บทที่ 348 ทำไมท่านประธานเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 348 ทำไมท่านประธานเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
เส้นหมี่ถูกนำตัวกลับไปยังโรงเลี้ยงสุนัขอีกครั้ง

“ใช้โซ่ตรวนไว้”

เมื่อมาถึง ผู้ชายที่มีกลิ่นอายสังหารเต็มตัวลากเธอลงจากรถ จากนั้นก็สั่งให้ลูกน้องหาโซ่ล่ามเธอไว้

เส้นหมี่รู้สึกหวาดหวั่น ดิ้นรนสุดเต็มกำลัง“แสนรัก นายจะทำอะไร ฉันไม่ใช่หมานะ ขังฉันไม่ได้นะ”

“ไม่ผิดหรอก คุณๆไม่ใช่หมา แต่เป็นอาหารหมา เส้นหมี่ ผมขอเตือนประโยคสุดท้ายกับคุณนะ ถ้าคุณยังก่อเรื่องอีก ผมรับรองว่าคนที่เป็นอาหารหมา จะไม่ใช่คุณพียงคนเดียว”

เขาบีบข้อมือเธอแรงๆ มองด้วยใบหน้าถมึงทึง คล้ายกับจะถลกหนังเธอก็ไม่ปาน

เส้นหมี่เห็นแล้ว จากนั้นระงับเพลิงโกรธตอนอยู่ที่บ้านตระกูลลัดดาวัลย์ ตอนนี้ได้ระเบิดออกมาแบบไม่ยั้งแล้ว

“ดี แล้วคุณจะขังฉันทำไม แน่จริงก็โยนฉันให้หมากินตอนนี้เลยสิ ขังทำไมอีก?เปลืองอาหารคุณเปล่าๆ สับฉันตอนนี้เลยไม่ดีกว่าเหรอ”

เธอตวาดเสียงออกมาเต็มที่ เพราะความเคียดแค้นและความเสียใจ ทำให้เธอสั่นเทาด้วยร่างกาย กระทั่งดวงตาก็เผยเส้นเลือดขึ้นมา

ทว่าแววตาแสนรักยังคงเย็นยะเยือก มืดครึ้มจนน่ากลัว

ทว่าสิ่งที่แปลกก็คือ เขาไม่ได้ระบายออกมา

“เอาตัวเธอเข้าไป”

“ครับ ท่านประธาน”

คนเลี้ยงสุนัขที่เอาโซ่มา รีบเข้าไปจับตัวเธอ เตรียมนำตัวเข้าไปกักขังด้านในบ้าน

แต่เส้นหมี่ยอมเสียที่ไหน?

ตอนนี้เธอรับรู้ว่าผู้ชายไม่ได้สงสารเธอเลยสักนิด เขากลับไปอยู่ในช่วงที่เกลียดชังและรังเกียจเธอ เขามีคนในดวงใจของเขา ส่วนเส้นหมี่อย่างเธอ

คือคนที่เขาไม่อยากเห็นหน้ามากที่สุด

เส้นหมี่ต่อต้านสุดฤทธิ์ ตอนที่คนเลี้ยงสุนัขจะเดินเข้ามาหา เธอก็ก้มหน้ากัดแสนรักที่ยังคงจับข้อมือเธอไว้

“โอ๊ย…”

แสนรักไม่ได้ระวังตัว ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บ ก่อนจะสะบัดมือเธอทิ้ง

เส้นหมี่เห็นก็รีบยกเท้าวิ่งหนี

“ท่านประธาน เธอ…หยุดเดี๋ยวนี้นะ”

คนเลี้ยงสุนัขเห็นภาพนี้ ก็รีบถือโซ่แล้วไล่ตามด้วยความร้อนใจ

ผลสุดท้าย เส้นหมี่ยังวิ่งไม่ถึงห้าสิบเมตร ก็ได้ยินเสียงแหวกลมกลางอากาศ จากนั้นท้ายทอยก็โดนโซ่หนาและหนักกระแทกใส่

“อ๊าก…”

เธอเกือบไม่ทันส่งเสียงด้วยซ้ำ เธอวูบดับลงพื้นทันที

แสนรักหันไปเห็นภาพนี้ก็อึ้ง

จนกระทั่งเห็นรอยที่ท้ายทอยเส้นหมี่ เขาจึงเหมือนพึ่งตื่นจากฝัน ดวงตาขดเกร็ง รีบวิ่งเข้าไป

“เส้นหมี่ คุณเป็นอะไรบ้าง”

เขานั่งยองๆด้านข้างเธอ เพียงหนึ่งวินาที ใบหน้าหล่อเหลาก็ซีดขาวจนไร้เส้นเลือด

คนเลี้ยงสุนัขเห็นสถานการณ์ไม่เข้าท่า จึงอธิบายด้วยความหวาดกลัว“ท่านประธานครับ ผม…ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมเห็นเธอจะ…”

“นายอยากตายใช่ไหม”

ตะคอกเสียงใส่อีกฝ่ายสุดเหวี่ยง คนเลี้ยงสุนัขไม่ทันเห็นการเคลื่อนไหวของท่านประธาน ซอกคอของเขาก็รู้สึกปวดรุนแรง เพราะโซ่ตัวนั่นได้ฟาดใส่เขาแรงๆแล้ว

เขากระอักเลือดสดออกมาทันที

“ท่านประธาน…”

คนเลี้ยงสุนัขยังไม่ทันเข้าใจว่าทำไม ท่านประธานถึงเปลี่ยนนิสัยจากหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้?ไม่ใช่ว่าท่านต้องการเอาผู้หญิงคนนี้ไปเป็นอาหารสุนัขหรอกหรือ?

แล้วทำไมถึงตีไม่ได้?

เส้นหมี่ก็คาดไม่ถึงว่า สุดท้ายแล้วตัวเองไม่ได้ตายในเงื้อมมือของแสนรัก แต่กลับเป็นโซ่ล่ามหมาแทน

“แค่กๆๆ”

“ฟื้นแล้ว?”

ตอนที่เส้นหมี่ลืมตา รู้สึกว่าโลกหมุนติ้วไม่หยุด เธอรู้สึกคลื่นไส้จนอยากอ้วก

และมีธนาตย์มองด้วยแววตาเย็นเยียบอยู่ด้านข้าง

ไม่ง่ายเลยกว่าเส้นหมี่จะรู้สึกดีขึ้น จากนั้นจึงจะเห็นหน้าคุณเป็นลุง

“คุณลุง ทำไมอยู่ตรงนี้ล่ะ หนู…อยู่ไหน?”

เธอมองสำรวจรอบทิศด้วยความอ่อนเปลี้ยเพลียแรง จึงรู้ว่าตัวเองเหมือนไม่ได้อยู่ในโรงเลี้ยงสุนัข แต่นอนอยู่ในบ้านเก่าคร่ำครึหลังหนึ่ง

นี่มัน……?

ทันใดนั้นเธอก็เห็นแจกันดอกไม้ริมหน้าต่าง และยังมีเกียรติบัตรชื่อเธอแขวนไว้บนผนังมากมาย

“อยู่ไหนเหรอ? ในนรกไง”

ธนาตย์ไม่สบอารมณ์ยิ่ง เมื่อได้ยินหลานสาวตื่นมาก็ตั้งคำถามนี้ จึงแย้งกลับด้วยประโยคแรงๆ

เส้นหมี่จึงไม่กล้าพูดต่อ

ลุงของเธอคนนี้ หลังจากที่ลูกสาวของท่าน แต่งฝันตายจากโลกไป เป็นครั้งแรกที่มาเยี่ยมเธอด้วยตัวเอง มันเป็นสิ่งที่ประเสริฐสุดแล้ว เธอรู้สึกซาบซึ้งมาก ไม่กล้าคาดหวังสิ่งใดอีก?

บรรยากาศทั้งสองคนจึงมีความเงียบเข้ามาบดบัง

“ธนาตย์ ทำอะไรอยู่ด้านบน ยังไม่รีบเสนอหน้ามากินข้าวอีก”

ทันใดนั้นคุณป้าสาธินีก็ส่งเสียงด่าขึ้นมา

เส้นหมี่ได้ยิน นิ้วมือแข็งค้างและซีดขาวอย่างควบคุมไม่ได้

เธออยู่ที่บ้านตระกูลอัครนันท์จริงๆด้วย

เกิดอะไรขึ้น?ทำไมเธอถึงมาอยู่ตรงนี้?

เธออยู่ที่โรงเลี้ยงสุนัขไม่ใช่เหรอ?

เส้นหมี่รู้สึกสับสนวุ่นวาย

“ถ้าไม่อยากตายก็นอนอยู่ที่นี่ดีๆ ตอนนี้แสนรักไม่ใช่คนเดียวแล้ว ครั้งนี้รอดมาได้ แต่ก็ไม่ใช่จะรอดเสมอ”

ก่อนธนาตย์จะออกไปได้ทิ้งประโยคแบบนี้ไว้ให้เธอ