ตอนที่ 249 ความรู้สึกถึงภยันตราย

กับดักรักในรอยแค้น

ตอนที่ 249 ความรู้สึกถึงภยันตราย

 

 

           ฉู่เจียเสวียนไม่ยอมทำวิธีที่สกปรกประเภทนี้ เธอไม่ใช่คนประเภทเดียวกับฉู่อีอี

 

 

           แกะมือของฉู่อีอีที่จับชายเสื้อออก หยิบกระเป๋าแล้วลุกขึ้น ฉู่เจียเสวียนเดินออกไปจากโรงแรมโดยไม่หันกลับมามอง

 

 

           คนในโรงแรมมีไม่มาก ประกอบกับฉู่อีอีเลือกที่นั่งที่ไม่สะดุดตา ฉะนั้นการกระทำของพวกเธอจึงไม่ได้ดึงดูดความสนใจของคนอื่น

 

 

           มือของฉู่อีอีถูกฉู่เจียเสวียนสะบัดออก เธอล้มกองอยู่ข้างๆ ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย ราวกับใบไม้ที่ร่วงหล่นและพริ้วไหวไปตามสายลม มองฉู่เจียเสวียนที่เดินจากไปไกลด้วยหางตา

 

 

           จากนั้นก็ยืนขึ้น เก็บอาการเสียใจบนใบหน้า ปัดๆ เสื้อผ้าด้วยความสงบนิ่ง ริมฝีปากยกยิ้มด้วยความภูมิใจ ความเกลียดชังผุดขึ้นในดวงตา

 

 

           ฉู่เจียเสวียน ฉันจะคอยดูว่าเธอจะเก่งไปได้สักกี่น้ำ

 

 

           อีกด้านหนึ่ง หลังจากฉู่เจียเสวียนออกจากโรงแรมแล้ว ฉู่เจียเสวียนก็ขับรถจากไปทันที

 

 

           ในขณะนี้สมองของเธอวุ่นวายสับสน ท่าทางของฉู่อีอีที่คุกเข่าเมื่อครู่วนเวียนอยู่ในหัวของเธอ เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งฉู่อีอีจะคุกเข่าให้เธอ

 

 

           จะว่าไปการที่เธอเกลียดเธอขนาดนี้ทั้งหมดเพียงเพราะหลงรักเผยหนานเจวี๋ยเท่านั้น

 

 

           เฮ้อ ถอนหายใจเบาๆ อยู่ในใจ เรื่องในอดีตทั้งหมดนั้นเธอไม่ไปคิดถึงมันนานแล้ว สิ่งเดียวที่ปล่อยวางไม่ได้ก็คือการตายของลูกเธอ

 

 

           เธอไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับผู้ชายคนนั้นอีก…

 

 

           ขณะที่กำลังเหม่อลอย จู่ๆ ไม่รู้ว่ารถไปชนกับอะไรเข้าเสียงดังปัง ฉู่เจียเสวียนตกใจ เมื่อครู่เพราะ

 

 

ใจลอยฉะนั้นจึงไม่รู้ว่าไปชนกับอะไรเข้า

 

 

           เบรครถอย่างรวดเร็ว ลงรถต้องการจะตรวจดูสถานการณ์อย่างละเอียด เพิ่งจะปิดประตูรถ ทันใดนั้นข้างกายของฉู่เจียเสวียนก็มีผู้ชายร่างสูงใหญ่สองคนโผล่มา

 

 

           เมื่อเห็นทั้งสองคนที่ปรากฏตัวกะทันหัน ฉู่เจียเสวียนตื่นตระหนก สายตามองทั้งสองคนอย่างเตรียมพร้อมและระแวดระวัง เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสองคนนี้ เธอไม่สามารถสู้กับสองคนนี้ได้อย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นเธอจะต้องรับผลที่ตามมา

 

 

           “ทิ้งของมีค่าเอาไว้” จู่ๆ หนึ่งคนผู้ชายสองคนเอ่ยปากขึ้น มองดูฉู่เจียเสวียนพูดจาอย่างนักเลง น้ำเสียงดุร้าย

 

 

           โจรปล้นทรัพย์ แอบถอนหายใจในใจ “ได้ เงินอยู่ในนี้หมดแล้ว พวกแกเอาไปเลย” เปิดประตูรถ

 

 

ฉู่เจียเสวียนหยิบกระเป๋าสตางค์และหยิบเงินสดข้างในทั้งหมดออกมา ยื่นให้ทั้งสองคน

 

 

           เห็นได้ชัดว่าฉู่เจียเสวียนไม่ต้องการทำให้ทั้งสองคนรู้สึกขัดใจ ผู้ชายสองคนร่างกายกำยำแข็งแรง อีกทั้งเธอมั่นใจว่าผู้ชายทั้งสองคนนั้นไม่ใช่โจรกระจอกทั่วไปอย่างแน่นอน

 

 

           แทนที่จะเข้าไปยุ่งกับพวกเขา มันเป็นการดีกว่าที่จะคิดหาวิธีถอยห่าง

 

 

           มองดูฉู่เจียเสวียนที่ตรงไปตรงมา ผู้ชายทั้งสองคนมองหน้ากัน เข้าใจซึ่งกันและกันจากแววตา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ต้องการปล่อยฉู่เจียเสวียนไปทั้งแบบนี้

 

 

           “พี่ใหญ่ ผู้หญิงที่สวยและพูดจาตรงๆ แบบนี้เพิ่งเคยเจอครั้งแรกน่ะ พวกเราสองพี่น้องไม่ได้ลองของดีแบบนี้นานแล้วไม่ใช่เหรอ” ผู้ชายอีกคนกล่าว มองฉู่เจียเสวียนด้วยความมักมากในกาม

 

 

           แม่เจ้าโว้ย ผู้หญิงคนนั้นสวยมากจริงๆ นะ เห็นผิวพรรณที่ขาวใสของเธอ ดวงตาโตที่งดงาม ริมฝีปากแดงละเอียดอ่อนมีเสน่ห์ เขามองแล้วก็นึกอยากจูบ ถ้าหากได้จัดกับเธอสักครั้ง หึหึ คิดแล้วในใจก็รู้สึกตื่นเต้น

 

 

           ฉู่เจียเสวียนได้ยินคำพูดของคนนั้น ก้าวถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว สายตากวาดมองรอบตัว

 

 

บ้าจริง ที่นี่เปลี่ยวแบบนี้ รถสักคันคนสักคนก็ไม่มี เธอต้องทำอย่างไรดี

 

 

           กำหมัดแน่น ฉู่เจียเสวียนคิดจะลงมือกับพวกเขาช่วงที่พวกเขาเผลอ แล้วหนีไปอย่างรวดเร็ว ไม่เช่นนั้นเธอหนีไม่รอดแน่

 

 

           รอบตัวว่างเปล่า แม้แต่อาวุธก็หาได้ยาก ดูท่าทางแล้ว สองคนนี้ตั้งใจเลือกสถานที่แบบนี้เพื่อลงมือ