ตอนที่ 739 ผสานจิตวิญญาณ

Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน

เหยาเฟิงที่เงียบไปนาน นางค่อยกล่าวเสียงเย็น “แบ่งปัน? หากเจ้า
แข็งแกร่งขึ้น จะเกิดอันใดหากเจ้าคิดพยายามบีบบังคับข้าออกไป
จากวิญญาณเทวะเก้าตะวัน?”
“หากข้าแข็งแกร่งขึ้น ข้าจะช่วยท่านคลายคำสาป!” ฉินหยุนกล่าว
“ข้าไม่คิดเชื่อ!” เหยาเฟิงไม่เชื่อฉินหยุนแม้แต่น้อย
“อย่างนั้นท่านก็ควรต้องเชื่อพี่ฉีโหรวหรือไม่ใช่?” ฉินหยุนบุ้ยปาก
“ข้าแบกรับภาระหนักหนาทุกชั่วขณะ! ภายหน้า ไม่เพียงแต่จะช่วย
พี่ฉีโหรวต่อสู้กับจักรพรรดิเซียนที่เป็นบิดา แต่ข้ายังต่อสู้กับจอม
จักรพรรดิอสูรเซียนเพื่อท่าน!”
“เหอะ หากเจ้าตื่นรู้ความทรงจำขึ้นมาและหนีหาย เสี่ยวโหรวก็ไม่
อาจทำอะไรเจ้าได้แล้ว!” เหยาเฟิงหัวเราะเสียงเย็น “นับว่าดีที่ข้าอยู่
ควบคุมวิญญาณเทวะเก้าตะวัน หากเจ้าคิดหนีหาย ก็อย่าได้คิดว่าจะ
เก็บมันไว้ได้!”
“ข้าหรือจะหนีหาย? พี่ฉีโหรวดีต่อข้าเป็นล้นพ้นยิ่งนัก!” ฉินหยุน
กล่าวไม่ยินดี “ช่างมัน ข้าไม่พึ่งท่านก็ได้!”
ฉินหยุนยืนขึ้น ปัดฝุ่นทรายสีดำตามตัวออก จากนั้นจึงใช้วิชาอัญเชิญ
ราชสีห์สวรรค์ ทำให้สามารถเรียกราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพทั้งสามตัว
ออกมาได้
ความจริงที่ว่าตัวเขายังสามารถอัญเชิญราชสีห์สวรรค์ มันทำให้ฉิน
หยุนอุ่นใจได้ไม่น้อย
ไม่นานนัก เขาจึงปล่อยจอมราชันดวงดาวอสูรออกมาก่อนจะทดลอง
ควบคุมอย่างลื่นไหล
นี่ถือเป็นสมบัติชิ้นสำคัญที่เป็นหลักประกันชีวิตของเขา!
“ฉินหยุน เจ้าทราบหรือไม่ว่าเหตุใดเย่ว์โยวจึงปล่อยคนมากมายเข้า
มา?” เหยาเฟิงเอ่ยถามขึ้น
“สาเหตุหรือ?” ฉินหยุนเองก็สงสัยเรื่องนี้ไม่ใช่น้อย
เย่ว์โยว ระดับการฝึกฝนอย่างไรก็สมควรทัดเทียมเซียน
หากนางออกไปจากเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬ นางย่อมต้องเข้าสู่
แดนเซียนอ้างว้าง ด้วยเหตุนั้น นางจึงเพียงพูดคุยผ่านเสียงสื่อสาร
“เพราะนางต้องการสร้างรากฐานกำลังขึ้น! เมื่อใดแข็งแกร่งขึ้น นาง
จะไล่ล้างสังหารไปยังแดนเซียนอ้างว้างเพื่อล้างแค้น!” เหยาเฟิงกล่าว
“ล้างแค้น? ต่อข้าอย่างนั้นหรือ?” ฉินหยุนขมวดคิ้ว
“นั่นไม่ใช่! ย้อนกลับไปตอนนั้น เจ้าเพียงใส่ร้ายต่อนาง เป็นผลให้
นางถูกศัตรูจากหลายกองกำลังบีบเค้นจนต้องถูกผนึกเอาไว้!”
“ครั้งนางหลบซ่อนในพระราชวังกวงหาน ทำให้สถานที่แห่งนั้นถูก
ปิดล้อมเอาไว้โดยหลายกองกำลัง! สุดท้ายแล้ว เย่ว์โยวยอมตกลง
ผนึกตนเองเอาไว้ที่นี่!”
“เหตุการณ์ครั้งนั้น กระทั่งเชิญตัวจักรพรรดิเซียนมาเป็นพยานยืนยัน
ถึงสถานที่แห่งนี้ ว่าจะเป็นการผนึกชั่วนิรันดร์จนกระทั่งตายตก แต่
แล้วตอนนี้ มันกลับเปิดขึ้นอีกครั้ง!” เหยาเฟิงนึกย้อนถึงเรื่องราวครั้ง
อดีต “ตอนนั้นตัวข้าเองก็อยู่ด้วย!”
ฉินหยุนขมวดคิ้วกล่าว “ที่แดนวิญญาณอ้างว้างแห่งนี้? เซียนทรงอำนาจ
หลายต่อหลายคนปรากฏตัวในแดนวิญญาณอ้างว้างได้อย่างไรกัน?”
“ในอดีต ทั้งแดนวิญญาณอ้างว้าง และแดนยุทธ์อ้างว้างต่างเป็นห้วง
มิติที่แข็งแกร่ง ดังนั้นจึงสามารถรองรับการเคลื่อนไหวของเซียน
หลายคนได้ ภายหลัง ทั้งแดนวิญญาณอ้างว้าง และแดนยุทธ์อ้างว้าง
ได้อ่อนกำลังลง พวกมันจึงไม่อาจต้านรับพลังอำนาจทำลายล้างของ
เซียนทั้งหลาย เหล่าเซียนจึงเริ่มถูกชักนำกลับสู่แดนเซียนอ้างว้าง!
ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของเก้าดวงตะวัน!” เหยาเฟิงกล่าว
ฉินหยุนจำได้ ว่าครั้งอยู่แดนเซียนอ้างว้าง เขาบีบบังคับให้ราชันยุทธ์
และขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ต้องเผ่นหนีมายังแดนวิญญาณอ้างว้าง
แห่งนี้
มันเป็นพลังอันลึกลับ!
ฉินหยุนยังจำได้ ถึงเรื่องราวที่เก้าดวงตะวันจะถูกทำลาย เพราะคำ
ทำนายได้กล่าวขานเอาไว้ ว่าเก้าดวงตะวันจะต้องร่วงหล่นลงมา
ฉินหยุนเวลานี้หันมองรอบ เลือกทิศทางหนึ่ง ก่อนจะวิ่งพุ่งไปอย่าง
เร็วรี่
รองเท้ากำราบมังกรยังคงมีประโยชน์มากล้ำ มันทำให้เขาสามารถใช้
ความเร็วสูง ออกวิ่งไปรวดเร็วประหนึ่งสายฟ้าได้
“เสี่ยวหยุน อย่าเพิ่งตื่นตระหนกไป เจ้าครอบครองวิญญาณยุทธ์ตะวัน
ทมิฬ มันสามารถทำให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นได้ อย่าได้หวาดเกรงจักรพรรดิ
พวกนั้นไป! พวกมันล้วนเป็นสวะตัวหนึ่ง!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าวให้
กำลังใจแก่เขายกใหญ่ “เจ้ามีข้าอยู่ ข้ารับประกันได้ ว่าเจ้าจะต้อง
แข็งแกร่งจนก้าวเหนือพวกมันได้!”
“หยุนเอ๋อ ไม่ใช่ว่าเจ้าหวาดกลัวเย่ว์โยวหรอกหรือ” ฉินหยุนยิ้มกล่าว
“นั่นเป็นกรณีพิเศษ! หากกำลังเจ้าทัดเทียมเย่ว์โยว เช่นนั้นข้าก็หาได้
หวาดเกรงนางไม่!” หลิงหยุนเอ๋อแค่นเสียงกล่าวตอบ
เขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬกว้างใหญ่ โดยเฉพาะกับทะเลทรายสีดำ
ซึ่งฉินหยุนติดอยู่ตอนนี้!
“บัดซบ วิ่งมาหลายวัน แต่แล้วยังไม่อาจหนีพ้นจากเขตทะเลทรายนี้
ได้!” ฉินหยุนนั่งกับพื้นทะเลทรายพลางบ่น
“ฉินหยุน ทะเลทรายนี้เป็นสถานที่อันตราย มันจะต้องมีอาคมวงกต
หรืออะไรทำนองนั้น หรือก็คือ เจ้าไม่อาจเคลื่อนไหวไปตามใจ
ไม่เช่นนั้น เจ้าจะไม่มีทางไปพ้นจากที่นี่!”
กลุ่มก้อนอากาศสีดำพลันปรากฏขึ้นตอนนี้ เหยาเฟิงปรากฏตัว
ฉินหยุนนึกขึ้นได้ ว่าที่นี่คือเขตแดนอ้างว้างที่สามารถกักขังเซียน
เหยาเฟิงเองก็เป็นถึงเซียน เพราะเหตุนั้นนางจึงออกมาได้
“พี่สาวเหยาเฟิง รบกวนท่านช่วยพาข้าออกไปแล้ว!” ฉินหยุนนอน
ทิ้งตัวกับพื้นอย่างหมดแรง “ให้ข้าสัญญาอันใดก็ได้ ข้ายินดีรับไว้!”
“สาเหตุว่าทำไมโม๋จีให้ข้าอยู่ในไข่มุกเม็ดที่สามของวิญญาณเทวะ
เก้าตะวัน นั่นก็เพื่อช่วยเสี่ยวโหรว! แต่วิญญาณเทวะเก้าตะวันกลับ
อยู่ในมือเจ้า!”
แม้ใบหน้าเหยาเฟิงมีแต่รอยแผลเป็น ทว่าดวงตาของนางงดงามอย่าง
ยิ่ง
“แต่วิญญาณเทวะเก้าจันทราอยู่ในมือพี่ฉีโหรวแล้ว…” ฉินหยุนกล่าว
“ข้าได้ยินว่าวิญญาณเทวะเก้าตะวันเป็นของจักรพรรดิเซียน และ
วิญญาณเทวะเก้าจันทราเป็นของโม๋จี!”
“วิญญาณเทวะเก้าตะวัน และวิญญาณเทวะเก้าจันทรา แต่เดิมครอบ
ครองโดยจอมจักรพรรดิเซียนอ้างว้าง และจอมจักรพรรดิอสูรเซียน!
ภายหลังถูกส่งมอบให้แก่โม๋จี สุดท้ายจึงตกอยู่ในมือของเสี่ยวโหรว!”
“ย้อนกลับไปครั้งแดนเซียนอ้างว้าง เสี่ยวโหรวระแวดระวังเจ้ามาก
นางทราบว่าเจ้ามีแต่เล่ห์กลชั่วร้าย แต่แล้วข้าไม่นึกฝัน ว่าเจ้าจะยังคง
คิดลวงหลอกนางจนถึงที่นี่!” เหยาเฟิงกล่าวโกรธเกรี้ยว พร้อมกันนี้
นางยังเอ่ยคำด้วยความสงสัยเปี่ยมล้น
“ข้าหาได้ลวงหลอกต่อพี่สาว เป็นนางจัดแจงให้ข้าทำทั้งสิ้น” ฉินหยุน
บอกเรื่องราวครั้งยังเด็กแก่เหยาเฟิง รวมถึงเรื่องเชี่ยวเย่ว์หลานและ
เชี่ยวเย่ว์เหม่ย
เหยาเฟิงพอได้ฟัง นางค่อยรู้สึก ว่านี่ต้องเป็นเซี่ยฉีโหรวชักใยให้
เกิดขึ้น
กระนั้น นางก็ยังคงไม่เชื่อฉินหยุนเช่นเคย
“ฉินหยุน ข้าสามารถช่วยเจ้าฝึกฝน! แต่เจ้าต้องผสานรวมจิตวิญญาณ
กับข้า!” เหยาเฟิงกล่าว
“ผสานรวมจิตวิญญาณ? นั่นเป็นวิชามารอันใด?” ฉินหยุนรู้สึกสังหรณ์
ถึงลางร้าย
“เป็นการผสานจิตวิญญาณของข้าและเจ้า นี่ก็เพื่อไม่ให้เจ้าก่อการไร้
ยางอายในภายหน้า! มันจะไม่ส่งผลกระทบใดต่อเจ้า และทำให้ข้า
สามารถลงทัณฑ์ต่อจิตวิญญาณเจ้าให้เจ็บปวดได้! และหากเจ้าตาย
ข้าก็จะต้องแบกรับผลย้อนกลับ โดยสรุปแล้วข้อดีส่วนใหญ่เอื้ออำนวย
แก่เจ้า!” เหยาเฟิงกล่าว
“อย่างนั้นท่านจะทราบความทรงจำในจิตสำนึกข้าด้วยหรือ?”
ฉินหยุนค่อนข้างกังวลต่อเรื่องนี้ โดยเฉพาะตั้งแต่ที่ปิงชิงเอารัดเอา
เปรียบต่อเขา เขาไม่คิดอยากให้ผู้อื่นทราบถึงเรื่องนี้
“ข้าไม่อาจทราบ! และข้าก็ไม่คิดอยากเห็นความทรงจำโสมมของเจ้า
ด้วย!” เหยาเฟิงกล่าว “ข้าเพียงทำเพื่อปกป้องตนเอง! เจ้ามีศักยภาพ
ให้เติบโต ตราบเท่าที่ข้าทำให้เจ้ากลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้ง ข้าจะ
ได้ควบคุมเจ้าให้ถอนคำสาปแก่ข้า!”
หลิงหยุนเอ๋อคิดไปครู่หนึ่ง จากนั้นนางค่อยให้ฉินหยุนตกลงรับ
ข้อเสนอของเหยาเฟิง
“ตกลงตามนั้น!” ฉินหยุนพยักหน้ารับ
“นอนลง อย่าได้ขัดขืน!” เหยาเฟิงกล่าว
เมื่อนอนลงแล้ว ฉินหยุนจึงผ่อนคลายทั้งร่างกาย
อย่างรวดเร็ว เขารับรู้ได้ว่าจิตวิญญาณเกิดการสั่นสะเทือน
เหยาเฟิงวางมือลงที่ศีรษะของเขา ผ่านไปนาน นางค่อยหยุดหลัง
ผ่านพ้นไปสามวัน
“เรียบร้อย!” เหยาเฟิงกล่าว “วางใจ เจ้าก็ยังเป็นเจ้า เป็นเพียงจิต
วิญญาณเจ้ามีข้อจำกัดอยู่บ้าง! ภายหน้า หากเจ้ากล้าทำอะไรต่อข้า
หรือมีความคิดชั่วร้าย ที่เจ้าต้องเผชิญคือความเจ็บปวดมหาศาล!”
“ภายหน้ามันสามารถถอนได้หรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“ย่อมทำได้!” เหยาเฟิงกล่าว นางหันมองไปยังทิศทางหนึ่ง “ข้าจะ
ชี้นำให้เจ้าออกไปพ้นจากทะเลทรายแห่งนี้!”
ฉินหยุนตื่นเต้นยินดีขึ้นมา “พี่สาวเหยาเฟิง สิ่งใดอยู่ภายในไข่มุกเม็ด
ที่สามของวิญญาณเทวะเก้าตะวัน?”
เหยาเฟิงมองฉินหยุนและกล่าว “รอจนกระทั่งเจ้าก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์
ลึกล้ำ! หากเจ้าคิดอยากทราบตอนนี้ เช่นนั้นจงก้าวขึ้นสู่ขอบเขต
วรยุทธ์ลึกล้ำเสียเดี๋ยวนี้!”
ฉินหยุนคร่ำครวญพลางเตะทรายระบายอารมณ์ ก่อนหน้า เขาคิดว่า
จะสามารถได้เห็นสิ่งของภายในหลังแปรเปลี่ยนจิตสู่จันทรา ทว่า
แท้จริงแล้วมันไม่อาจทำได้
กล่าวเรียบร้อย เหยาเฟิงจึงกลับเข้าสู่วิญญาณเทวะเก้าตะวันของฉิน
หยุน
ภายใต้นางชี้นำ ฉินหยุนจึงเริ่มออกวิ่งอย่างคลุ้มคลั่งในทะเลทราย
มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ได้รับการชี้บอก
“พี่สาวเหยาเฟิง ภูมิความรู้การฝึกฝนของจอมจักรพรรดิอสูรเซียนจะ
ช่วยข้าได้บ้างหรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“มันสามารถช่วยให้เจ้าฝึกฝนร่างเซียนอสูรที่แข็งแกร่งขึ้นได้!” เหยา
เฟิงกล่าว “แต่ตอนนี้ยังไม่เหมาะพูดกล่าวไป โดยสรุป ข้าจะช่วยให้
เจ้าแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทั้งหมดนี่ก็เพื่อตัวข้าเอง!”
ฉินหยุนยินดีไม่น้อย เพราะตอนนี้เหยาเฟิงไม่ใช่ดื้อรั้นเช่นแต่ก่อน
“พี่สาวเหยาเฟิง ท่านแข็งแกร่งยิ่ง หากข้าเผชิญหน้าอันตรายที่นี่ ท่าน
พอจะออกมาช่วยข้าได้หรือไม่?” ฉินหยุนพอคิดถึงเรื่องนี้ มันทำให้
เขาผ่อนคลายได้มาก
“ไม่ได้! ข้าไม่อาจใช้พลังจำนวนมากได้ ไม่อย่างนั้นแล้ว จอมจักรพรรดิ
อสูรเซียนจะรับรู้ถึงตัวข้า มันผู้นั้นหลับใหลเป็นเวลายาวนาน ตอนนี้
สมควรตื่นขึ้นมาแล้ว! ข้าไม่คิดอยากให้มันได้ทราบที่อยู่ข้า!” เหยา
เฟิงกล่าว
ฉินหยุนถอนหายใจภายใน ความยินดีเมื่อครู่สูญเปล่าแล้ว
ภายใต้เหยาเฟิงชี้นำ ฉินหยุนใช้เวลาเพียงหนึ่งวันจึงออกพ้นจาก
ทะเลทรายสีดำ
ภายนอกทะเลทราย มันคือผืนป่าเขียวขจี
เขาฮัมเพลงสุขอารมณ์ขณะเดินเข้าไปในป่า
กระนั้น ไม่นานหลังเข้าป่ า เขากลับได้เห็นบุคคลเส้นผมยุ่งเหยิงสวม
ใส่ชุดขนสัตว์
อีกฝ่ายคล้ายคนเถื่อน ดวงตาแดงก่ำ กล้ามเนื้อดูน่าหวาดกลัว ทั้งยัง
เผยออร่าสัตว์ดุร้าย
“ชายผู้นี้มีกำลังทัดเทียมขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ กระทั่งแปรเปลี่ยนร่าง
เป็นสัตว์!” หลิงหยุนเอ๋อร้องตะโกนดัง “มันเข้ามาแล้ว!”
“ควรสู้หรือ?” ฉินหยุนเร่งรีบถอย
“ไม่! หลบหนีก่อน นี่ต้องเป็นอาณาเขตของชายคนนี้ ใกล้เคียงอาจมี
คนเพิ่มขึ้นอีก!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “อีกฝ่ายไม่ใช่รับมือได้ด้วยง่าย!”
“เขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬช่างอันตรายนัก!”
ฉินหยุนกระโดดพรวดขึ้นสู่ยอดไม้ ก่อนจะกระโดดขึ้นฟ้าสูง จากนั้น
จึงเริ่มออกบินไปอย่างรวดเร็ว
คนเถื่อนยังคงไล่ตามหลัง
“บัดซบ หากยังไล่ตามข้าต่อ ข้าจะสังหารเจ้า!” ฉินหยุนหันไปตะโกน
“ผู้ที่จะสังหารเจ้าเป็นพวกเรา!” อย่างกะทันหัน คนเถื่อนอีกหนึ่งได้
ปรากฏตัวต่อหน้าฉินหยุน ที่ไล่หลังมาก็ตามทันแล้ว
เพียงอึดใจ กลุ่มคนเถื่อนนับสิบที่รูปลักษณ์คล้ายได้กันปรากฏตัวขึ้น
จากทั่วทิศ
ฉินหยุนถูกปิดล้อมเอาไว้แล้ว!
“นามเจ้าฉินหยุนใช่หรือไม่? นายท่านราชันอสูรได้บอกกล่าวให้
พวกเราจับตัว หากเจ้าไม่คิดอยากเจ็บตัว เช่นนั้นจงมากับพวกเรา!”
คนเถื่อนตรงหน้ากล่าวคำ
ไม่นานนัก กลุ่มคนเถื่อนนับร้อยชีวิตจึงปรากฏตัวคนแล้วคนเล่า!
“ผู้ใดคือนายท่านราชันอสูร?” ฉินหยุนเอ่ยถามอย่างสงบ
“ย่อมต้องเป็นนายท่านเย่ว์โยว!” คนเถื่อนกล่าวตอบ
“โอ้ เป็นนางนี่เอง! บอกต่อนาง ว่าโฉมงามเช่นนางสมควรต้องมา
เป็นนางสนมแก่ข้า!” หลังกล่าวคำจบ เขาจึงร่อนลงที่พื้นพร้อมใช้
ความสามารถเทวะทะลุทะลวง จมหายลงไปกับพื้นดิน
“เย่ว์โยวผู้นี้ นางคิดอยากเล่นเราจนตกตายเลยหรือยังไง?” ฉินหยุน
สบถเสียงเบา “ในเมื่อติดค้างนางไว้ตั้งแต่ชาติภพก่อน ก็จะไม่ขอรัง
ควานกับเรื่องนี้แล้วกัน!”
ที่บนยอดเขาสูง มันมีพระราชวังตั้งอยู่ เย่ว์โยวสวมใส่หน้ากากนั่ง
บนเก้าอี้ที่ในพระราชวัง
เบื้องล่าง เป็นคนเถื่อนที่ส่งต่อถ้อยคำของฉินหยุนมาให้
เย่ว์โยวไหวเส้นผมสีเงินของนางพลางมองที่หยางฉีเย่ว์ข้างกาย “เย่ว์
จี เจ้าเองก็ได้ยินใช่หรือไม่? ตัวบัดซบนั่นยังคงเป็นสุนัขที่คิดกินขี้
ของมันเองไม่เลิก! มันถึงขั้นคิดให้ข้าเป็นนางสนมอย่างนั้นหรือ?
ช่างฝันเฟื่อง!”
หยางฉีเย่ว์ส่ายศีรษะถอนหายใจ “ท่านไม่ควรพาเขาเข้ามา!”
“อย่าได้ห่วงไป ข้าไม่คิดสังหารมัน ข้าเพียงแต่จะให้มันได้รับทราบ
ถึงความเจ็บปวดทุกข์ทรมานที่ข้าต้องอดทนมานานนับหมื่นปี!” เย่ว์
โยวกล่าว
หยางฉีเย่ว์ถอนหายใจซ้ำอีกครั้ง “เย่ว์โยว ท่านควรหาทางรับมือกับ
ศัตรูท่านที่นี่! มันผู้นั้นคิดต้องการกลืนกินจันทราทมิฬ และจันทรา
ทมิฬนั่นก็เป็นความหวังในการสร้างพระราชวังกวงหานของเรา
ขึ้นมาใหม่!”