ตอนที่ 541 หลิวเย่

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 541 หลิวเย่

หลังจากที่อันอิงเฉิงมีอายุมากขึ้นก็มักชื่นชอบวิชาปรุงยาเป็นพิเศษ กอปรกับหลิวเย่เพิ่งรักษาโรคให้อันหลิงอีไป เมื่อเป็นเยี่ยงนี้เขาจึงยิ่งต้อนรับหลิวเย่ประดุจแขกเลยทีเดียว

เมื่ออันหลิงอีอาการดีขึ้นแล้ว อันอิงเฉิงก็ส่งคนไปตามผู้แจ้งข่าวยังจวนอ๋องมู่ให้กลับมา โชคดีที่คนผู้นั้นเจอกับความยุ่งยากระหว่างทางจึงมิได้เจอกับอันหลิงเกอ

หลังจากที่อันอิงเฉิงทราบเรื่องก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เยี่ยงนี้จะได้มิต้องทำให้บุตรีคนโตเป็นกังวลอีก

พริบตาเดียวก็ถึงวันที่อันหลิงเกอต้องกลับมาเยี่ยมจวนโหว ซึ่งอันอิงเฉิงและอันหลิงอีก็เตรียมต้อนรับไว้แล้ว

อย่างไรบัดนี้อันหลิงอีก็ได้กลับมาจวนโหวย่อมทำตัวว่านอนสอนง่ายเป็นธรรมดา

“ท่านพ่อ เหตุใดจึงมารอข้างนอกเจ้าคะ ? ” อันหลิงเกอลงจากรถม้า จากนั้นก็รีบเข้ามาควงแขนของอันอิงเฉิงที่กำลังเอ่ยทักทายทันที ส่วนอันหลิงอีนั้น นางเพียงชำเลืองตามองเล็กน้อยเท่านั้น

“เข้าไปข้างในกันเถิด” สองพ่อลูกเดินคุยไปพลางหัวเราะไปอย่างสนุกสนานจนถึงห้องโถงใหญ่ ตามหลังมาด้วยอันหลิงอีและหลิวเย่

หลังนั่งลงและพูดคุยกันได้มิกี่ประโยค พออันอิงเฉิงเห็นหลิวเย่จึงนึกได้ว่าต้องแนะนำให้อันหลิงเกอรู้จัก

“นี่คือหลิวเย่ เมื่อหลายวันก่อนอีเอ๋อเกิดป่วยกะทันหันก็ได้เขามาช่วยรักษา” อันอิงเฉิงกล่าวแล้วหัวเราะออกมา

ทุกครั้งที่นึกถึงตอนเดินชนกับหมอเทวดาผู้นี้ก็อดมีความสุขขึ้นมามิได้ “เจ้าอย่าเพิ่งมองว่าเขาอายุยังน้อยเพราะวิชาแพทย์ของเขานั้นสูงมิใช่เล่น”

“มิบังอาจ มิบังอาจขอรับ” หลิวเย่รีบปฏิเสธทันทีแต่แววตากลับจ้องมองไปที่อันหลิงเกอ

“เจ้ายังถ่อมตัวเช่นเดิม มิต้องถ่อมตัวหรอก ทำตัวตามสบายเถิด” อันอิงเฉิงกล่าวกับหลิวเย่และยังอดชื่นชมอยู่ในใจมิได้

อายุยังน้อยแต่วิชาแพทย์สูงส่ง มิใจร้อน มิอวดเก่ง อ่อนน้อมถ่อมตนมีมารยาทจึงคุ้มค่าที่จะยกย่องและก็คุ้มค่าที่จะให้ความสำคัญ

“ขอบพระคุณท่านหมอหลิวเย่” อันหลิงเกอเอ่ยแม้มองออกว่าหลิวเย่ผู้นี้แกล้งสวมรอยเป็นท่านหมอ

เหตุใดนางมิรู้จักหลิวเย่ตัวจริงกันเล่า หลิวเย่คนนี้แววตามิซื่อตรง หากเป็นหลิวเย่ตัวจริงจะมิรู้จักนางได้เยี่ยงไร ?

ครั้งแรกที่นางได้เรียนรู้วิชาแพทย์ก็ได้รู้จักกับคนแซ่หลิวในเมืองและมักไปเยี่ยมเยือนอยู่บ่อยครั้ง

แม้หลิวเย่ผู้นี้มีความคล้ายคลึงกับหลิวเย่ผู้นั้น แต่ก็มิใช่คนเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด

ราวกับตระหนักได้ถึงความมิพอใจของอันหลิงเกอ อันอิงเฉิงจึงอดเป็นกังวลมิได้ เขามิได้กล่าวอันใดให้มากความอีก

“ได้ยินชื่อเสียงมานานว่าพระชายามู่มีรูปโฉมงดงามและโดดเด่นมากในหมู่ผู้คน วันนี้ได้ประจักษ์แก่สายตาช่างสมคำร่ำลือจริงขอรับ” หลิวเย่ยิ้มอย่างประจบ ในขณะที่กล่าวก็ยกถ้วยชาที่อยู่ข้างกายเดินไปหาอันหลิงเกอ “วันนี้หลิวเย่ชาวบ้านธรรมดาขอใช้น้ำชาแทนสุราเพื่อแสดงความเคารพต่อพระชายาหนึ่งจอกขอรับ”

อันหลิงเกอมองไปยังถ้วยชาที่หลิวเย่ยื่นออกมา จากนั้นก็รับไว้เพราะเห็นแก่หน้าของอันอิงเฉิง แต่ในตอนนั้นนางก็สัมผัสได้ถึงหนอนกู่ในร่างกายที่กำลังปั่นป่วนจึงเกิดความสงสัยขึ้นในใจแล้วยื่นมือออกมาวัดชีพจรของตนอย่างเงียบ ๆ

หนอนกู่ตัวนี้ถูกเลี้ยงอยู่ในร่างกายมาเนิ่นนาน มันจึงค่อย ๆ คล้อยตามนาง อย่างน้อยก็ไวต่อพิษได้ดีทีเดียว

“ท่านเกรงใจเกินไปแล้ว ทว่าช่วงนี้ข้านอนมิค่อยหลับจึงงดดื่มชาชั่วคราว” อันหลิงเกอเอ่ยด้วยท่าทางเกรงใจและห่างเหินมาก นางใช้มือกดบนขมับของตนเบา ๆ

นัยน์ตาของหลิวเย่พยายามข่มความเคร่งขรึมไว้ ก่อนเสแสร้งวางถ้วยชาลงด้วยความขมขื่น “เพราะข้าน้อยมิเจียมตนเกินไปขอรับ”

“เจ้านอนมิหลับหรือ ? เหตุใดมิเคยเอ่ยเรื่องนี้ มิสู้ให้เขาตรวจดู พอดี…” อันอิงเฉิงได้ยินว่าอันหลิงเกอนอนมิหลับจึงปวดใจมิน้อย

“มิเป็นไรเจ้าค่ะ ช่วงนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย ได้พักผ่อนสักหน่อยก็คงดีขึ้นเจ้าค่ะ” อันหลิงเกอปฎิเสธเรื่องที่จะให้หลิวเย่มาช่วยตรวจอาการอย่างนุ่มนวล

เดิมทีนางนอนหลับสนิทดี เพียงแต่มิอยากให้หลิวเย่มาตรวจอาการเท่านั้น

เมื่อนึกถึงเรื่องที่อันอิงเฉิงเล่าตอนรู้จักกับหลิวเย่ครั้งแรกและสัมผัสได้ว่าหนอนกู่เกิดความปั่นป่วน อันหลิงเกอจะมิรู้สึกแปลกใจได้เยี่ยงไร นางเกิดความสงสัยหลิวเย่ผู้นี้มากด้วย

แม้กล่าวว่าหลิวเย่สามารถรักษาอาการป่วยของอันหลิงอีได้ แต่ในตอนที่อันอิงเฉิงแนะนำหลิวเย่ให้รู้จักกับอันหลิงเกอเมื่อครู่ นางกลับสัมผัสได้ว่าหนอนกู่ปั่นป่วนและมิสงบอย่างเห็นได้ชัด

ดังนั้นหลังทานมื้อค่ำเสร็จ อันหลิงเกอก็ตั้งใจไปยังห้องหนังสือของอันอิงเฉิง ระหว่างทางนางมิเห็นร่องรอยของหลิวเย่เลยจึงทำให้อันหลิงเกอมิวางใจมากขึ้นไปอีก

“ท่านพ่อ ลูกมีเรื่องอยากเรียนท่านพ่อเจ้าค่ะ” อันหลิงเกอผลักประตูเข้าไปแล้วก็ตรงเข้าประเด็นทันที

“เป็นอันใดหรือ ? มีเรื่องอันใดจึงต้องมาบอกพ่อกลางดึกเยี่ยงนี้ ? ” อันอิงเฉิงได้ยินบุตรสาวกล่าวเยี่ยงนี้จึงคิดว่าต้องมีเรื่องเกิดขึ้นแน่ เขาจึงรีบเอ่ยถาม

ตอนนี้เขาเชื่อใจบุตรีผู้นี้เป็นอย่างมาก

“ท่านพ่อ หลิวเย่ที่ท่านแนะนำให้ลูกรู้จักในวันนี้ ดูเหมือนเขามิได้…บริสุทธิ์เลยเจ้าค่ะ เรื่องนี้มันมิง่ายเลย” อันหลิงเกอกล่าวอย่างรวบรัดชัดเจน

แม้อันหลิงเกอมิรู้ว่าควรเล่าถึงสาเหตุที่ตนรู้จักหลิวเย่ตัวจริงออกไปอย่างไร แต่เมื่อกล่าวออกมาเยี่ยงนี้ก็ถือว่าชัดเจนมากแล้ว

พอได้ยินเยี่ยงนี้ก็บีบหัวใจของอันอิงเฉิงให้ตื่นตัวมากทีเดียว อย่างไรบุตรสาวก็มิมีวันพูดเหลวไหลแน่นอน ดังนั้นเขาจึงอยากรู้ว่าเรื่องเป็นมาเยี่ยงไร

“เจ้าบอกพ่อมา เหตุใดเจ้าจึงรู้สึกเช่นนี้ ? ” อันอิงเฉิงนั่งลงและถามทันที

“หลิวเย่ผู้นี้มิรู้ว่าเป็นคนเยี่ยงไร รู้เพียงว่าเป็นหมอเท้าเปล่าแต่ตอนที่ลูกเจอเขากลับทำให้หนอนกู่ที่อยู่ในตัวลูกเกิดการปั่นป่วนอย่างเห็นได้ชัด มีแต่มันเท่านั้นที่สัมผัสได้ถึงพิษหนอนกู่ของผู้อื่นและถ้าสัมผัสได้มันจะมีอาการเยี่ยงนี้เจ้าค่ะ” สีหน้าของอันหลิงเกอเคร่งขรึม มิได้เอ่ยเรื่องที่ตนรู้จักกับหลิวเย่ตัวจริงแต่อย่างใด

อันอิงเฉิงรู้สึกว่าดูถูกเรื่องนี้มิได้เสียแล้ว เพราะถึงอย่างไรก็เป็นพิษหนอนกู่

“ท่านพ่อเจ้าคะ วันนี้ลูกบอกเรื่องมากมายแก่ท่านก็เพื่อต้องการเตือนท่านให้ระวังหลิวเย่ผู้นี้ให้ดี หรือไม่ก็ให้ชิงลงมือก่อนเจ้าค่ะ” อันหลิงเกอเกิดความคิดที่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้เพราะมีเพียงคนตายเท่านั้นจะทำให้วางใจ !

อันหลิงเกอมิได้มีจิตใจโหดเหี้ยม เพียงแต่ภายใต้สถานการณ์เยี่ยงนี้ หากนางปกป้องตนเองและคนรอบข้างได้ก็จะทำ

“หมายความว่าอย่างไร ? แต่เขาก็มิได้ทำเรื่องชั่วช้า ในเวลาเดียวกันก็ยังรักษาน้องสาวของเจ้าจนหายดีด้วย” อันอิงเฉิงรู้สึกว่าการรุกรานโดยไร้เหตุผลเยี่ยงนี้มิดีเท่าไรนัก อีกทั้งก็มิรู้ด้วยว่าหลิวเย่เป็นคนเช่นไร

ได้ยินบิดาเกิดความลังเล นางก็ยิ่งร้อนใจเพราะอย่างไรก็มิใช่เรื่องเล็ก “ใช่เจ้าค่ะ ตอนนี้เขายังมิได้ทำชั่ว แต่ลูกรู้สึกว่าเขามีแผนการที่ใหญ่กว่านั้น พอถึงตอนนั้นหากควบคุมมิได้จะทำเยี่ยงไรเจ้าคะ ! ”

อันอิงเฉิงรู้ว่าที่บุตรสาวกล่าวมีเหตุผล เพียงแต่หลิวเย่ทำเรื่องได้มากมาย ทั้งตนก็หลงใหลในการปรุงยาและอีกฝ่ายก็เข้าใจวิธีการปรุงยาจึงยิ่งพึงพอใจมากทีเดียว

“ท่านพ่อ แล้วแต่ท่านว่าจะตัดสินเยี่ยงไร ลูกแค่คิดว่าหลิวเย่ผู้นี้ต้องสร้างปัญหาใหญ่เป็นแน่ ท่านพ่อต้องระวังตัวให้มากและจับตาเขาให้ดีเจ้าค่ะ ! ” อันหลิงเกอมิได้กล่าวอันใดอีก

“เข้าใจแล้ว คืนนี้พ่อจะไปทำเรื่องที่สมควรทำ ! ” อันอิงเฉิงกำหมัดแน่น หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเป็นปม

ครั้นบิดากล่าวเยี่ยงนี้อันหลิงเกอก็วางใจ หมอผู้นี้มีความสามารถและดูถูกมิได้เด็ดขาด ทุกอย่างล้วนต้องระมัดระวังให้มาก

กลางดึก อันอิงเฉิงก็ปกปิดใบหน้าด้วยผ้าสีดำเพื่อเตรียมลงมือสังหารหลิวเย่