่านชูกล่าวได้ลึกซึ้งนัก นั่นเป็นเรื่องจริง”

คิ้วของผู้อมตะฮวาตี้คลายออกเล็กน้อย “ข้าเข้าใจเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามตอนนี้นายท่านเมี่ยวหมิงเฉินกำลังจะเข้าร่วมงานประชุมการค้า หนึ่งในสหายของท่านต้องการสิ่งนี้ ท่านเมี่ยวหมิงเฉินรับปากคนผู้นั้นไปแล้ว ตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก่อนจะถึงวันนัดหมาย แต่ผงวัฏจักรปีกลับถูกชิงไป แล้วเราควรทำอย่างไร?”

เมื่อได้ยินเรื่องนี้ การแสดงออกของเฟิงเจียงกลายเป็นมืดมน “ถูกต้อง หากเรากลับไปมือเปล่า แม้ท่านเมี่ยวหมิงเฉินจะไม่ตำหนิพวกเรา แต่พวกเราก็ยังมีความผิด พวกเราทำงานล้มเหลว สิ่งสำคัญที่สุดคือเราจะทำให้ท่านสูญเสียชื่อเสียง นี่เป็นความผิดของพวกเรา!”

“งานประชุมการค้า?” ฟางหยวนถูกล่อลวง

ก่อนหน้านี้เขากำลังคิดที่จะแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะแต่ยังไม่มีโอกาสที่เหมาะสม

ในความเป็นจริงเขาเคยคิดถึงงานประชุมการค้าของทะเลตะวันออกมาก่อนแต่ยังไม่พบหนทางเข้าร่วม

ทะเลตะวันออกมีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในห้าภูมิภาค กระทั่งภาคกลางก็ไม่สามารถเปรียบเทียบ

ผู้อมตะของทะเลตะวันออกร่ำรวยกว่าผู้อมตะของภูมิภาคอื่นๆอย่างมาก

สิ่งนี้ส่งผลให้งานประชุมการค้าของทะเลตะวันออกมีชื่อเสียงมาก สินค้าที่ใช้ซื้อขายแลกเปลี่ยนล้วนเป็นสินค้าระดับสูง

แน่นอนว่ามันไม่ได้หมายความว่าภูมิภาคอื่นไม่มีงานประชุมการค้าลักษณะนี้ แต่มันมีน้อยเกินไปและฟางหยวนไม่สามารถเข้าร่วม

มีเพียงงานประชุมการค้าของทะเลตะวันออกเท่านั้นที่ฟางหยวนมีโอกาส

“ข้ามีวิญญาณอมตะที่ต้องการแลกเปลี่ยน เป็นไปได้หรือไม่ที่ข้าจะเข้าร่วมในงานประชุมการค้าครั้งนี้?” ฟางหยวนไม่ปิดบังความตั้งใจของเขาและถามออกมาโดยตรง

ผู้อมตะฮวาตี้และเฟิงเจียงมองหน้ากันก่อนกล่าว “งานประชุมการค้าครั้งนี้มีระดับสูงมาก เราไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมและเราไม่มีสิทธิ์ที่จะแนะนำผู้อื่น แต่ท่านชูอิงต่างออกไป ท่านมีบุญคุณต่อพวกเรา ท่านสามารถตามพวกเราไปพบนายท่านเมี่ยวหมิงเฉินและดูว่านายท่านจะคิดเห็นอย่างไร”

“ตกลง” ฟางหยวนพยักหน้า “เช่นนั้นเราไปกันเลยได้หรือไม่?”

เขารีบร้อนมาก

เพราะเขามีเวลาจำกัด

พลังอำนาจของวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดกำลังลดลงเรื่อยๆ

ผู้อมตะฮวาตี้และเฟิงเจียงลังเลเล็กน้อย ภารกิจของพวกเขาล้มเหลว พวกเขาต้องการให้ฟางหยวนช่วยนำผงวัฏจักรปีกลับคืน แต่พวกเขาไม่สามารถเอ่ยปาก

ในความเป็นจริงฟางหยวนรู้ความตั้งใจของพวกเขา แต่ระหว่างการสนทนา เขาเริ่มกล่าวถึงหัวข้อนี้และไม่เปิดโอกาสให้ทั้งสองขอความช่วยเหลือ

แม้ฟางหยวนจะสามารถรับมือผู้อมตะระดับแปด แต่ไม่ว่าจะเป็นร่างมังกรดาบบรรพกาลหรือเกราะหวนคืน เขาไม่สามารถใช้พวกมันออกมาได้โดยง่าย

หากร่องรอยรั่วไหลออกไป ตัวตนของเขาจะถูกอนุมาน

ผู้อมตะฮวาตี้และเฟิงเจียงไม่มีทางเลือก พวกเขาทำได้เพียงพาฟางหยวนออกไปจากที่นี่เท่านั้น

พวกเขาไม่กล้าเอ่ยปากขอร้องจริงๆ

ฟางหยวนช่วยชีวิตพวกเขา แล้วพวกเขาจะขอให้ผู้มีพระคุณไปต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งได้อย่างไร ใบหน้าของพวกเขาไม่หนาพอที่จะนำเรื่องเช่นนี้

ดังนั้นผู้อมตะทั้งสามจึงออกเดินทางโดยไม่หยุดพัก

ระหว่างทางพวกเขาพูดคุยกันอีกมากมาย

ผู้อมตะฮวาตี้เคยพบฟางหยวนมาแล้วสองครั้งและมีความประทับใจที่ดีต่อเขา แต่นางยังไม่รู้ภูมิหลังของชูอิงผู้นี้มากนัก

ฟางหยวนเข้าใจว่านางต้องการตรวจสอบเขา ด้วยเหตุนี้เขาจึงกล่าวถึงต้นกำเนิดของตนเองด้วยความจริงเพียงครึ่งหนึ่ง

ช่วงห้าร้อยปีในชีวิตแรกของฟางหยวน เขาเคยอยู่ในทะเลตะวันออก ดังนั้นคำกล่าวของเขาจึงไม่ใช่เรื่องโกหก โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายละเอียดและประสบการณ์เล็กๆน้อยๆที่เขามี พวกมันเป็นเรื่องจริง

เมื่อถึงเวลาที่พวกเขาได้พบเมี่ยวหมิงเฉิน ผู้อมตะฮวาตี้และเฟิงเจียงจึงมีทัศนคติที่ดีต่อชูอิงเป็นอย่างมาก

แต่พวกเขาไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วคนผู้นี้คือปีศาจที่แท้จริง หากเปรียบเทียบ ผีดิบอมตะเก้อเหวินที่ขโมยผงวัฏจักรรปีของพวกเขายังไม่ถือเป็นสิ่งใด

เพราะเมื่อไม่นานมานี้ฟางหยวนขโมยแม้แต่แม่น้ำหวนคืนมาจากผู้อมตะระดับแปดปีศาจอมตะเซี่ยหู!