ตอนที่ 864 อ้วนจนติดแหง็ก

เนตรเซียนทะลุสมบัติ

ตอนที่ 864 อ้วนจนติดแหง็ก

อู่อีไม่รีรอ ดูเหมือนเธอจะไม่สงสัยอะไรเลย โทรจัดการจองตั๋วทันที
ไม่นาน ก็มีข้อความตอบกลับมา อีก 1 ชั่วโมงครึ่งจะมีเที่ยวบินไปญี่ปุ่น
หยางโปต่อสายโทรหาลัวย่าวหัว จากนั้นก็ขึ้นรถแล้วรีบมุ่งหน้าไปสนามบินทันที !
……

หยางเต๋อเชิงไม่มีความสามารถพอที่จะได้รับความไว้วางใจและถึงกับไม่สามารถที่จะเข้าไปใกล้ที่พักของหยางโปได้  มันทำให้เขากังวลใจมาก  เมื่อเห็นเบลสันถูกจับตัวไป และครอบครัวของเขาก็ยังคงตกอยู่ในอันตราย เขาจึงไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย หากทำงานที่อู่อีมอบหมายให้สำเร็จไม่ได้ ผลลัพธ์ที่ตามมาของเขามันจะน่าสังเวชมากทีเดียว !

หยางเต๋อเชิงรู้สึกเสียใจขึ้นมาบ้างแล้ว ถ้าเขาไม่ไปหาเบลสันในวันนั้น อาจจะไม่มีเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นก็เป็นไปได้ ?

หลังจากครุ่นคิดเรื่องนี้มาทั้งวันทั้งคืนอยู่ที่บ้าน หยางเต๋อเชิงก็ยังคงตัดสินใจที่จะเสี่ยงเขาจะต้องไปขโมยของมาให้ได้  เขาจะรออีกต่อไปไม่ได้ เพียงแค่เขาทำเรื่องนี้เสร็จ  เขาก็จะพาน้องชายและน้องสาวหลบหนีไป !

หยางเต๋อเชิงรีบมาที่วิลล่า ที่นี่ถูกคุ้มกันอย่างแน่นหนามากกว่าเดิม  เดิมทีตอนที่เขาอยู่ในหงส์ฮวาถางก็มีสถานะไม่ได้ต่ำต้อย ถือว่าได้รับการยกย่องเป็นเจ้าแห่งความมั่งคั่ง  พี่น้องหลายคนต่างก็รู้จักเขาเช่นกัน !

ตอนที่เขาเดินมาถึงด้านนอกวิลล่า มีคนที่ยังจำเขาได้อยู่บ้าง ” บอสหยางคุณมาเยี่ยมอาจารย์ปู่เหรอ ! “
หยางเต๋อเชิงยิ้ม ” ไม่ไม่  ฉันอยากจะมาเยี่ยมอาจารย์ลุงน่ะ “

” งั้นคุณก็มาเสียเวลาแล้ว อาจารย์ลุงออกไปแล้ว  เกรงว่าจะกลับมาไม่ทันแล้วล่ะ ! ” ชายที่เป็นองครักษ์กล่าว

หยางเต๋อเชิงครุ่นคิดเล็กน้อยและรู้สึกดีใจขึ้นมาทันทีจะดีกว่าไหมถ้าไม่กลับมา ?

” ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปหาพี่ชายลัวก็แล้วกัน  เขาน่าจะอยู่ใช่ไหม ? ” หยางเต๋อเชิงกล่าว

” ผมไปรายงานให้คุณได้เท่านั้น คุณก็รู้ว่าทุกคนที่พักอยู่ข้างในนั้นมีแต่เจ้านาย ! ” ชายที่เป็นองครักษ์คนนั้นกล่าว

หยางเต๋อเชิงรู้ว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้มีตำแหน่งอะไรแล้ว จึงใจกว้างมีน้ำใจควักเงินออกมายื่นให้จำนวนหนึ่ง “ พี่น้องทุกคนทำงานกันหนัก นี่คือน้ำใจเล็กๆน้อยๆเอาไปดื่มชากัน ! ”

ชายคนนั้นยิ้มระรื่นเข้าไปรับเงิน “ บอสหยางเป็นเจ้าแห่งความมั่งคั่งจริงๆ ! ”
หยางเต๋อเชิงแสร้งทำเป็นเจ็บปวด ” ได้ของแล้วทำตัวเป็นเด็กดีกันหน่อย  รีบช่วยไปรายงานให้ฉันที ! “
ไม่นาน  หยางเต๋อเชิงก็ได้เข้าไปในวิลล่าและพบกับลัวย่าวหัวในห้องรับแขก

ลัวย่าวหัว มองเขาด้วยความแปลกใจ ” ทำไมคุณกลับมาที่นี่อีก ? “
หยางเต๋อเชิงยิ้มเก้อเขิน ” ถือโอกาสที่อาจารย์ลุงไม่อยู่  คุณลัวผมขอถามอะไรคุณหน่อยได้ไหม  ช่วยผมพูดกล่อมให้อาจารย์ลุงช่วยผมจัดการสักเรื่องหนึ่งได้ไหม ! “

ลัวย่าวหัวจ้องมองไปที่หยางเต๋อเชิง ” แล้วคุณต้องการทำเรื่องอะไรล่ะ ? “
หยางเต๋อเชิงครุ่นคิดเล็กน้อย ” เลขา ผมเป็นเลขาได้ คุณอย่าคิดว่าผมอ้วนนะ ผมคล่องแคล่วว่องไวมาก ก่อนหน้านี้เคยทำอะไรมามากมายหลายเรื่อง ผมสามารถช่วยอาจารย์ลุงเก็บกวาดเรื่องราวสัพเพเหระได้ อีกทั้งยังทำได้ดีอย่างแน่นอน ! “

ลัวย่าวหัวจ้องหน้าหยางเต๋อเชิง เขายิ้มและพูดว่า ” คุณนี่มันได้คืบจะเอาศอกจริงๆ เอาล่ะ เรื่องนี้ผมรู้แล้ว กลับไปผมจะไปพูดกับเขาเรื่องนี้ คุณกลับไปก่อนเถอะ ! “

ดูเหมือนว่า หยางเต๋อเชิงจะกลัวว่าลัวย่าวหัวจะไม่พูดถึงเรื่องนี้ จึงรีบหยิบของชิ้นเล็กๆออกมามอบให้เป็นสินน้ำใจ “ นี่คือเครื่องประดับชิ้นเล็กๆแขวนเอาไว้บนรถได้ ! ”

ลัวย่าวหัวรับของมา และสังเกตเห็นว่านี่คือพระสังกัจจายน์ที่ทำจากหยกมันแพะองค์หนึ่งมันดูดีมากเมื่อตรวจสอบอย่างละเอียด  ขอบของหยกขาวยังคงเป็นสีเหลืองอ่อนๆ นี่มันเป็นวัตถุโบราณเก่าแก่ชิ้นหนึ่งเลยก็ว่าได้ !

” ตกลง ผมจะช่วยคุณลองถามดู ” ลัวย่าวหัวตอบตกลงอย่างดีอกดีใจทันที

หยางเต๋อเชิงมีสีหน้าดูพึงพอใจมาก เขารีบลุกขึ้นยืนและกล่าวขอตัวว่า ” ถ้าอย่างนั้นขอบคุณคุณลัวมาก ผมจะรอฟังข่าวดี ! “

” คุณกลับไปก่อนเถอะ ” ลัวย่าวหัวกล่าว
เมื่อเห็นหยางเต๋อเชิงเดินออกไป  ลัวย่าวหัวก็โยนพระหยกในมือทิ้งและยิ้มเบาๆ พระหยกองค์นี้ไม่เลวจริงๆ ! แน่นอนว่าเขาจะพูดเรื่องนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าหยางให้ แต่หยางโปจะเห็นด้วยไหม เขาคงให้คำตอบไม่ได้ !

เมื่อหยางเต๋อเชิงเดินออกไป และเขาสังเกตเห็นว่าไม่มีคนอื่นๆอยู่รอบๆนี้ เขาก็รีบหลบเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในสวนด้านข้าง  การขอร้องให้ลัวย่าวหัวช่วยทำอะไรบางอย่างให้  มันเป็นเพียงแค่ข้ออ้างที่เขาจะเข้ามาก็เท่านั้น เป้าหมายที่แท้จริงของเขาคือ ต้องการเป็นโจรขโมยของสักครั้ง !

หลังจากซ่อนตัวอยู่ในสวน หยางเต๋อเชิงก็เงียบเสียงลง เขาต้องรอเวลาจนกระทั่งมืดก่อน

ถึงจะมีโอกาส เพราะเวลานี้ด้านนอกมีการตรวจตราอย่างหนาแน่น  พวกเขาเดินไปมารอบๆ

ทำให้เขาเคลื่อนไหวได้ไม่สะดวกมากนัก  โชคดีที่เขาอ้วนจึงไม่รู้สึกหนาวสักเท่าไหร่ แต่ตอนที่นั่งยองๆอยู่ในสวนขาทั้งสองข้างมีอาการเป็นเหน็บชา เขาจึงทำได้เพียงแอบขยับตัวเล็กๆน้อยๆและนั่งลง

รอจนกระทั่งมืด ความถี่ในการตรวจตราก็หละหลวม หยางเต๋อเชิงจึงรู้ว่าโอกาสมาถึงแล้ว !
ถึงแม้เขาจะไม่รู้แน่ชัดว่าหยางโปพักอยู่ในห้องไหน  แต่เขาเคยศึกษาแผนผังของวิลล่านี้มาก่อน และรู้ว่าหยางโปน่าจะพักอยู่ในห้องนอนทางทิศใต้ เขาหลบอยู่ในห้องที่มีแสงสว่างจึงสังเกตเห็นว่ามีหน้าต่างครึ่งบานเปิดออกอยู่ห้องที่อยู่ชั้นล่าง เขาจึงเดาว่า อาจมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นห้องของหยางโป !

เมื่อคิดถึงตรงนี้ หยางเต๋อเชิงก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย  เขาเป็นคนอ้วนที่มีความว่องไวมาก

มือทั้งสองจับอยู่ที่ขอบหน้าต่าง ขาทั้งสองข้างของหยางเต๋อเชิงถมึงทึงพยุงตัวอยู่บนพื้น จากนั้นก็ปีนขึ้นไป

หน้าต่างมั่นคงแต่ดูค่อนข้างแคบอย่างเห็นได้ชัด หยางเต๋อเชิงเบียดตัวเข้าไปด้านใน โดยยัดหัวเข้าไปก่อน จากนั้นก็ตามมาด้วยไหล่ แต่เมื่อคิดจะยัดตัวเข้าไปอีก ก็ติดแหง็กอยู่ตรงนั้น !

หยางเต๋อเชิงหันกลับมามองท้องใหญ่ๆของตัวเอง อดไม่ได้ที่จะท้อใจ ท้องของเขาใหญ่เกินไป

มันค่อนข้างลำบากจริงๆ ! แต่เมื่อนึกถึงน้องชายกับน้องสาวที่อยู่ที่บ้าน หยางเต๋อเชิงก็ทำได้เพียงจับขอบหน้าต่างแล้วยัดตัวเข้าไปข้างในต่อ !

หน้าท้องที่เต็มไปด้วยเนื้อ  เวลาปกติที่ขยับไปมาอย่างนุ่มนิ่ม มันสามารถขยับขึ้นลงได้ แต่เมื่อตอนที่อยากจะเบียดตัวเข้าไปจริงๆ ก็พบว่า มันค่อนข้างที่จะใหญ่เกินไป !

หยางเต๋อเชิงอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาไหลออกมา  ร่างกายของเขาติดอยู่ตรงกลางหน้าต่างและไม่มีช่องว่างให้ขยับตัวได้เลย ตอนนี้เขาทำได้เพียงแค่อยากจะถอยกลับออกไปเท่านั้น !

หน้าต่างติดอยู่ระหว่างซี่โครงทำให้เขาอยากจะถอยกลับแต่ไม่มีทางเป็นไปได้เลย !
ตอนนี้ หยางเต๋อเชิงคิดได้แต่เพียงว่า ขอให้มีคนมาพบเข้าโดยเร็วที่สุด !

แต่พอนึกขึ้นมาได้ว่าพอถูกพบเข้า เขาจะต้องถูกทุบตีอย่างหนัก  หยางเต๋อเชิงก็ยิ่งรู้สึกไม่ยินยอมขึ้นมาบ้างแล้ว เขาจึงไม่หยุดที่จะโยกตัวไปกลับ คิดที่จะพาตัวเองออกไป แต่กลับไม่มีทางเป็นไปได้เลย !
ต่อมาก็มีลำแสงเจิดจ้าส่องมาจากด้านหลังเขา หยางเต๋อเชิงหลับตาลง  จบเห่แน่ๆ…

เครื่องบินกำลังจะออกบิน  หยางโปนั่งอยู่ในชั้นธุรกิจ เขาได้เหลือบมองไปที่อู่อี เธอหันมาส่งยิ้มให้ หยางโปเล็กน้อย ” ฉันขอนอนพักก่อนนะ ! “

อู่อีดูเหมือนจะง่วงนอนมาก เพิ่งจะพูดจบได้ไม่ทันไรก็นอนหลับไปซะแล้ว
หยางโปพอจะเข้าใจความกดดันที่เธอได้รับ  แต่อู่อีก็ดูเหมือนจะไว้วางใจเมื่ออยู่ข้างกายเขามาก    ทั้งสองยังคงถือว่าเป็นศัตรูต่อกัน แต่อู่อียังกล้าที่จะนอนหลับต่อหน้าเขา ความไว้เนื้อเชื่อใจนี้

ไม่ใช่ว่าใครๆก็จะมีกันได้ !

หยางโปลอบมองอู่อีอย่างละเอียดถี่ถ้วน จมูกโด่ง คิ้วโก่ง เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่งเลยทีเดียว แต่ให้ความรู้สึกกดดันมากเกินไป !

หลังจากบินมาสิบชั่วโมง  ในที่สุดเครื่องบินก็ลงจอด หลังลงจากเครื่องบิน หยางโปก็พบกับชายวัยกลางคนประมาณ 30 ปีคนหนึ่งมารอรับ

 

ชายคนนี้มีหนวดเคราสั้นๆ ใบหน้าดูหล่อเหลา  เมื่อเขาเห็นอู่อีและหยางโปเดินเรียงตามกันออกมา จู่ๆเขาก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย  พอเข้ามาใกล้ขึ้นชายคนนั้นก็ยิ้มและโค้งคำนับให้

” ยินดีต้อนรับคุณหนูอู่อีกลับบ้าน ! “