ตอนที่ 206 ทำร้ายคนเป็นคู่
เว่ยหมิ่นไม่ทันระวัง ถูกเหลียงอู๋เย่ว์จูบกลับ ตลอดทางก็หวานซึ้งกันอยู่เช่นนี้จนเข้าไปในวัง แม้แต่ไทเฮาก็รู้สึกถึงบางอย่าง จึงตรัสถามนางและเหลียงอู๋เย่ว์ขึ้นมา
เว่ยหมิ่นพูดจาอ้ำอึ้ง บอกเพียงว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ให้ไทเฮาไม่ต้องเป็นกังวลนัก
อย่างไรเสียไทเฮาก็เป็นป้าแท้ๆ ของนาง ความคิดของเว่ยหมิ่นนางจะดูไม่ออกได้อย่างไร เพียงแต่เรื่องชายหญิงนี้ที่สำคัญสุดก็ยังต้องให้ทั้งสองฝ่ายรักซึ่งกันและกัน อย่างไรเสียผู้หญิงก็หน้าบาง รุกอยู่ฝ่ายเดียวชั่วคราวยังพอได้ แต่การใช้ชีวิตนั้นเป็นเรื่องที่ต้องอยู่ไปทั้งชีวิต หากชายคนนี้ไม่ยอมรับผู้หญิงคนนี้ เช่นนั้นแล้วชีวิตของผู้หญิงคนนี้ก็จะลำบาก แต่นางดูออก เหลียงอู๋เย่ว์ปักใจกับเว่ยหมิ่น หาผู้ชายที่รักตัวเองพบย่อมดีเสียยิ่งกว่าอะไร เว่ยหมิ่นมีชีวิตที่ดีได้ นางก็ถือว่าหมดห่วงไปแล้วเรื่องหนึ่ง
ไทเฮาชี้ที่นั่งตรงข้ามให้เว่ยหมิ่นนั่งลง “ข้าขอถามเจ้า เมื่อไหร่เจ้าถึงคิดจะแต่งงานกับอู๋เย่ว์หรือ พ่อแม่เจ้าด่วนจากไป ผู้หญิงดีๆ คนหนึ่งต้องมาแต่งงานล่าช้ามาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้แต่ง ป้าอย่างข้าอับอายกับคำฝากฝังของพ่อเจ้าก่อนจะจากไปนัก ในเมื่อตอนนี้ก็มีคนในใจแล้ว แต่งงานเร็วๆ ก็ดี ฝั่งฮ่องเต้นั้น…จะได้ไม่ต้องกังวลอีก”
ตอนนี้ในวังวุ่นวายกันหมดแล้ว ไม่พูดถึงเฝิงเยี่ยไป๋แล้ว ตัวนางที่เป็นท่านหญิงนั้นก็อยู่อย่างไม่สงบนัก หากแต่งงานตอนนี้ ใครจะรู้ว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาอีก นางจิบชาแล้วยิ้มพูดว่า “ไฉนเสด็จป้าถึงได้รีบร้อนกว่าข้าเสียอีกเล่า รอให้เวลาผ่านไปอีกหน่อย… ข้าเป็นห่วงทางฝั่งพี่ชายนี้นัก พวกเรามอบราชโองการออกไปแล้ว ชีวิตก็อยู่ในกำมือของฮ่องเต้แล้ว เนื้อหาในราชโองการมีเพียงข้าและเสด็จป้าเคยได้อ่าน กลัวเพียงว่าฮ่องเต้จะคิดรีบฆ่าปิดปาก ตอนนี้กำลังวางแผนอยู่!”
มือของไทเฮาที่นับลูกประคำอยู่นั้นพลันชะงัก “เป็นไปไม่ได้กระมัง พระองค์คิดจะฆ่าคนปิดปาก ไม่กลัวพวกเราเปิดเผยเนื้อหาของราชโองการให้ทุกคนได้รู้หรือ ถึงตอนนั้นต่อให้พระองค์ฆ่าพวกเรา พระองค์ก็คงเป็นฮ่องเต้ได้อีกไม่นานแล้ว”
เว่ยหมิ่นพูดว่า “เสด็จป้า ท่านใช้ชีวิตอยู่ในวังนานเช่นนี้ ฮ่องเต้มีนิสัยเป็นอย่างไร ท่านยังไม่รู้อีกหรือ หากเขาคิดจะฆ่าพวกเราย่อมต้องเตรียมการเป็นอย่างดี จะรอให้พวกเราเปิดเผยเนื้อหาราชโองการให้ทุกคนได้รู้แล้วค่อยลงมือได้อย่างไร”
นิสัยของฮ่องเต้เขียนอยู่บนพระพักตร์ แต่แผนการล้วนอยู่ในใจ ไทเฮาจะไม่รู้ได้อย่างไร พอเว่ยหมิ่นพูดเช่นนี้นางก็เริ่มกังวลขึ้นมา “เช่นนั้นแล้วความหมายของเจ้าคือ…”
“สงบนิ่งดูความเคลื่อนไหวก่อนเถิดเพคะ หากเป็นท่านพี่ละก็ เกรงว่าคงจะมีแผนอยู่ก่อนแล้ว ตอนที่เขายังเรียนหนังสืออยู่ในวังนั้นก็แข่งขันกับฮ่องเต้ ตอนนี้อุตส่าห์เป็นโอกาสที่ทั้งสองคนจะได้สู้กันตรงๆ ทั้งสองฝ่ายจะต้องสู้สุดแรง เวลาเช่นนี้พวกเราก็อย่าได้สร้างความวุ่นวายเลยเพคะ”
ไทเฮาพยักหน้าเห็นด้วย
เว่ยหมิ่นเห็นว่าได้โอกาสเหมาะ จึงแกล้งทำเป็นถามโดยไม่ตั้งใจว่า “ข้าได้ยินว่าเฉินยางเรียนระเบียบอยู่กับเสด็จป้า เสด็จป้าให้นางอยู่ในวังได้อย่างไรหรือเพคะ”
ครั้นพูดถึงเฉินยางไทเฮาก็กริ้วขึ้นมา นางขยำผ้าแล้วทุบมุมโต๊ะอย่างแรง ตรัสอย่างโกรธแค้นว่า “เจ้าเด็กนี่ช่างไร้ระเบียบยิ่งนัก เห็นคนแล้วแม้แต่ทักทายยังทำไม่เป็น เยี่ยไป๋เป็นผู้สืบทอดตระกูลเฝิงเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ เรื่องแต่งงานมีภรรยานั้นก็ยิ่งต้องระมัดระวัง แต่เจ้าเด็กนี่ข้ายิ่งดูก็ยิ่งไม่พอใจ เฝิงเยี่ยไป๋ก็ดันไม่ยอมปล่อยมือนางไป ข้าจึงได้แต่ให้นางอยู่ในวังแล้วให้หงอวี้สอนระเบียบนางด้วยตัวเอง ไม่เช่นนั้นแล้ววันหลังนางจะยิ่งไม่เห็นใครอยู่ในสายตาอีกเลยหรือ”
เว่ยหมิ่นได้ยินก็นึกโทษตัวเอง หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ตอนนั้นไยต้องปากมากพูดกับไทเฮาเรื่องที่ว่าเฉินยางเป็นคนโง่ด้วย ตอนนี้คนก็หายดีแล้ว ไม่ต่างอะไรจากคนปกติ แต่ในใจไทเฮาต่อต้านไปแล้ว อย่างไรเสียก็ไม่ยอมแสดงสีหน้าที่ดีกับเฉินยาง พอได้ยินเหลียงอู๋เย่ว์กลับมาเล่าให้นางฟังอีกว่าพระนางถึงกับมีความคิดที่จะแยกสามีภรรยาให้ออกจากกัน คราวนี้ก็กลายเป็นเรื่องขึ้นมาเสียแล้ว