ตอนที่ 247 พวกเรามีอะไรน่าคุย

กับดักรักในรอยแค้น

เพียงไม่นานความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็ดีเหมือนเดิม สองคนนัดกันไปกินข้าวด้วยกัน

 

 

           หลังจากทั้งสองคนกินข้าวเสร็จและไปช้อปปิ้งสักพักแล้ว ก็ต่างคนต่างกลับบ้าน

 

 

           ตอนนี้พิธีแต่งงานของเผยหนานเจวี๋ยกับฉู่อีอีผ่านไปหลายวันแล้ว ช่วงเวลานี้ฉู่อีอีอยู่ในบ้านตลอดเวลา ไม่ได้ไปที่ไหนเลย เธอกลัวว่าฉู่เจียเสวียนจะเปิดโปงเรื่องที่เธอจ้างคนไปรังแกเธอจริงๆ

 

 

           หลังจากครุ่นคิดแล้ว ฉู่อีอีก็ยังรู้สึกอยากนัดฉู่เจียเสวียนออกมาคุย จากนั้นค่อยให้คนจัดการเธอซะ การปล่อยให้ฉู่เจียเสวียนอยู่บนโลกนี้เพิ่มขึ้นหนึ่งวัน ใจคอก็ไม่สงบไปอีกหนึ่งวัน

 

 

           ตัดสินใจแล้ว ฉู่อีอีก็เริ่มลงมือ หลังจากหยิบโทรศัพท์มือถือและโทรไปสั่งการไม่กี่คำแล้ว จากนั้นก็กดโทรหาฉู่เจียเสวียน

 

 

           ในขณะนี้ฉู่เจียเสวียนกำลังยืนอยู่ที่ระเบียง ถือแก้วทรงสูงอยู่ในมือ ดวงตาเหม่อมองไปยังที่ไกลๆ

 

 

           นึกถึงเรื่องที่ฉู่อีอีส่งคนมาจัดการเธอก่อนหน้านี้ ความเยือกเย็นก็ปรากฏอยู่ในดวงตาเธอ แม้จะผ่านไปแล้วหลายวัน แต่ว่าในใจของเธอยังคงโมโหมาก

 

 

           เวลาที่ผู้หญิงบ้าคลั่งมันช่างน่ากลัวจริงๆ

 

 

           ระหว่างที่กำลังเหม่อลอย โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะดังขึ้น หันหลังเข้าห้องไป เมื่อเห็นชื่อของ “ฉู่อีอี” แสดงบนหน้าจอแล้ว ริมฝีปากแดงยกยิ้ม มือที่ซีดขาวกดปุ่มรับสายอย่างเชื่องช้า

 

 

           “ฮัลโหล”

 

 

           “ฮัลโหล พี่สาว คืนวันพรุ่งนี้พวกเรามาเจอกันหน่อยเถอะ”

 

 

           “เจอกัน? ระหว่างพวกเรามีอะไรน่าคุย”

 

 

           “พี่คะ คืนพรุ่งนี้หกโมง พวกเราเจอกันที่โรงแรมซื่อจี้ กินข้าวกัน”

 

 

           พูดจบ ไม่รอให้ฉู่เจียเสวียนปฏิเสธ วางหูทันที มือที่กำโทรศัพท์มือถือไว้ขาวซีด สีหน้าของฉู่เจียเสวียนกลายเป็นความมืดมนยากจะคาดเดา

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยที่เพิ่งอาบน้ำออกมาเห็นสีหน้าของฉู่อีอี สงสัยในใจ “อีอี คุณเป็นอะไรไป ไม่สบายหรือเปล่า”

 

 

           ดึงสติกลับมา ฉู่อีอีส่ายหัว ริมฝีปากแดงยิ้มเล็กน้อย “ไม่มีอะไรหนานเจวี๋ย”

 

 

           เสียงที่นุ่มนวลดังขึ้น ความมืดครึ้มบนใบหน้าตอนนี้หายไปแล้ว กลายเป็นท่าทางอ่อนหวานน่ารัก

 

 

           ฉู่อีอีเดินไปที่ด้านหน้าของเผยหนานเจวี๋ย ยื่นริมฝีปากแดงสดใสเข้าไป

 

 

           แต่เผยหนานเจวี๋ยกลับหลบเลี่ยงโดยไร้ร่องรอยแล้ว

 

 

           ริมฝีปากสัมผัสผ่านใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา

 

 

           “เป็นอะไรไปหนานเจวี๋ย” ฉู่อีอียิ้มอย่างอึดอัด

 

 

           “เปล่า เหนื่อยนิดหน่อย นอนเถอะ” เสียงเผยหนานเจวี๋ยล้ำลึก

 

 

           “อ่อ” ฉู่อีอีซ่อนเร้นท่าทีที่แปลกไปของตัวเอง

 

 

           ทั้งสองคนเข้านอนตามๆ กัน แต่ต่างคนต่างมีเรื่องในใจ

 

 

           วันรุ่งขึ้นที่โรงแรมซื่อจี้

 

 

           ในขณะนี้ฉู่เจียเสวียนยืนอยู่ด้านนอก เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองไปยังป้ายที่สว่างสดใส ริมฝีปากแดงยกยิ้ม เส้นผมพัดปลิวไปตามสายลม ก้าวเท้าเดินเข้าไปข้างใน

 

 

           ฉู่อีอีรออยู่ที่นั่นนานแล้ว ตั้งแต่คราวก่อนที่เธอวางยาในโรงแรมนี้ เธอก็ไม่ได้นัดเจอเธออีกเลย เรื่องในคราวก่อนเธออับอายขายหน้าเป็นที่สุด เธอจะไม่ตกหลุมพรางเดียวกันเป็นครั้งที่สอง ยิ่งไม่โง่ถึงขนาดวางยาอีกรอบ

 

 

           “คุณฉู่นั่งตรงไหนคะ” พอเข้าไป ฉู่เจียเสวียนเอ่ยปากถามพนักงานบริการทันที ตาโตสดใสกำลังสอดส่ายหาอยู่ในห้องโถง

 

 

           โรงแรมซื่อจี้คือโรงแรมชั้นหนึ่งของเมือง แขกทุกคนที่มาที่นี่ต่างต้องจองลั่วหน้า ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีที่นั่งแน่นอน

 

 

           “คุณหนูเชิญตามผมมาครับ” พนักงานบริการนำทางฉู่เจียเสวียนมาถึงโต๊ะของฉู่อีอี

 

 

           เงยหน้าขึ้น ตาของทั้งคู่สบกัน คู่หนึ่งสดใสระคนความเย็นชา อีกคู่เจือปนความอ่อนแอ

 

 

           ละสายตา ไม่รอให้ฉู่อีอีเอ่ยปาก ฉู่เจียเสวียนนั่งลงอย่างสง่างามทันที สองขาไขว่ห้าง นั่งลงตรงข้าม

 

 

ฉู่อีอี

 

 

           ดวงตาโตสดใสที่มองฉู่อีอีนั้นเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม ราวกับกำลังถามฉู่อีอีอยู่เงียบๆ ว่า “เธออยากคุยอะไรกับฉัน”

 

 

           เห็นกลิ่นอายน่าเกรงขามและบุคลิกโดดเด่นของฉู่เจียเสวียนแล้ว ในใจฉู่อีอีโมโหจนแทบทนไม่ไหว

 

 

           ตอนนี้เธอกลายเป็นตัวตลกของเมือง ทำร้ายเธอจนไม่กล้าไปถ่ายหนังจนกระทั่งถึงตอนนี้