บทที่ 348 เมื่อทุกอย่างพร้อม

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

บทที่ 348 เมื่อทุกอย่างพร้อม
ณ วันที่หนึ่งของเดือนกันยายน วารสารอาร์คานาฉบับล่าสุดก็ออกวางแผง

เนื่องจากทุกคนกำลังทำงานให้กับสถาบันอะตอม ลาซาร์ ร็อค และเจอโรมตอนนี้ก็สามารถซื้อหานิตยสารอาร์คานาได้ทุกเดือน และไม่จำเป็นต้องไปหยิบยืมวารสารจากห้องสมุด เพื่อประหยัดงบประมาณอีกต่อไป

“สมมติฐานนี้อยู่เหนือความคาดหมายของข้ามาก! แต่ข้าก็ต้องบอกว่าสูตรนี้อธิบายโจทย์ได้ด้วยสมมติฐานนี้จริงๆ” ในห้องประชุม ขณะที่สมาชิกสถาบันทุกคนกำลังรอลูเซียนมาร่วมประชุม ลาซาร์ก็โพล่งออกมา อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความรู้เชิงอาร์คานาศาสตร์ในเรื่องการกระจายความร้อนของเขายังไม่มากพอ และเพราะทัศนคติของจอมเวทส่วนใหญ่ที่มีต่อลูเซียน ลาซาร์ก็เชื่อว่าไม่นานสมมติฐานนี้ก็จะถูกหักล้างโดยคำอธิบายที่สมเหตุสมผลยิ่งกว่า

มีเพียงจอมเวทที่ได้สูตรนี้มาด้วยตัวเองและได้เห็นแล้วว่าคำอธิบายที่เป็นไปได้ทั้งหมดอื่นๆ ไม่สามารถใช้กับสูตรนี้ได้เท่านั้นจึงจะเห็นความสมเหตุสมผลของสมมติฐานของลูเซียน ซึ่งทำให้โลกพุทธิปัญญาของพวกเขาเกิดความปั่นป่วนอย่างหนัก เนื่องจากสมมุติฐานนี้ขัดแย้งกับความเชื่อพื้นฐานของโลกอาร์คานาศาสตร์และทฤษฎีของบรูค ขณะเดียวกัน ในทางตรงข้าม จอมเวทที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจในหัวข้อนี้อย่างลึกซึ้ง ก็จะไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด

ร็อคยืนขึ้นและเดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวายภายในห้องประชุม “ลูเซียนสุดยอดมาก! เขาเป็นเพียงคนเดียวที่คิดสมมติฐานที่น่าเหลือเชื่อนี้ได้! ข้าชอบแนวคิดล้มล้างทฤษฎีนี้มาก! เดี๋ยวเขามาถึงข้าจะกอดเขาแน่นๆ! ข้าอยากจะกอดต้นแบบของข้า! การศึกษาอาร์คานาศาสตร์ไม่ควรเป็นเหมือนบ่อน้ำนิ่งๆ แต่ควรเต็มไปด้วยพายุ!”

ดูเหมือนร็อคฝันไปว่าเขาอยากจะเป็นคนคิดค้นสมมติฐานนี้เสียเอง

หน้าของจอมโรมดูซีดไป แต่ไม่นานเขาก็ใจเย็นลง “นี่เป็นเพียงสมมติฐาน เราไม่ควรคิดเรื่องนี้มากเกินไปในตอนนี้ เพียงแค่ใช้สูตรไป ปล่อยให้มหาจอมเวทแก้ปัญหายากๆ นี้เถอะ”

“เจอโรมก็เป็นแบบนี้แหละ นิ่งตลอด” ลาซาร์ยิ้มกว้าง จริงๆ แล้วเขาก็ไม่ได้ใส่ใจสมมติฐานนี้เท่าไร อาจจะโดยตั้งใจด้วยซ้ำ

ขณะเดียวกัน นักเวทฝึกหัดที่นั่งอยู่อีกฟากในห้องประชุม ไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่จอมเวทกำลังพูดถึงจริงๆ สักคน

ตอนนั้นเอง ลูเซียนก็เดินเข้ามาพร้อมกับบทความวิชาการกองหนึ่งและสำเนาวารสารอาร์คานาฉบับหนึ่ง เขายิ้มและพูดกับสมาชิกสถาบันทุกคน “เอาล่ะ มาดูกันว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาเราทำอะไรไปบ้าง”

ณ เมืองอัลลิน ในหอคอยเวทมนตร์ต่างๆ ใต้ต้นไม้ ในรถม้าสุดหรู หรือที่ไหนก็ตาม จอมเวทมากมายต่างกำลังตกตะลึงกับสมมติฐานอันหนักแน่นของลูเซียนที่พวกเขาเผชิญในวารสารอาร์คานาฉบับล่าสุด

อย่างไรก็ตาม ไม่นานก็มีความเห็นเดียวกัน ‘นี่เป็นเพียงสมมติฐาน’ ได้ยินจากทั่วทุกมุมเมือง แม้จะพูดออกไปอย่างนั้น แต่ก็มีความกลัวและความกังวลแฝงอยู่ในน้ำเสียง พวกเขาเพียงต้องการใช้สูตรและค่าคงที่นี้ในการพัฒนาเวทมนตร์เท่านั้น…

นอกจากนี้ ทุกคนยังสงสัยว่าคำว่า ‘รังสีแคโทด’ ที่อ้างถึงในบทความหมายความว่าอย่างไร

ณ นครเรนทาโต หอคอยเวทมนตร์ประจำราชสำนักโฮล์ม สำนักงานใหญ่ขององค์กรเจตจำนงแห่งธาตุ

เคกำลังอ่านวารสารอาร์คานาอย่างรอบคอบ มือทั้งสองข้างของเขาสั่นเทา เหรียญตราอาร์คานาของเขามีดาวสีเงินสามดวงประดับอยู่ และมีจุดดาวสีเงินเล็กๆ มากมายรายล้อมดาวทั้งสามดวง ซึ่งหมายความว่าเขาใกล้ที่จะเลื่อนขั้นเป็นจอมเวทระดับสี่

การได้รับการอ้างอิงทฤษฎีเวเลนซ์ และไอออไนเซชัน ของเขาทำให้เขาได้รับค่าชื่อเสียงดี

“อีวานส์เป็นอัจฉริยะที่ไม่มีขอบเขต” เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นมาจากข้างๆ ประตู หลังจากถอนหายใจยาว ประโยคนั้นทำให้เคตื่นขึ้นมาจากฝันร้าย

“ถ้าเป็นข้า ข้าคงไม่สามารถนำเสนอสมมติฐานเช่นนั้นได้ ข้าคงไม่สามารถฉีกกรอบระบบอาร์คานาพื้นฐาน” แลร์รี่พูดกับเคแล้วเดินเข้ามาในสำนักงาน มีดาวสีเงินห้าดวงประดับบนเหรียญตราอาร์คานาของเขา

เคตอบด้วยเสียงทุ้มต่ำ “แม้เป็นเพียงสมมติฐาน แต่ก็น่าตื่นตาตื่นใจมากนะขอรับ ถ้าสมมติฐานนี้ถูกพิสูจน์ว่าจริงขึ้นมา จะก่อพายุลูกใหญ่ในสภาแน่นอน ข้าไม่กล้าคิดเลยว่าลูเซียนจะถูกกดดันหนักขนาดไหน ถ้าเป็นเช่นนั้น…”

“อย่าคิดมาก เราต้องมีสมาธิกับงานวิจัยของเรา” แลร์รี่รู้ว่าเคกำลังพูดถึงอะไร เขาเข้าใจดีว่าแม้แต่จอมเวทชั้นกลางที่พร้อมเปิดรับทุกอย่างก็ต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นชอบกับความคิดของลูเซียน ยิ่งหากเป็นมหาจอมเวทยิ่งแล้วไปกันใหญ่ “แต่ว่า มหาจอมเวทตัดสินใจมอบ ‘รางวัลมงกุฎแห่งโฮล์ม’ ให้กับข้าจากทฤษฎีเวเลนซ์และไอออไนเซชัน ชื่อของแหวนน่าจะเป็น ‘ไอออไนเซชัน’ เค ขอโทษที่ข้าทำให้พวกเขายอมให้เจ้าได้รับรางวัลร่วมกันไม่ได้”

เนื่องจากการพัฒนาทฤษฎีเวเลนซ์และไอออไนเซชันเป็นกระบวนการที่ใช้เวลายาวนาน ตอนแรก แลร์รี่ยังไม่ได้ตระหนักถึงคุณค่าของมัน เขาจึงไม่ได้ระบุชื่อเคในบทความที่เกี่ยวข้องหลายๆ ชิ้น ในทางกลับกัน เค ในฐานะลูกศิษย์ของแลร์รี่ ก็ยึดมั่นธรรมเนียมปฏิบัติอย่างเคร่งครัดและใส่ชื่อของแลร์รี่ไว้ก่อนหน้าเขาเสมอ

แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือ มอร์ริส ประธานกลุ่ม ก็พยายามจะประหยัดงบประมาณอีก เนื่องจากงบขององค์กรเจตจำนงแห่งธาตุค่อนข้างมีจำกัด หลังจากได้มอบรางวัลมงกุฎแห่งโฮล์มสามครั้งติดต่อกัน จึงไม่มีทางที่มอร์ริสจะยอมใช้งบประมาณไปกับแหวนอีกวง

เคไม่ได้สนใจเรื่องนั้น ทั้งนี้ทั้งนั้น มีเพียงกรณีพิเศษที่อิซาเบลลาและราเชลสามารถได้รับรางวัลร่วมกัน เขาเกาหัวเบาๆ และยิ้มกว้างออกมา “ไม่เป็นไรขอรับอาจารย์ แต่สิ่งที่ข้ากำลังสับสนที่สุดก็คือทำไมไอออนต่างกันสามารถเป็นตัวนำอิเล็กตรอนและโพซิตรอนได้… มีคำอธิบายอย่างไร?”

“เจ้าก็เริ่มถามว่า ‘ทำไม’ อีกคนแล้วสินะ ไม่ต่างกับคนที่มีชื่อเดียวกับเจ้าเลย” แลร์รี่รูปเคราสีเหลืองปนน้ำตาลของเขาแล้วพูดติดตลก “ปัญหาของเจ้าจะเป็นหัวข้อวิจัยต่อไปของเรา และเราจะลองทำการทดลองรังสีแคโทดของลูเซียนกันดู”

ณ ดินแดนตอนเหนืออันไกลโพ้น ภายในปราสาทผลึกน้ำแข็ง

ราวกับปราสาทแห่งนี้ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง ปราสาทไม่ได้รับผลกระทบจากพายุหิมะลูกใหญ่แม้แต่น้อย ขณะเดียวกัน ก็ดูเหมือนว่าปราสาทหลังนี้เชื่อมทะลุกับมิติพิศวงอื่นๆ

ภายในห้องทำงานห้องหนึ่ง ในปราสาท เฮลเลน ไพรซ์ ผู้มีความงามประดุจเอลฟ์สาว กำลังอ่านจดหมาย ด้านข้างของนางมีนิตยสารอาร์คานาฉบับล่าสุดวางอยู่

“…ข้าเห็นว่าผลงานของลูุเซียน อีวานส์ ในการวิจัยการกระจายความร้อนสมควรได้รับ ‘เหรียญน้ำแข็งและหิมะ’ แม้สมมติฐานของเขาที่ว่าพลังงานแบ่งเป็นส่วนๆ ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ แต่ก็ถือเป็นคำอธิบายที่ทรงคุณค่า สูตรและค่าคงที่ของเขาก็มีความแม่นยำสูงต้นสามารถใช้พัฒนาการวิจัยการกระจายความร้อน… และแน่นอน ข้าต้องยอมรับว่าข้าเห็นด้วยที่พวกเขาเรียกส่วนของพลังงานทั้งหมดว่า ‘ควอนตัม’”

“สหายของเจ้า เดอร์ริก ดักลาส”

หลังจากอ่านจดหมายจบ เฮลเลนก็ใช้ความคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะหยิบปากกาขนนกขึ้นมา

“…เท่าที่ข้ารู้ คำอธิบายของลูเซียนยังไม่ได้รับการยอมรับจากสาธารณชน หรือข้าควรจะพูดว่าแทบไม่มีใครเห็นด้วยกับคำอธิบายนี้ ผู้คนมากมายไม่เห็นด้วยที่จะมอบรางวัลเชิดชูเกียรติ ‘เหรียญน้ำแข็งและหิมะ’ ให้กับลูเซียน อีวานส์ มิฉะนั้น ชื่อเสียงของรางวัลคงเสียหายอย่างหนัก และเพราะอีวานส์เป็นลูกศิษย์ของเฟอร์นันโด เรายิ่งต้องระวังให้มากขึ้น… ในอีกสิบปี หากยังไม่มีคำอธิบายใหม่ และเมื่อสูตรและค่าคงที่ของอีวานส์ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย ถึงตอนนั้น คงไม่มีใครโต้แย้งถ้าจะมอบรางวัลให้กับเขา…”

ณ ห้องประชุมของสถาบันอะตอม

“…คือ จากการทดลองที่ผ่านมา ข้าพบว่ารังสีแคโทดทะลุผ่านอากาศได้เพียงไม่กี่เซนติเมตร เพราะฉะนั้นเราจึงไม่รู้ว่ามันมีอยู่มาก่อน” สีหน้าของลาซาร์เปล่งประกายด้วยความตื่นเต้นเมื่อเขากำลังแบ่งปันผลการวิจัยของเขากับสมาชิกคนอื่นๆ ด้านหลังเขาเป็นอุปกรณ์กระจกที่สะท้อนแสงสีเขียว

ตามที่ลูเซียนแนะนำ ในเดือนนี้ ลาซาร์ ร็อค เจอโรม และนักเวทฝึกหัดคนอื่นๆ ได้ทุ่มเทอุทิศชีวิตในการศึกษาวิจัยเต็มที่ นักเวททุกคนในสถาบันได้เขียนบทความอย่างน้อยคนละเจ็ดชิ้น ส่วนนักเวทฝึกหัดก็เขียนบทความสี่ชิ้น ส่วนตัวลูเซียนเองนั้น เขาก็เพิ่งอ่านบทความสิบชิ้น บทความพวกนี้ล้วนเกี่ยวกับการดูดซับรังสี คุณสมบัติการทะลุผ่าน และการเปลี่ยนตำแหน่งเงาในสนามแม่เหล็กและสนามไฟฟ้าที่รุนแรง

พวกเขาได้ข้อสรุปว่ารังสีแคโทดน่าจะเป็นกระแสอนุภาคประจุลบ และพวกเขายังได้ออกแบบอุปกรณ์การแยกอะตอมเพื่อการฉายรังษีบริสุทธิ์ เพื่อพิจารณาอัตราส่วนมวลประจุผ่านแนววิถีรังสีในสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ฉะนั้น เหล่าสมาชิกสถาบันจะสามารถบอกถึงประเภทของอนุภาคที่อยู่ในรังสีได้

เนื่องจากรังสีแคโทดสามารถทะลุผ่านแผ่นโลหะ ร็อคและเจอโรมจึงนำเสนอความคิดที่ว่ารังสีชนิดนี้ไม่น่าจะใช่กระแสอนุภาค แต่ทั้งสองก็ยังไม่รู้ว่ารังสีชนิดนี้คืออะไร การวัดอัตราความเร็วของรังสีแคโทดก็ยิ่งบั่นทอนความคิดตั้งต้นของพวกเขาที่ชื่อว่ารังสีชนิดนี้ก็คือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดหนึ่ง หลังจากพิสูจน์ได้ว่าความเร็วของรังสีช้ากว่าแสงมาก

เมื่อลาซาร์อภิปรายจบ ร็อคก็เริ่มถ่ายทอดผลงานของเขา “…ไม่พบการหักเหถาวรของรังสีแคโทดในสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่รุนแรง ดังนั้น เราอาจคิดผิดชื่อบอกว่ามันเป็นประจุ จากผลการทดลองก่อนหน้านี้ เราอาจเข้าใจผิดก็เพราะสภาพแวดล้อมก๊าซที่ซับซ้อนภายในวงเวท…”

ทั้งเจอโรมและลาซาร์ต่างเห็นด้วย

แม้ว่านักเวทฝึกหัดจะสามารถทำการวิจัยเฉพาะเรื่องและพัฒนารายงานการทดลองได้ แต่เมื่อจอมเวทกำลังสนทนากันด้วยความรู้เชิงอาร์คานาอย่างจริงจัง พวกเขาก็แทบไม่เข้าใจบทสนทนาต่างๆ

“ข้าคิดว่าอาจมีปัจจัยรบกวนอื่นๆ… คงต้องใช้เวลาสักหน่อยเพื่อออกแบบการทดลองมา” ลูเซียนแสดงความเห็น

แรงดันจากอากาศที่เบาบางไม่อาจทำให้อนุภาคขนาดเล็กหันเหได้ ซึ่งจะต้องใช้สภาพแวดล้อมสุญญากาศ และจนถึงตอนนี้ ลูเซียนรู้ดีว่าไม่มีวงเวทชนิดไหนในสภาเวทมนตร์สามารถทำได้ อันที่จริงแล้ว รังสีแคโทดเป็นกระแสอิเล็กตรอน พวกเขายังห่างไกลจากการค้นพบอิเล็กตรอนและการสำรวจโครงสร้างภายในของอะตอม

ความเชื่อที่ว่าอะตอมเป็นหน่วยที่ไม่สามารถแบ่งแยกได้อีกแล้วยังคงไม่สั่นคลอนในโลกแห่งอาร์คานาไปอีกสักพัก

ประตูบานใหญ่สู่โลกแห่งจุลภาคกำลังใกล้เข้ามา แต่ยังไม่มีใครผลักประตูบานนี้เปิดออก

ลาซาร์ ร็อค และจอมเวทที่เหลือทุกคนต่างรู้สึกยินดีที่ได้ยินลูเซียนบอกว่าจะจัดการภารกิจเชิงทฤษฎีที่ท้าทายนี้ด้วยตัวเอง พวกเขาอยากจะทุ่มเทเวลากับการทดลองรังสีแคโทดเสียมากกว่า เพราะการทดลองเหล่านี้จะทำให้พวกเขาได้ค่าชื่อเสียงอาร์คานาเป็นกอบเป็นกำ พวกเขาไม่อยากเสียเวลากับหัวข้อวิจัยที่คลุมเครือเช่นนั้นที่พวกเขายังไม่เห็นหนทางใดๆ เลย!

หลังจากเสนอบทความประกาศการค้นพบรังสีแคโทด ลูเซียนเองก็ได้รับ ค่าชื่อเสียงอาร์คานาสามสิบคะแนน และจอมเวทแต่ละคนก็ได้รับห้าคะแนน ส่วนนักเวทฝึกหัดยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะใส่ชื่อของตนบทความชิ้นนี้

แม้รางวัลที่ได้รับจะถือว่าดีมากสำหรับจอมเวทชั้นต้นส่วนใหญ่ แต่สิ่งที่สมาชิกสถาบันได้รับนั้นสูงกว่า โดยเฉลี่ยแล้ว บทความแต่ละชิ้นของพวกเขาจะได้รับค่าชื่อเสียงสี่คะแนน ในบรรดาสมาชิกสถาบัน ลาซาร์เป็นคนที่โดดเด่นที่สุด ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ลาซาร์ได้รับค่าชื่อเสียงรวมสามสิบคะแนนจากบทความที่เขาตีพิมพ์ ซึ่งทำให้เขาขาดค่าชื่อเสียงอีกเพียงสิบคะแนนก็จะเลื่อนขั้นเป็นจอมเวทระดับสาม ร็อคและเจอโรมก็เป็นจอมเวทระดับสองแล้วในตอนนี้

พวกเขายังหวังว่าจะได้รับการอ้างอิงทางวิชาการอีกมากในภายหลัง ทุกคนรักการทดลองเป็นอันมาก!

กลุ่มนักเวทฝึกหัดเองก็ได้รับค่าชื่อเสียงสิบสามถึงสิบสี่คะแนนแล้วในตอนนี้ ถึงพวกเขายังไม่มีเวลาไปรับเหรียญตรา แต่ตอนนี้ทุกคนกลายเป็นนักเวทจริงๆ แล้ว

จอมเวทส่วนใหญ่ถึงกับอ้าปากค้างเมื่อได้เห็นความก้าวหน้าของสมาชิกสถาบันอันรวดเร็วขนาดนี้

ภายในอารามหลังหนึ่งในนครเรนทาโต ราชอาณาจักรโฮล์ม

บิชอปรูปหนึ่งกำลังอธิบายถึงพื้นฐานเกี่ยวกับพระเจ้าที่มีการแก้ไขและปรับปรุงโดยพระสันตะปาปาองค์ต่างๆ ให้กับบรรดาบาทหลวงฝึกหัดทั้งหลายฟัง

“พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างอะตอมหลากหลายชนิด และอะตอมเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดในโลกซึ่งไม่สามารถแบ่งแยกต่อได้อีก พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหมดด้วยอะตอม…”

การอภิปรายเรื่องรังสีแคโทดสำหรับวันนี้จบลง เจอโรมก็เริ่มเล่าถึงความคืบหน้าของพวกเขาในการทดลองอุณหภูมิเยือกแข็ง

เจอโรมดูท่าทางร่าเริง “ลูเซียน เราพบว่าที่อุณหภูมิลบ 185 องศาเซลเซียส คุณสมบัติของถ่านหินเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและสามารถดูดซับอากาศได้ง่ายมาก”

“ยอดเยี่ยม” ลูเซียนพยักหน้า แม้จะมีวิธีอื่นในการสร้างสภาพแวดล้อมสุญญากาศ แต่การใช้ถ่านหินเป็นวิธีที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน

ขั้นตอนต่อไปของพวกเขาคือการออกแบบวงเวทใหม่ที่จะใช้ในการวัดอัตราส่วนมวลประจุของรังสีแคโทด!