บทที่ 1606+1607

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1606 คนที่ผ่านทางมา 1

บนหลังคารถม้ามีกระดิ่งแก้วผลึกสีอ่อนห้อยอยู่ไม่กี่อัน ตัวรถตกแต่งอย่างสง่างามและสะอาดสะอ้าน ในความหรูหราแฝงบรรยากาศลึกลับเอาไว้

เพรียกวายุของกู้ซีจิ่วเบิกตากว้าง ร้องอย่างลิงโลดคราหนึ่งแล้ววิ่งเข้าไป!

เพรียกวายุตัวนี้ยามนี้เป็นสัตว์ขั้นแปดแล้ว และเป็นสีขาวปลอดทั้งตัว รอบกายมีแสงสีเงินโอบล้อม มันวิ่งไปอยู่ด้านหน้ารถม้าคันนั้น ร่ายเวทวิชาให้รถคันนั้นมาติดตั้งอยู่บนหลังของมันด้วยตัวเอง รถคันนี้ราวกับสร้างขึ้นเพื่อมันโดยเฉพาะ

รถสีเงินสัตว์สีเงิน ขับเน้นซึ่งกันและกัน ฝูงชนที่มุงดูอยู่เปล่งเสียงชื่นชมอย่างพร้อมเพรียง

เทียนจี้เยวี่ยยิ้มนิดๆ “ซีจิ่ว เจ้าเข้าไปดูสิ ลองดูว่าพอใจหรือไม่?”

กู้ซีจิ่วย่อมไม่ปฏิเสธ เอ่ยขอบคุณสองสามประโยคแล้วเข้าไป

ภายในห้องโดยสารยิ่งประณีตขึ้นไปอีก ภายในห้องโดยสารไม่หรูหรา ทว่าใช้งานได้จริงยิ่งนัก

เมื่อคนอยู่ด้านในสามารถนั่งได้นอนได้ เข้าฌานฝึกฝนได้ และสามารถอ่านหนังสือคัดอักษรได้ ตัวรถไม่นับว่าใหญ่โตนัก แต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นพรมนุ่มๆ ที่ปูไว้ใต้เท้าหรือว่าตั่งเอนหลังตัวเล็กๆ ล้วนสร้างสรรค์บรรจง เน้นความสะดวกสบายเป็นหลักทั้งสิ้น ยามที่กู้ซีจิ่วนั่งอยู่ในรถคันนี้ ถึงขั้นที่รู้สึกหลอนเสมือนได้กลับไปที่เรือนนอน จิตใจที่ค่อนข้างกระสับกระส่ายอยู่ตลอดก็สงบลงด้วยเช่นกัน

ระยะนี้มีคนมอบของขวัญให้ไม่น้อยเลย ที่มอบของขวัญล้ำค่าให้ก็มีมากมายเช่นกัน บางคนเพื่อแสดงถึงความจริงใจ ของขวัญที่มอบให้ถึงขั้นที่เป็นสิ่งหายากบนโลกด้วยซ้ำ แต่ของขวัญที่มอบให้ด้วยความใส่ใจเช่นนี้ เทียนจี้เยวี่ยนับเป็นคนแรกเลย ของขวัญชิ้นนี้เมื่อเทียบกับของขวัญอื่นๆ แล้วอาจไม่ล้ำค่าไปกว่ากันนัก แต่กลับเป็นของขวัญที่กู้ซีจิ่วชอบที่สุด ส่งตรงไปถึงหัวใจของเธอ!

เธอชอบรถคันนี้!

เธอกระโดดลงมาจากรถ เอ่ยขอบคุณเทียนจี้เยวี่ยอีกครั้ง แสดงความชื่นชอบที่มีต่อรถคันนี้

เทียนจี้เยวี่ยถอนหายใจอย่างโล่งอก “เจ้าชอบก็ดีแล้ว”

เทียนจี้เยวี่ยไม่เพียงแต่เป็นทูตสวรรค์เท่านั้น ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญในการประดิษฐ์ของเล่นที่มหัศจรรย์บรรจงอีกด้วย เห็นทีว่าที่เขากักตนในช่วงหลายวันมานี้ก็เพื่อสร้างสิ่งนี้กระมัง

ในใจของกู้ซีจิ่วค่อนข้างซาบซึ้งยิ่งนัก

ถึงแม้หลายปีมานี้เธอกับเทียนจี้เยวี่ยผู้นี้จะไม่ได้ติดต่อกันมากนัก แต่เทียนจี้เยวี่ยก็ห่วงใยเธอยิ่งนักจริงๆ คนผู้นี้สีหน้าเย็นชาทว่าหัวใจกลับไม่เย็นชา คอยดูแลเธอยิ่งนักเสมอมา

ตี้ฝูอียืนมองอยู่ด้านข้างตลอด หลังจากเขามาถึง กู้ซีจิ่วก็เอ่ยขอบคุณเขาครั้งเดียวแถมคำขอบคุณนั้นยังสั้นเพียงสามคำด้วย จากนั้นก็ไม่พูดกับเขาอีกเลย ถึงขั้นที่ไม่ชายตามองเขาอีก

ยามที่เด็กสาวคนนี้ทุ่มเทก็ทุ่มเทอย่างแท้จริง ทุ่มเทให้หมดทั้งกายใจ

แต่เมื่อนางเก็บความรู้สึกกลับคืนไปนางก็สามารถเก็บกลับไปได้อย่างหมดจดเช่นกัน เห็นเขาเป็นเพียงคนที่ผ่านทางมา…

ตี้ฝูอีหลุบตาลงเล็กน้อย ซ่อนเร้นความหม่นหมองที่วาบผ่านนัยน์ตาไว้ เขายกมือขึ้นกระแอมเบาๆ คราหนึ่ง “แม่นางกู้ ข้าก็มีของขวัญจะมอบให้เช่นกัน”

เขาดีดนิ้วทีหนึ่ง มู่เฟิงที่อยู่ด้านข้างก้าวเข้ามาอย่างไม่ใคร่เต็มใจนัก ยื่นกล่องไม้จันทน์แดงใบหนึ่งออกมา เปิดกล่องออก ในกล่องมีเห็ดหลินจือสีแดงสดดอกหนึ่งนอนอยู่ เห็ดหลินจือดอกนี้น่าจะมีอายุห้าร้อยปีแล้ว เป็นสมุนไพรชั้นเลิศยิ่งนัก

ของขวัญชิ้นนี้ค่อนข้างเหมาะสมตามมารยาท มอบให้สมกับฐานะของเขา แต่ก็ไม่โดดเด่นเช่นกัน เมื่อเทียบกับของขวัญจากเทียนจี้เยวี่ยแล้ว หนึ่งคือฟ้าหนึ่งคือดินโดยแท้

ประชาชนที่มุงดูอยู่ก็ค่อนข้างผิดหวังเช่นกัน หลงนึกว่าท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายที่เป็นกลางชอบธรรมเสมอมาจะส่งมอบของอัศจรรย์อันใดออกมาเสียอีก เช่นนี้มองอย่างไรก็ธรรมดาทั่วไป

ถึงอย่างไรหลายวันก่อนกู้ซีจิ่วก็ได้ลงทัณฑ์เจ้าตัวปลอมนั่นแทนทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ซ้ำยังช่วยเหลือสี่ผู้คุ้มกันคนสนิทของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย แถมยังทำพิธีส่งวิญญาณให้วิญญาณอาฆาตหลายหมื่นตนในกำแพงวิญญาณอาฆาตนั้นด้วย…มีความชอบในการลบล้างข้อครหาบนร่างทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายยิ่งนัก กล่าวได้ว่ามีบุญคุณต่อทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ในเวลาเช่นนี้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายต้องแสดงออกให้ดีสักหน่อยสิถึงจะถูก

————————————————————————————-

บทที่ 1607 คนที่ผ่านทางมา 2

กลับนึกไม่ถึงว่าเขาจะมอบเห็ดหลินจืออายุห้าร้อยปีให้เพียงดอกเดียวเท่านั้น

ในวันเกิดของอัครเสนาบดีคนหนึ่ง เขาเคยมอบโสมคนพันปีต้นหนึ่งให้ด้วยซ้ำ! ประสิทธิภาพดีกว่าเห็ดหลินจือห้าร้อยปีต้นนี้มากนัก

ดูเหมือนท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ยังคงขุ่นเคืองที่แม่นางกู้หนีงานวิวาห์เมื่อปีนั้นอยู่…

และบางทีอาจเป็นเพราะเห็นว่าตำแหน่งของนางจะก้าวล้ำเขาแล้วจึงไม่พอใจ จงใจมาฉีกหน้านางโดยเฉพาะ!

ที่แท้ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็เป็นคนใจแคบเช่นนี้ด้วย..

ในใจของผู้คนคาดเดากันไปต่างๆ นานา สายตานับไม่ถ้วนร่อนลงบนร่างกู้ซีจิ่ว อยากเห็นว่านางจะมีท่าทีอย่างไร

รอยยิ้มบนใบหน้าเฉิดฉันของกู้ซีจิ่วไม่แปรเปลี่ยน “ขอบคุณท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย” เธอโบกมือ หลัวจั่นอวี่ที่อยู่ด้านข้างก้าวเข้ามา รับกล่องใบนั้นไป

สีหน้าหลัวจั่นอวี่ย่ำแย่ยิ่งนัก เขาเป็นหมอ ย่อมมองออกในแวบเดียวว่าคุณภาพของเห็ดหลินจือดอกนี้ดีหรือแย่ ถึงแม้เห็ดหลินจือดอกนี้จะเป็นเห็ดหลินจือห้าร้อยปี แต่คุณภาพกลับไม่ถือว่าดี ประสิทธิภาพสู้เห็ดหลินจืออายุห้าสิบปีไม่ได้ด้วยซ้ำ…

ไอ้สารเลวผู้นี้ตั้งใจมาฉีกหน้าน้องสาวงั้นหรือ?!

หลัวจั่นอวี่จึงกล่าวเสียงดัง “ถึงแม้คุณภาพของเห็ดหลินจือดอกนี้จะไม่ค่อยดีนัก แต่เมื่อนำไปผสมกับสมุนไพรอื่นแล้ว น่าจะพอหลอมเป็นลูกกลอนฟื้นฟูระดับต่ำได้จำนวนหนึ่ง เอาไว้ตกรางวัลให้เหล่าข้ารับใช้ได้ ขอบพระคุณสำหรับของขวัญชิ้นใหญ่จากท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย!”

ยาฟื้นฟูระดับต่ำเป็นยาลูกกลอนสามัญที่สุดของทวีปนี้ แม้กระทั่งทหารธรรมดาก็ยังมีอยู่ในครอบครองหลายขวด

หลัวจั่นอวี่ไม่อยากให้น้องสาวต้องกล้ำกลืนความเสียเปรียบไว้ ดังนั้นจึงพูดออกมาต่อหน้าสาธารณชน

ฝูงชนที่มุงดูอยู่โห่ร้องอีกครา ในใจของทุกคนไม่พอใจยิ่งกว่าเดิม

กู้ซีจิ่วก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร เธอย่อมมองออกเช่นกัน แต่นึกไม่ถึงว่าหลัวจั่นอวี่ที่ไม่กล่าวโทษผู้อื่นง่ายๆ มาโดยตลอดจะพูดออกมาต่อหน้าผู้คน

เธอทอดถอนใจอยู่ภายในใจ ทราบดีว่าพี่ชายทำเช่นนี้เพื่อปกป้องตนจากความอยุติธรรม แต่การกล่าวออกมาต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้ สีหน้าของเธอก็ไม่สู้ดีแล้วเช่นกัน…

คนรักที่เคยเกื้อหนุนกันในยามยากแปรเปลี่ยนไปจนสู้คนที่ผ่านทางมาไม่ได้ด้วยซ้ำ ที่แท้เขาก็เป็นคนโหดเหี้ยมเช่นนี้…

เธอหลงนึกว่าต่อให้เขาเห็นเธอเป็นแค่ตัวแทนของหลานจิ้งเคอ ก็น่าจะมีความรู้สึกต่อเธอบ้างเช่นกัน กลับนึกไม่ถึงเลยว่า…

นี่เขาเกลียดที่เธอแย่งร่างนางในดวงใจของเขาใช่ไหม ทำให้นางในดวงใจไม่อาจฟื้นคืนชีพได้ ดังนั้นถึงอยากแก้แค้นสินะ?

และบางทีอาจต้องการแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับตัวเธอกู้ซีจิ่วแล้วจริงๆ ความหมายคือหากว่าเธอไม่ใช่หลานจิ้งเคอที่อยู่ในใจเขา ก็เป็นเพียงคนผ่านทางมาเท่านั้นใช่ไหม?

ตรงหัวใจเสมือนมีเส้นด้ายรัดรึงเข้ามา ด้ายเส้นนั้นพัวพันหัวใจของเธออย่างแน่นหนา นั่นเป็นความเจ็บปวดคล้ายจะหายใจไม่ออก ความโศกเศร้าที่บรรยายไม่ได้แผ่ซ่านอยู่ในทรวงอก แทรกซึมไปตามแขนขาท่อนกระดูก ทำให้ลำคอเธอตีบตันขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

เธอพยายามรักษาความสงบนิ่งบนใบหน้าเอาไว้ ไม่พูดอะไรอีก

อันที่จริงเธอยากพูดคุยอย่างเรียบเฉยกับเขาอีกสักสองสามประโยค แต่ในลำคอราวกับมีไข่เป็ดฟองหนึ่งอุดอยู่ ทำให้เธอเปล่งวาจาไม่ออกเลยสักประโยค

กำลังทั้งหมดของเธอล้วนถูกใช้เพื่อสะกดกลั้นความร้อนผ่าวที่พุ่งขึ้นยังกระบอกตาอย่างน่าประหลาดไว้ เลี่ยงไม่ให้ขอบตาตนแดงก่ำ…

หากว่าเป็นคนอื่นที่ปฏิบัติต่อเธอเช่นนี้ มีความเป็นไปได้เกือบสิบส่วนที่เธอจะยิ้มให้แวบหนึ่ง แล้วไม่ใส่ใจเลย

แต่นี่เป็นเขา…

น่าตายนัก เธอยังทำตัวเรียบเฉยไม่ได้ ยังคงทำโดยที่ไม่รู้สึกเจ็บปวดไม่ได้ เธอยังคงใส่ใจเขายิ่งนักไม่แปรเปลี่ยน!

การกระทำอันใจร้ายเล็กๆ น้อยๆ ของเขาสามารถเพิ่มบาดแผลลงบนหัวใจที่บอบช้ำของเธอได้…

สิ่งที่เธอทำได้มีเพียงรักษาสีหน้าสุขุมเยือกเย็นเอาไว้ ไม่ให้เป็นที่น่าขบขันของผู้อื่น

ถึงแม้ในใจจะหลั่งโลหิตอยู่ แต่ใบหน้าเฉิดฉันของเธอก็ยังคงรอยยิ้มเอาไว้ตลอด รอยยิ้มนั้นปานบุปผา ราวกับดอกพู่ระหงที่ค่อยๆ เบ่งบานท่ามกลางพายุฝน เปี่ยมด้วยความงดงาม

ไม่มีใครมองความผิดปกติของเธอออก แม้แต่มู่เฟิงก็มองไม่ออกเช่นกัน

เพียงแต่หลังจากผ่านเรื่องนี้ไป ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายในใจของปวงชนก็ตกต่ำลงไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว

————————————————————————————-