ตอนที่ 868 ต่างคนต่างความคิด

เนตรเซียนทะลุสมบัติ

ตอนที่ 868 ต่างคนต่างความคิด
ตอนที่ฝังเข็มจะต้องมีจิตใจที่สงบและมือที่มั่นคง
หลังจากที่หยางโปฝังเข็มเข้าไป พลังลมปราณในร่างกายของเขาก็หลั่งไหลเข้ามา พร้อมเนตรเซียนที่แทรกตามเข้าไปในเนื้องอกด้วย

เมื่อฝังเข็มแรกลงไป  ทานิกาวะก็ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ทำให้นามิและ

ทานากะที่อยู่ในห้องรู้สึกเครียดมาก !

หยางโปจับตาดูปฏิกิริยาตอบสนองของทานิกาวะ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไร
ผ่านไปไม่นาน  หยางโปก็หยิบเข็มที่สองขึ้นมาและค่อยๆฝังเข็มเข้าไปในจุดจิงหมิง

จุดจิงหมิง คือเส้นชีพจรทั้งห้าของมือเท้า  เส้นไท่หยาง เส้นหยางหมิง เส้นหยางเฉียวและ

เส้นหยินเฉียว  บริเวณที่ฝังเข็มเข้าไป คือทำไปเพื่อเปิดให้ช่องเล็กและช่องสำคัญของสมองปลอดโปร่ง พลังลมปราณไหลเข้าไปพร้อมกับเข็ม

ทานิกาวะมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับที่รุนแรงขึ้น เขาร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด !
เมื่อนามิเห็นท่าทางของทานิกาวะ ก็รู้สึกสงสารเธอหลับตาลงไม่กล้ามอง รีบหันตัวเอียงไปทางทานากะ
ทานากะรีบกอดนามิเอาไว้อย่างรวดเร็ว แต่ยังคงจับจ้องไปที่หยางโปตาเขม็งอย่างไม่ละสายตา

หยางโปชำเลืองมองไปที่ทานิกาวะที่อยู่ตรงหน้า เขาเห็นว่าเนื้องอกค่อยๆสลายหายไปตามลำแสงและพลังลมปราณที่ไหลเข้าไป แต่อัตราความเร็วในการย่อยสลายนั้นช้ามาก !

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง  หยางโปก็หยิบเข็มที่สามออกมาแล้วฝังเข็มเข้าไปในจุดเสินถิง

จุดเสินถิงเป็นจุดฝังเข็มที่สำคัญที่สุดในร่างกายมนุษย์ ดังนั้นการเคลื่อนไหวของหยางโปจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

โชคดีที่หยางโปสามารถมองเห็นทิศทางของเข็มได้อย่างชัดเจนและในไม่ช้าเขาก็ฝังเข็มเข้าไปในตำแหน่งได้  พลังลมปราณในร่างกายของเขาก็หลั่งไหลเข้าไปอีกครั้ง !

จากการฝังเข็มสามจุด หยางโปก็สัมผัสได้ว่า อัตราการสลายตัวของเนื้องอกกำลังเร็วขึ้น

แต่ความเร็วแบบนี้ยังน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับเนื้องอกทั้งหมด !

ทานิกาวะนอนอยู่บนเตียง ดูเหมือนถูกมดนับหมื่นตัวกัดอยู่ บนหน้าผากของเขาชุ่มเต็มไปด้วยเหงื่อ  มือทั้งสองข้างกำแน่น ผ้าปูที่นอนที่อยู่ใต้ร่างของเขาก็ยับยู่ยี่เพราะการดิ้นของเขา

นามิเห็นฉากแบบนี้ ดูเหมือนจะทนไม่ได้อีกต่อไป ซบหน้าเข้าอ้อมแขนของทานากะและเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา !

ทานากะกอดนามิเอาไว้และดูเหมือนจะมีท่าทีเขินอายไม่น้อย  หยางโปหันไปโบกมือให้เขา

” พาเธอออกไป ! “
“ ฉันไม่ออกไป ! ” นามิพูดค้าน

หยางโปหยุดการเคลื่อนไหวและหันไปจ้องมอง ” นี่คือข้อตกลงของเรา ห้ามส่งเสียงดัง ! “
นามิกัดฟันแน่นเพื่อไม่ให้ตัวเองส่งเสียงร้องไห้ออกมา !

หยางโปขมวดคิ้ว  จากนั้นก็หยิบเข็มขึ้นมา  อันที่จริงเข็มทั้งสามที่ฝังอยู่ก่อนหน้า เขาได้ใช้พลังงานลมปราณของเขาไปในปริมาณมากแล้ว มือขวาของเขาที่ถือเข็มอยู่จึงมีอาการสั่นเล็กน้อย

เขาชี้ไปที่จุดไป่ฮุ่ยและฝังเข็มเข้าไปทันที ! และถือโอกาสปล่อยพลังลมปราณสุดท้ายเข้าไปตามรอยของการฝังเข็ม หยางโปทำได้เพียงควบคมสายตาของเขาโดยไม่ให้สิ่งอื่นใดมากีดขวาง

แต่ทานิกาวะไม่สามารถทนได้อีกต่อไป  เขากรีดร้องเสียงดังออกมา ” อ๊าๆ ” อย่างเจ็บปวด !

ทานิกาวะเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของเขาดูหวาดกลัวเพราะความเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาของเขาเบิกกว้าง เข็มที่อยู่บนศีรษะดูเหมือนจะเป็นสีแดงเพลิง และมีเลือดคั่งที่ไหลซึมทะลุออกมาจากรูเข็ม !

นามิอดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว จึงส่งเสียงร้อง ” สะอื้น ” ออกมา  และทรุดลงไปกับพื้น
ทานากะจ้องมองทานิกาวะตาเขม็ง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนี่เป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายกันแน่ ?
……

อู่อีที่กำลังรออยู่ข้างนอกดูค่อนข้างกังวลอย่างเห็นได้ชัด เธอมองไปรอบๆ ผู้อาวุโสหลายท่านล้วนมีสีหน้าไร้ความปราณี !

อู่อีรู้ดีว่าตำแหน่งของตัวเองในกลุ่มอินากาวะ เธอเป็นเพียงลูกสาวนอกสมรสไม่ได้รับการยอมรับจากนามิ  แม้ว่าทานิกาวะจะดีกับเธอ แต่เธอก็ยังรู้สึกห่างเหินอยู่ไม่น้อย มันจึงทำให้ตำแหน่งที่เธอได้รับมานั้นดูคลุมเครือมาก

ในที่เกิดเหตุสุขภาพของทานิกาวะไม่ดี และอาจจะจากไปเมื่อใดก็ได้ หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเขา

เธอก็ไม่มีความแข็งแกร่งที่จะปกป้องหยางโปได้  มีความเป็นไปได้มากที่สุดคือ หยางโปอาจถูกมีดแทงจนตายโดยที่ไม่รู้ตัว !

ดูเหมือนว่าหลังจากผ่านการคัดเลือกมาแล้ว   แต่ในห้องจะเก็บเสียงได้ไม่ดีนัก พวกเขาสามารถได้ยินเสียงดังออกมาจากในห้อง ได้ยินเสียงร้องครวญครางอย่างเจ็บปวดของทานิกาวะ ความเชื่อมั่นที่อู่อีมีต่อหยางโปจึงลดลงไปบางส่วน

บรรดาผู้อาวุโสที่อยู่นอกห้อง ต่างพากันพูดไปต่างๆนานา เริ่มแรกพวกเขาไม่อยากเชื่อในความสามารถของหยางโป ในสายตาของพวกเขา หยางโปยังอายุน้อยเกินไปที่จะรักษาทานิกาวะได้ !

แน่นอนว่าพวกเขาต้องมีความคิดบางอย่างอยู่ในใจไว้อยู่แล้ว บางคนถึงกับมีความคิดที่ทะเยอทะยานมาก !

เสียงร้องที่ดังออกมาจากด้านในบวกกับเสียง ” สะอื้นไห้ ” ของนามิที่ดังออกมา ทุกคนต่างก็พากันลุกขึ้นยืน และถึงกับลืมคำสั่งของหยางโปไป ถีบประตูจนเปิดออกแล้วรีบวิ่งกรูกันเข้ามา !

” พี่ใหญ่ ! ”  คนๆหนึ่งคุกเข่าลงตรงหน้าเตียง พร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลทะลักออกมา !
” ทานิกาวะคุง  ทานิกาวะคุง  ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม ? ฉันจะฆ่าเขา  ฉันจะฆ่าเขา  พวกแกอย่ามาห้ามฉัน ! ” คนที่วิ่งตามเข้ามาคนนั้น ดูเหมือนจะบ้าคลั่งไปแล้ว !

ฉากนั้นวุ่นวายเล็กน้อย แต่คนที่อยู่ด้านหลังเห็นกันอย่างชัดเจน พวกเขาจึงทำการหยุดคนที่บ้าคลั่งที่คิดจะฆ่าหยางโปคนนั้นเอาไว้

ทานิกาวะเงยหน้าขึ้นมองพวกเขา  ตอนนี้เขาหมดเรี่ยวแรงไปแล้ว จึงทำได้เพียงพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบาๆว่า “ ออกไป ! ออกไป ! ”

เริ่มแรกทุกคนยังฟังไม่เข้าใจ แต่ไม่นานก็เข้าใจความหมายของทานิกาวะ อู่อีทำเสียงฮึดอัดไม่พอใจ “ พวกคุณจะทำอะไร ? ยังไม่รีบออกไปกันอีก ! ”

ผู้อาวุโสทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ จึงพากันทยอยออกไปทีละคน !
หยางโปรู้สึกหมดเรี่ยวแรงไปบางส่วน   ผ่านไปสักพักพอเขาฟื้นตัวกลับมาก็เห็นนามิลุกขึ้นยืนแล้ว  เธอจับมือของทานากะเอาไว้ แล้วยิ้มทั้งน้ำตา

หยางโปกวาดตามองไปรอบๆ และเห็นว่าทานากะมองมาทางเขาตลอดเวลา  ก็คิดไปเองว่านี่คงเป็นการกระทำโดยที่ไม่รู้ตัวของพวกเขา เขาจึงไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ

 

หลังจากฟื้นพลังกลับมาได้บางส่วน  หยางโปก็ได้ถอดเข็มทั้งสี่ออกมาทีละเล่ม เลือดสีดำก็ปรากฏขึ้นบนศีรษะของ ทานิกาวะ ดูมีไม่ค่อยเยอะ แต่มันไหลลงมาบนใบหน้าจึงดูน่ากลัวมาก !

อู่อีหยิบผ้าขนหนูอยู่ด้านข้างและคิดที่จะะช่วยเช็ดบาดแผลให้เขา แต่กลับถูกหยางโปห้ามเอาไว้ “ ไม่ต้องเช็ด รอครึ่งชั่วโมงก่อน ! ”
อู่อีพยักหน้าและยืนอยู่ข้างๆโดยไม่ขยับเขยื้อน

หยางโปไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุนานมากนัก  เพราะเขารู้ดีว่าเขาต้องให้เวลาทานิกาวะพักฟื้นตัวสักระยะ และต้องการให้พวกเขาเข้าใจเรื่องหนึ่งด้วย ว่าเขาสามารถรักษาเนื้องอกในสมองของทานิกาวะได้ !

เพียงแค่พวกเขารู้ถึงเหตุผลนี้  ต่อไปก็จะปล่อยให้หยางโปตัดสินใจเอง มันก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายที่จะได้โสมเขียวกลับคืนมา !

เมื่อหยางโปกลับมาที่ห้อง   ก็นั่งสมาธิและพักผ่อน  พลังลมปราณของเขาหมดไปแล้ว จำเป็นต้องรีบฝึกฝนและฟื้นตัวโดยเร็วที่สุด !
……

พอจับตัวหยางเต๋อเชิงมาได้มันทำให้ลัวย่าวหัวค่อนข้างแปลกใจ เพราะเขาไม่เคยเห็นโจรคนไหนโง่ แบบนี้มาก่อน ที่ถึงกับทำให้ตัวเองติดแหง็กอยู่ตรงกลางหน้าต่าง หรือว่าเขาไม่ได้คิดถึงปัญหานี้ ?

ลัวย่าวหัวจับตัวหยางเต๋อเชิงขังเอาไว้ เขาอดสงสัยไม่ได้จึงไปนำตัวหยางเต๋อเชิงกลับมาใหม่และสอบปากคำเขาอีกครั้ง ” ตอนนั้นกลุ่มอินากาวะเป็นคนขอให้คุณมาขโมยของใช่ไหม ? คุณจงใจให้ถูกจับใช่ไหม ? “

หยางเต๋อเชิงเหลือบมองไปที่ลัวย่าวหัว และก้มศีรษะลงอีกครั้ง “ ผมจะกล้าขโมยของจากอาจารย์ลุงได้ที่ไหนกัน ถ้าขโมยของและถูกจับได้ ก็แค่ถูกกระทืบสักครั้ง แต่ถ้าไม่ทำเรื่องนี้ ครอบครัวของผมก็อาจจะตายได้ ! ”

ลัวย่าวหัวจ้องหน้าหยางเต๋อเชิงเขม็ง และเอ่ยปากพูดว่า ” เริ่มแรกหยางโปถามฉันว่า หยางเต๋อเชิงทำงานได้ดีใช่ไหม ฉันยังว่านายเห็นแก่ตัว แต่นิสัยไม่เลว  ดูแล้วคุณสมบัติประจำตัวของนายก็ถือว่าไม่เลว “

หยางเต๋อเชิงอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหน้าลัวย่าวหัว และถามอย่างมีความหวังว่า

“ ถ้าอย่างนั้นคุณลัว จะปล่อยผมไปแล้วใช่ไหม ? ”

” ไม่ปล่อยรอจนกว่าหยางโปกลับมา แล้วค่อยมาว่ากันอีกที ! ” ลัวย่าวหัวตอบ