บทที่ 185 ช่างหัวราชสำนักชู...! (ต้น)

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์

บทที่ 185 ช่างหัวราชสำนักชู…! (ต้น)

อีกด้านหนึ่ง ชายในชุดดำเร่งรีบไปที่ก้อนหินใหญ่ จากนั้นจึงทรุดเข่าลงข้างหนึ่ง “ฝ่าบาท ข้าสืบได้ความว่าสถานศึกษาฉางมู่แห่งอาณาจักรต้าอวิ๋นได้ส่งคนมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

คนที่ยืนอยู่บนศิลาก้อนใหญ่ ทัวป้าเหยียนถามเสียงเบา “ใคร ?”

ชายในชุดดำค้อมตัวลงรายงานเสียงแหบห้าว “กานสือซานพ่ะย่ะค่ะ !” ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของผู้ฟังเคร่งขรึม หัวคิ้วขมวดมุ่น

กระนั้นคนสองคนที่อยู่ทางด้านหลังชายชราและหญิงชรา ต่างมีสีหน้าตกอกตกใจอย่างเห็นได้ชัด กานสือซาน !

คนผู้นี้เป็นผู้ที่ถูกกล่าวขานมากคนหนึ่ง !

ด้วยเพราะเขาคือยอดแห่งผู้เยี่ยมยุทธ์อันดับที่สิบเอ็ดแห่งทำเนียบผู้เยี่ยมยุทธ์  อันดับที่สิบเอ็ด !

อันดับยิ่งสูง ยิ่งน่าเกรงขาม !

ในแผ่นดินชิง จะมีบุคคลเช่นนี้สักกี่คน ?

เขาเป็นยอดแห่งผู้เยี่ยมยุทธ์อันดับที่ 11 มีเพียงหนึ่งในล้าน !

จึงไม่แปลกที่จะถูกกล่าวขาน !

ทว่าสาเหตุที่แท้จริงของการเป็นผู้ถูกกล่าวขาน เป็นเพราะเขาได้เคยต่อสู้กับคนที่มีขั้นพลังสุดยอดผนึกยุทธ์ระดับสูง ทั้งที่ในเวลานั้นเขามีขั้นพลังทะยานสวรรค์เท่านั้น !

ครั้งนั้นเป็นการสู้เพื่อล้างแค้น !

ขั้นทะยานสวรรค์แก้แค้นต่อขั้นสุดยอดผนึกยุทธ์ !

เหตุการณ์ครั้งนั้นได้ล่วงเลยมากว่าครึ่งปีแล้ว !

ณ ศิลาก้อนใหญ่ ทัวป้าเหยียนมองลอดตามรอยแตกของหน้าผา “เจ้าคิดว่าเขายืนหยัดอีกได้นานแค่ไหน ?”

ชายชราที่เยื้องไปทางด้านหลังส่ายหน้าน้อย ๆ “นอกจากว่าเขาจะมีไพ่ตายอีกใบ” ทัวป้าเหยียนสีหน้าสงบลง และไม่เอ่ยว่าอะไรอีก

ณ บนยอดไม้แห่งหนึ่ง เสียงเคร่งขรึมของเจียงเยว่เทียนพึมพำเรียกชื่อกานสือชานเบา ๆ จ้าวหอชั้นเก้าพยักหน้าน้อย ๆ ตอบกลับแผ่วเบา “ข้าเห็นแล้ว”

เจียงเยว่เทียนเหลือบมองคนด้านข้าง “ดูเจ้าไม่อนาทรร้อนใจสักนิด”

ได้ยินเช่นนั้นอีกฝ่ายหันขวับมามองหน้าเจียงเยว่เทียน “ใจเย็นก่อน พวกเรามาคอยดูหายนะสุดท้ายของสถานศึกษาฉางมู่ดีกว่า !”

เจียงเยว่เทียน “…”

มุมลับ ณ สถานที่

เยี่ยฉวนกับพวกอีกสองคน กำลังต่อสู้กับชายสวมเกราะเงินและคนอื่นอีกหลายคน สามคนต้านทานคนนับสิบ !

ฝ่ายเยี่ยฉวนค่อนข้างเสียเปรียบทางด้านจำนวนคน เมื่อเริ่มจู่โจมจึงดูเสมือนว่าสามคนถูกเอาเปรียบ !

ในตอนนี้เยี่ยฉวนกำลังต่อสู้กับชายสวมเกราะเงินด้านหน้า ก่อนที่ชายร่างท้วมคนแรกจะถือขวานสองเล่มจู่โจมเข้ามาทางด้านซ้าย

ขณะที่มีชายร่างท้วมอีกคน ใช้ทวนเป็นอาวุธจู่โจมเข้ามาทางขวา ยิ่งกว่านั้นยังถูกซุ่มจู่โจมด้วยลูกธนูที่ยิงออกมาเป็นระยะ

กระทั่งมีลูกธนูบางดอกพุ่งเข้าปักหัวไหล่ของเยี่ยฉวน แม้แต่โม่อวิ๋นฉีและไป๋เจ๋อก็ถูกจู่โจมจากลูกธนูด้วยเช่นกัน !

เป็นการยากยิ่งที่จะสกัดลูกธนูที่ยิงเข้ามาโดยไม่รู้ทิศทาง !

ขณะนั้นเยี่ยฉวนหันไปทางไป๋เจ๋อซึ่งอยู่ไม่ห่างมาก พลันตะโกนบอกคนตัวใหญ่ “เจ้ายักษ์ ระวังหลังให้ที !”

จากนั้นคนพูดผละออก เป้าหมายของเยี่ยฉวนคือชายมือธนู ที่ซุ่มห่างออกไปราวสิบห้าจั้ง !

ด้วยคนทั้งสามคงจะต้องค่อย ๆ ตายลงทีละคน ๆ ในไม่ช้า หากปล่อยให้มือธนูแอบยิงธนูจากที่ลับใส่พวกตนอยู่เป็นระยะเช่นนี้ !

คนที่สังเกตเห็นเยี่ยฉวนเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ชายยิงธนูคือคนสวมเกราะเงิน เขาหน้าตื่นเล็กน้อย จากนั้นจึงรีบตะโกนบอกคนอื่นทันที “สกัดมัน !”

ขณะเดียวกันคนร้องตะโกนเองก็ได้ทะยานตามหลังอย่างเร่งด่วน เช่นเดียวกับบุรุษร่างท้วมที่ยืนอยู่ข้างที่เหวี่ยงขวานใหญ่ในมือขว้างใส่เยี่ยฉวน

หวือออ !

ขวานใหญ่แหวกอากาศพุ่งตรงเข้าหาร่างคน บังเกิดกระแสลมหวีดดัง !

อีกด้านหนึ่ง ไป๋เจ๋อผลักกระแทกฝ่ามือลงสู่พื้นเต็มแรง

เปรี้ยง !

พื้นพสุธาแตกแยกเปิดออก !

ขณะเดียวกันเขาก็ใช้ร่างกายของตนเองเข้าปะทะแรงกระแทกจากขวานใหญ่นั่น

บึ้ม !

ขวานใหญ่ปลิวกระเด็นไร้ทิศทาง ด้านไป๋เจ๋อ บริเวณแผ่นอกของคนตัวใหญ่ปรากฏร่องรอยของโลหิตไหลซึมเป็นทาง !

แม้ว่าร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งพอ ๆ กับเยี่ยฉวน ทว่ามิได้ไร้เทียมทานเช่นเยี่ยฉวน !

ภายหลังจากจัดการขวานใหญ่แล้ว ไป๋เจ๋อใช้มือปาดเช็ดคราบโลหิตออกอย่างเร็ว จากนั้นจึงรีบทะยานเข้าหาชายสวมเกราะเงินและคนอื่น ๆ

ทว่ายังไม่ทันไร เขาก็ถูกสกัดอย่างรุนแรงจนกระทั่งร่างใหญ่โตถึงกับกระเด็น…

เมื่อปราศจากภัยคุกคามจากขวานแล้ว เยี่ยฉวนพรวดเข้าถึงคนมือธนูในไม่ช้า ทันทีที่เขาทะยานเข้าถึงที่ ลูกธนูสามดอกเรียงติดตามกันมาพุ่งหาเป้าหมายที่กึ่งกลางแสกหน้า นับเป็นลูกธนูที่มีทั้งความเร็วและประจุพลังเต็มเปี่ยม

เยี่ยฉวนแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม ตวัดกระบี่หลิงซิ่วในมือออกไปอย่างรุนแรง !

ฟิ้ววว !

เมื่อกระบี่ในมือของชายหนุ่มลดลง ลูกธนูทั้งสามแตกกระจายจนหมดสิ้น !

ชายที่ใช้ธนูทำท่าถดถอยหนี แต่ไม่ทันที่กระบี่หลิงซิ่วสะบัดออกจากอุ้งมือเจ้าของกระบี่รวดเร็ว !

ฉับ !

ชายยิงธนูเคราะห์ร้ายถอยหลังไปได้เพียงครึ่งก้าวเท่านั้น พลันหัวของมันหลุดจากบ่ากระเด็นตกไปที่พื้นแล้ว !

โลหิตแดงฉานไหลทะลัก !

หลังจากนั้น กระบี่หลิงซิ่วตวัดวาบลงเบื้องล่างทันที !

ที่ด้านล่าง ชายสวมเกราะเงินและคนอื่นซึ่งสถานการณ์กำลังได้เปรียบไล่ติดตามรุมไป๋เจ๋ออยู่นั้น พลันคนทั้งกลุ่มสีหน้าแปรเปลี่ยนเมื่อเห็นได้ชัดว่ากระบี่กำลังเหินตรงมา เป็นลำแสงกระบี่สว่างวาบราวกับพุ่งลงมาจากชั้นบรรยากาศ !

พวกเขาไม่อาจประมาทฝีมือของเยี่ยฉวน ชายร่างท้วมจากด้านข้างชายสวมเกราะเงิน กระแทกขวานใหญ่ออกไปอย่างรุนแรงอีกครั้ง เสียงหวีดแหวกอากาศดังเสียดแทง พลันขวานพุ่งปะทะกับส่วนปลายกระบี่หลิงซิ่วอย่างจัง !

บึ้ม !

แรงปะทะมีผลให้ทั้งขวานใหญ่และกระบี่หลิงซิ่วสะท้านสะเทือน ทันใดนั้นขวานเกิดรอยปริร้าวขึ้นทีละน้อยจนในที่สุดมันระเบิดแหลกกระจายไม่มีชิ้นดี ขณะเดียวกัน กระบี่หลิงซิ่วชะงักนิ่งไปชั่วขณะ จากนั้นจึงหันเหทิศทางไปยังชายร่างท้วม !

เจ้าคนท้วมหรี่ตาเพ่งมองจนเห็นกระบี่ที่มุ่งตรงมา แววตาปรากฏความหวาดหวั่น ขณะนั้นเองเงาขาวาบขึ้นพลันตวัดกระแทกเข้ากับกระบี่หลิงซิ่ว

บึ้ม !

กระบี่หลิงซิ่วถูกพลังปะทะเข้าเต็มที่ จึงหันเหเปลี่ยนทิศทาง !

ฉับพลันร่างคนผู้หนึ่งทะยานลงมาจากท้องฟ้าและกระแทกหมัดลุ่นไปที่ชายร่างท้วม

คนผู้นั้นคือเยี่ยฉวน !

ชายท้วมเขม้นมองสายตาฉายแววดุร้ายเหี้ยมเกรียม เขาไม่หลีกหลบ กลับสวนหมัดออกประสานงากับหมัดเยี่ยฉวน !

ชายสวมเกราะเงินส่งเสียงตะโกนใส่คนร่างท้วมด้วยความตระหนก เมื่อเห็นสิ่งที่บังเกิดต่อหน้า “ระวัง !”

ทันทีที่เสียงคนจางหาย

กร๊อบ !

เสียงกระดูกแตกลั่นดังมาจากแขนของคนร่างท้วม ก่อนที่แขนของคนท้วมจะระเบิดแหลกทั้งโลหิตและเนื้อกระจัดกระจาย !